26 ต.ค. 2023 เวลา 12:59 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปงบ Meta Q3 2023

Meta กำไรฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว Q3 2023 ที่พึ่งออกมาทำกำไรไป 11,583 ล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นกำไรต่อไตรมาสสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเลย ก่อนหน้านี้เคยทำไว้ที่ 11,219 ล้านเหรียญเมื่อ Q4 2020 แต่ราคาหุ้นกลับสวนทาง ไม่ต่างกับ Google เมื่อวานที่ทำผลงานได้ดีแต่หุ้นกลับโดนเทขาย ลองมาแกะไปด้วยกันว่าทำไมครับ
10
ภาพรวม
รายได้รวมโตขึ้น 23% หลักๆคือส่วน Family of Apps Revenue ที่โตขึ้น 24% (Advertising ในแอพ Facebook Instagram และ WhatsApps)
แต่ Reality Labs ยังติดลบไป 26% (Meta Quest 3 พึ่งออกต้องรอดูผลกันใน Q4) ส่วน Ads ถือว่าทำได้ดีมากๆ ช่วยผลักดันให้รายได้โดยรวมโตกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ 1.7%
1
อัตรากำไรOperating Margin โดยรวมดีขึ้นมาก จาก 20% ในปีก่อน เป็น 40% ในไตรมาสล่าสุดนี้ ทำให้กำไรสุทธิก็ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ถึง 20%
ไปเจาะลึกในค่าใช้จ่ายเทียบเป็นสัดส่วนกับรายได้ จะเห็นเลยว่าบริษัทควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นมากๆในช่วง 3 ไตรมาส ที่ผ่านมา ส่วนที่เห็นได้ชัดที่สุดน่าจะเป็น General & Administrative หรือค่าใช้จ่ายพนักงานทั่วไป ลดจาก 13% เหลือแค่ 6% ของรายได้เท่านั้น เหตุผลหลักคือการ Lay off ครั้งใหญ่ของบริษัทที่ลดจำนวนพนักงานมาต่อเนื่อง 3 ไตรมาสแล้ว โดยไตรมาสล่าสุดจำนวนลดลงไป 7% QoQ 24% YoY ตอนนี้บริษัทมีพนักงานทั้งหมด 66,185 คน
รายได้ก็โตดี ต้นทุนก็คุมได้ดี ทำให้กำไรดีกว่าที่คาดไว้ แต่ราคาหุ้นไม่ตอบสนองไปในทางบวกเท่าไหร่ ผมคิดว่ามี 3 ปัจจัยหลัก
  • สภาวะตลาดกดดัน ทั้งเรื่อง Bond Yield และสภาวะเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีกระทบกับบริษัท Ads แน่นอน ซึ่งทางบริษัทก็มองว่าปีหน้ามีความไม่แน่นอนสูง และมองว่าอาจจะไม่ได้โตเหมือนปีนี้เนื่องจากฐานที่สูงขึ้นด้วย
  • อัตรากำไรที่สูงในไตรมาสนี้ อาจไม่ใช่กำไรที่เราจะเห็นกันในปีหน้าอีกแล้ว เพราะค่าใช้จ่ายในปีหน้า น่าจะสูงขึ้นจาก 3 เหตุผลคือค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้น จากการลงทุนหนักในช่วงที่ผ่านมา, การจ้างพนักงานในระดับปัจจุบันต่ำกว่าปกติ ทำให้ปีหน้าคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น แต่ Focus ใน Project สำคัญ
  • Reality Labs จะยังคงขาดทุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีก และต้องลงทุน CAPEX เพิ่มขึ้นในปีหน้า บริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 30 - 35 พันล้านเหรียญ โดยเอาไปลงทุนใน Server และ Data Center เพื่อรองรับการพัฒนา AI รวมถึง Reality Labs ด้วย
ทั้งนี้มันเป็นแค่การหาเหตุผลมาจับใส่ในวันที่ตลาดลงเท่านั้นครับ ต้องลองพิจารณาดูว่าอนาคตบริษัทจะเป็นยังไงต่อไป เพราะซื้อหุ้นเราไม่ได้ซื้ออดีต แต่เป็นการซื้ออนาคต ถามว่าอนาคตบริษัทให้ความสำคัญกับอะไร เท่าที่ฟังผมคิดว่าคงเป็น “AI”….
ใช่แล้วครับ “AI” อีกแล้ว!!
แต่ท่านมาร์คบอกว่า Generative AI ของเขาแตกต่าง
Meta มีทั้ง “Meta AI” ที่เป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัว(คล้าย ChatGPT) มี “AI Studio” สำหรับผู้พัฒนา, “AI Sticker” และอื่นๆที่กำลังจะตามมา ซึ่งมาร์คมองว่านี้คือ Ecosystem ที่จะใส่ AI อยู่ในทุกๆอย่างของ Meta และจะทำให้ทั้งคนทั่วไปที่ใช้ Facebook Instagram ได้รับประสบการณ์ที่แตกต่าง รวมถึงฝั่ง Advertiser เองก็มีเครื่องมือที่ช่วยให้การทำโฆษณาง่ายยิ่งขึ้น
แต่มาร์คเองก็ยังตอบไม่ได้ว่า “AI” จะใหญ่ และเป็นส่วนสำคัญขนาดไหนเนื่องจากมันพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น แต่ที่แน่ๆคือ ในระยะสั้น การลงทุนพัฒนา AI จะทำให้มีค่าใช้จ่ายด้าน Server เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งใจจะสร้างสินค้าที่ดีที่สุดก่อน แล้วระยะยาวพอเราเริ่มเห็นการใช้งานและภาพที่ชัดขึ้น ถึงจะมาคิดเรื่องทำกำไรกันมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นอีกพอสมควรเช่น Reel ดีมากๆ Monetize ได้ดีกว่าที่เคยคิดไว้อีก, ยอดผู้ใช้งานโดยรวมสูงขึ้นทั้ง DAU และ MAU, เรื่องกฎหมายที่ยังไม่แน่นอนในยุโรป
และที่น่าสนใจคือ ค่าทำโฆษณาต่อ Ads ที่ถูกลง 6% แต่ จำนวน Ads ที่ยิงได้เพิ่มขึ้นถึง 31% ซึ่งมีแนวโน้มแบบนี้มาหลายไตรมาสแล้ว ผลที่ออกมาคือรายได้โดยรวมของบริษัทโตขึ้นมาก ส่วนตัวผมรู้สึกได้มาสักพักแล้วว่า Facebook ยิง Ads มากขึ้นเยอะเลย เลื่อนฟีดไปนิดเดียวก็เจอ Ads แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนๆพี่ๆรู้สึกกันไหมครับ
ถ้าชอบบทความเกี่ยวกับการลงทุนแนวนี้ฝากกดไลค์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้แอดหน่อยนะค้าบ ผิดพลาดตรงไหนขออภัยไว้ก่อนเลยนะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา