27 ต.ค. 2023 เวลา 05:17 • ธุรกิจ

Walmart ผู้ค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่ครอง "อันดับหนึ่ง" ซูเปอร์มาร์เก็ตในจีน

ในเวทีการค้าปลีกที่มีการแข่งขันสูงของประเทศจีน มีผู้เล่นทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนมากแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด
หนึ่งในธุรกิจค้าปลีกที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด นั่นก็คือ "ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต"
เป็นที่น่าแปลกใจที่พบว่า แบรนด์ธุรกิจค้าปลีกที่ครองตำแหน่งผู้นำสูงสุดนั้นไม่ใช่แบรนด์สัญชาติจีน แต่เป็นแบรนด์สัญชาติอเมริกา นั่นก็คือ Walmart นั่นเอง
จากข้อมูลของ China Chain Store และ Franchise Association ที่ได้เปิดเผยรายชื่อบริษัทซูเปอร์มาร์เก็ต 100 อันดับแรกประจำปี 2022 "ตามยอดขายในประเทศจีน"
พบว่าบริษัทสัญชาติอเมริกาอย่าง Walmart เป็นบริษัทที่ครองส่วนแบ่งรายได้ของตลาดในจีนไว้มากที่สุด โดยมีรายได้ที่ 109.31 พันล้านหยวนในปี 2022 ซึ่งคิดเป็น 11.66% จากรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นของตลาดนี้ในปี 2022 ที่ 936.89 พันล้านหยวน
รองลงมาคือ บริษัทสัญชาติจีนอย่าง Yonghui Superstores Co., Ltd. ที่มีรายได้ 98 พันล้านหยวน ตาม Walmart มาติดๆ
ความสำเร็จของ Walmart ในประเทศจีนนั้นเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงชื่อเสียงของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เครือข่ายร้านค้าที่กว้างขวาง ราคาที่แข่งขันได้ ผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกมากมาย
หากเราต้องการทราบว่า Walmart สามารถขึ้นมายืนหนึ่งในตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตของจีนได้อย่างไร คงต้องย้อนไปในปี 1996 เป็นปีที่ Walmart ได้เข้าสู่ประเทศจีนเป็นครั้งแรก
ตลอดเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา Walmart ได้นำกลยุทธ์ของร้านค้าในอเมริกามาใช้ โดยเปิดร้านค้าขนาดใหญ่จำนวนมากและจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์สินค้าหลากหลายให้แก่นักช้อปในราคาที่พวกเขาสามารถเข้าถึงได้
ความฉูดฉาดของ Walmart ในช่วงเวลานั้นทำให้ผู้บริโภคในท้องถิ่นตื่นตาตื่นใจด้วยร้านค้าขนาดใหญ่และผลิตภัณฑ์มากมาย หรือก็คือ Walmart เป็นผู้เล่นต่างชาติรายแรกๆเลยที่เข้าสู่ตลาดค้าปลีกในจีน ทำให้พวกเขาสามารถกินส่วนแบ่งรายได้มากกกว่าผู้เล่นรายอื่น
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ Walmart สามารถครอง "อันดับหนึ่ง" ซูเปอร์มาร์เก็ตในจีน นั่นก็คือ กลยุทธ์ด้านอีคอมเมิร์ซและธุรกิจในเครือที่ชื่อว่า Sam's Club
Sam's Club นั้นเป็นเครือคลังสินค้าสำหรับสมาชิกที่ Walmart เป็นเจ้าของและได้มีการดำเนินการในจีนพร้อมกับธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตตั้งแต่แรกเริ่ม มีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ของ Walmart ในการจัดหาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในท้องถิ่นและพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง
ในช่วงปี 2010 ด้วยการเติบโตของชนชั้นกลางที่ร่ำรวยมากขึ้นของจีน เป็นผลให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของจีนเริ่มรุ่งเรืองอย่างจริงจัง
ทำให้ Walmart ต้องดำเนินกลยุทธ์ด้านอีคอมเมิร์ซโดยการเข้าซื้อธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ชื่อว่า Yihaodian แต่หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปี Walmart ได้ขายธุรกิจนี้ให้กับ JD.com และได้ก่อตั้งความร่วมมือกับ JD.com โดยการโอนสมาชิก Sam's Club ทั้งหมดไปที่ JD.com
การเป็นพันธมิตรกับ JD.com แทนที่จะแข่งขันกับพวกเขา ทำให้ Walmart มีธุรกิจรูปแบบอีคอมเมิร์ซที่สามารถแข่งขันได้ภายในจีน
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ในช่วงปี 2015 ถึงปี 2022 ได้เกิดเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมค้าปลีกแบบดั้งเดิมของจีน
ด้วยความรุ่งเรืองของอีคอมเมิร์ซของจีนในทางกลับกัน มันทำให้ Walmart ต้องปิดร้านในเครือไปมากมายจนเหลือเพียง 365 แห่งในปี 2022 โดยแบ่งเป็นร้านค้าปลีก 322 แห่ง และร้านค้าส่ง 43 แห่ง โดยร้านค้าปลีกอย่างซูเปอร์มาร์เก็ตมีแนวโน้มที่ลดลง แต่ร้านค้าส่งอย่างคลังสินค้าเฉพาะสมาชิกกลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า ในช่วงการระบาดใหญ่ของ Covid-19 ทำให้การช็อปปิ้งแบบขายปลีกในคลังสินค้าได้รับความนิยม เนื่องจากผู้บริโภคต้องการเข้ามาเป็นสมาชิกเพื่อเข้าถึงผลิตภัณฑ์จำนวนมากในราคาที่ไม่แพง เพื่อที่พวกเขาจะได้ตุนข้าวของ สำหรับการล็อกดาวน์ที่อาจเกิดขึ้นและเพื่อลดการเดินทางไปร้านค้าให้น้อยลง
โดยในปี 2021 Sam's Club มีการขยายสาขที่โดดเด่นที่สุดในเวลานั้น โดยมีสาขาเพิ่มขึ้น 36 สาขา ในกวางตุ้ง อู่ฮั่น หางโจว เซี่ยงไฮ้ และอื่นๆ
ถึงแม้ว่าประเทศจีนจะเป็นเพียงยอดขายส่วนน้อยจากยอดขายทั่วโลกทั้งหมดของ Walmart หรือคิดเป็น 13.72% ของรายได้ทั้งหมด แต่ตลาดค้าปลีกจีนก็เป็นส่วนสำคัญของ Walmart
ที่ผ่านมา Walmart ได้มีการลดทอนการดำเนินงานระหว่างประเทศที่เคยมีแนวโน้มดีอื่นๆ ออกไป โดยมีการขายการควบคุมร้านค้าในอังกฤษ บราซิล และญี่ปุ่น แต่ก็ยังคงดำเนินกิจการค้าปลีกในจีนต่อไป
โดยหากเราพูดถึงพื้นที่ปฏิบัติการของ Walmart ในปี 2022 จีนนั้นเป็นอันดับสองรองจากเม็กซิโกเท่านั้น ในเม็กซิโก Walmart มีสาขา 2,755 แห่ง บนพื้นที่กว่า 100,000 ตารางฟุต แต่ในจีนแม้ Walmart จะมีสาขาเพียง 300 กว่าแห่ง แต่กลับใช้พื้นที่ไม่น้อยกว่า 64,530 ตารางฟุต
เราจึงอนุมานได้ว่า Walmart อาจจะกำลังปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนที่นิยมซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น จึงได้มีการลดจำนวนสาขาของร้านค้าปลีกอย่างซูเปอร์มาร์เก็ตลง แต่ยังคงเน้นคุณภาพและประสิทธิภาพด้วยการใช้พื้นที่ปฏิบัติการต่อสาขาให้มากขึ้น
โดยรวมแล้วการเดินทางของ Walmart ในการเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต "อันดับหนึ่ง" ในประเทศจีน เป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการส่งมอบคุณภาพ ความสามารถในการดำเนินงาน และมอบความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคชาวจีน
ด้วยเครือข่ายที่กว้างขวาง ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย การเปิดรับอีคอมเมิร์ซ และการมุ่งเน้นที่จะปรับตัวให้ทันเทรนการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปของประเทศจีน
Walmart ได้ตอกย้ำสถานะของตนในฐานะผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมค้าปลีกของจีนเป็นอย่างดี ในขณะที่ตลาดจีนก็ยังคงก้าวไปข้างหน้าไปอย่างต่อเนื่อง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา