Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
28 ต.ค. 2023 เวลา 13:21 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 30
เจ็ดดาวร่วมธรรม (3) สามหย่วนพี่น้อง
เฉาไก้นำอู๋ย่งและหลิวถังกลับมาถึงบ้านแล้วพาตรงไปยังห้องลับด้านหลัง พอนั่งลงแล้วอู๋ย่งก็ถามว่า
“เป่าเจิ้ง ท่านผู้นี้เป็นใคร”
เฉาไก้ว่า “ผู้กล้าในวงนักเลง แซ่หลิวชื่อถัง เป็นคนเมืองตงลู่ มาหาข้าเพื่อส่งข่าวเรื่องขุมทรัพย์ แต่เมื่อคืนมาเมาหลับถูกจับเสียที่ศาลหลิงกวน เหลยเหิงพาตัวมาที่บ้านข้า ข้าเลยอ้างว่าเป็นหลานเพื่อให้ปล่อยตัว เขาบอกว่า เหลียงจ้งซูเมืองต้าหมิงเที่ยวกว้านซื้อทรัพย์สินมีค่ามูลค่าหนึ่งแสนก้วนจะนำไปมอบเป็นของขวัญวันเกิดราชครูไฉ้ท่านพ่อตาที่ตงจิง ต้องผ่านมาทางนี้ สมบัติเหล่านี้ได้มาโดยไม่สุจริต ชิงมาเสียก็ไม่ผิด
เรื่องที่ว่ามานี้สอดคล้องกับความฝันของข้าเมื่อคืนที่ฝันเห็นดาวกระบวยใหญ่มาห้อยอยู่บนสันหลังคาบ้าน บนด้ามกระบวยยังมีดาวเกินมาหนึ่งดวงต่อมาก็กลายเป็นลำแสงสีขาวหายไป ข้าคิดว่าดาวส่องเหนือบ้าน จะเป็นนิมิตดีอยู่หรือไม่ เช้านี้ว่าจะไปเชิญอาจารย์มาหารืออยู่พอดี”
อู๋ย่งหัวเราะแล้วว่า “ข้าเห็นพี่หลิวท่าทีแปลกๆ ก็พอเดาได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องดีอยู่ ทว่า คนมากเกินไปก็ไม่ได้ คนน้อยเกินไปก็ไม่ได้ คนในบ้านท่านถึงมีอยู่หลายคนก็ล้วนใช้งานไม่ได้ ตอนนี้ก็นับได้ว่ามีเพียงท่านเป่าเจิ้ง พี่หลิว และผู้น้อยเพียงสามคน เรื่องนี้ต้องใช้คนถึงเจ็ดแปดคนจึงสำเร็จ มากไปก็ไม่มีประโยชน์”
เฉาไก้ว่า “เช่นนั้นก็ตรงกับจำนวนดาวในฝัน”
อู๋ย่งว่า “ฝันของท่านพี่ตรงอยู่ไม่น้อย ดูทีคนที่จะมาช่วยน่าจะอยู่ทางทิศเหนือ” แล้วขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่เป็นพักใหญ่ก็กล่าวว่า
“มี มีแล้ว มีอยู่สามคนฝีมือเข้มแข็ง กล้าข้ามน้ำลุยไฟ ร่วมเป็นร่วมตาย ได้สามคนนี้มา งานสำเร็จแน่”
เฉาไก้ถามว่า “สามคนที่ว่านี้เป็นคนอย่างไร ชื่อแซ่ไร อาศัยอยู่ที่ไหน”
อู๋ย่งว่า “สามคนนี้เป็นพี่น้องกัน อยู่หมู่บ้านสือเจี๋ย 石碣村 ริมน้ำเหลียงซานป๋อ เมืองจี้โจว 济州梁山泊 เบื้องหน้าก็มีอาชีพเป็นชาวประมง เบื้องหลังก็แอบทำธุรกิจสีเทาหากินอยู่ในทะเลสาบ คนหนึ่งคือ ไท่สุ้ยบนดินหยวนเสี่ยวเอ้อ 立地太岁阮小二 คนหนึ่งคือ เจ้ายี่บั่นชีพหยวนเสียวอู่ 短命二郎阮小五 อีกคนคือ ยมบาลตัวเป็นหยวนเสี่ยวชี 活阎罗阮小七
เมื่อก่อนข้าเคยอาศัยอยู่ที่นั่นหลายปี จึงรู้จักสามคนนี้ แม้จะเป็นคนไม่รู้หนังสือแต่ก็มีคุณธรรมในการคบมิตร เป็นลูกผู้ชายตัวจริง นี่ข้าก็ไม่ได้พบกันมาสองปีแล้ว ถ้าได้สามคนนี้มา งานใหญ่ลุล่วงแน่”
เฉาไก้ว่า “ข้าก็เคยได้ยินเรื่องสามหย่วนพี่น้องอยู่ แต่ไม่เคยพบหน้า หมู่บ้านสือเจี๋ยอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึงหนึ่งร้อยสิบลี้ ทำไมไม่ให้คนไปเชิญพวกเขามาหารือ”
อู๋ย่งว่า “ให้คนไปเชิญ ที่ไหนจะยอมมา ผู้น้อยคงต้องไปด้วยตัวเอง อาศัยลิ้นสามนิ้วนี้เกลี้ยกล่อมให้มาเป็นพวก”
เฉาไก้ชอบใจว่า “อาจารย์ความเห็นสูงส่ง ท่านจะเดินทางเมื่อไร”
“เรื่องรอช้าไม่ได้ คืนนี้ยามสามจะออกเดินทาง ถึงที่นั่นราวเที่ยงวันพรุ่งนี้”
พวกบ่าวยกสุราอาหารมาพอดี อู๋ย่งกล่าวต่อว่า “เส้นทางจากเป่ยจิงไปยังตงจิง ไม่รู้ว่าขบวนส่งของขวัญวันเกิดจะใช้เส้นทางไหน คงต้องรบกวนพี่หลิวกลับไปหาข่าวที่เป่ยจิงเรื่องกำหนดเวลาเดินทางและเส้นทาง”
หลิวถังว่า “คืนนี้ข้าจะออกเดินทางเลย”
อู๋ย่งว่า “ช้าก่อน วันเกิดวันที่สิบห้าเดือนหก นี่เพิ่งต้นเดือนห้า ยังมีเวลาอีกสี่สิบกว่าวัน รอข้าไปชวนสามหย่วนพี่น้องกลับมาถึงก่อน ค่อยออกเดินทางยังไม่สาย”
เฉาไก้ว่า “ก็ใช่ พี่หลิวรออยู่ที่บ้านข้านี่ก่อน”
ฉายาของสามหย่วนพี่น้องนี้มาเป็นเถา ฟังดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ความหมายนั้นสัมพันธ์กัน
ดาวพฤหัส 木星 แต่โบราณมาถือเป็นดาวเจ้าชีวิต 岁星 โคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบใช้เวลา 12 ปี เมื่อแบ่งท้องฟ้าออกตาม 12 หมู่ดาวนักษัตร ก็เท่ากับทุกหนึ่งปีดาวพฤหัสจะเคลื่อนจากนักษัตรหนึ่งเข้าสู่อีกนักษัตรหนึ่ง
แต่การเคลื่อนที่ของดาวพฤหัสเมื่อมองจากโลกนั้นจะเห็นเคลื่อนจากทิศตะวันตกสู่ทิศตะวันออกแปลกไปจากการเคลื่อนที่ปกติของดาวทั่วไป จึงเกิดกลุ่มดาวในจินตนาการขึ้นเดินทางสวนกับดาวพฤหัส คือ เคลื่อนจากตะวันออกสู่ตะวันตกตามปกติ เรียกว่า ไท่สุ้ย 太岁
แต่ไท่สุ้ยนั้นมีมากถึง 60 องค์ คำนวณจาก 12 นักษัตร คูณ ธาตุทั้ง 5 ไท่สุ้ยแต่ละองค์จะกำกับดูแลชะตาชีวิตมนุษย์เพียงหนึ่งปี หมุนเวียนกันไปจนครบ 60 องค์ 60 ปี หากใครมีวันเกิดตรงกับไท่สุ้ยถือว่าชะตาชงกับไท่สุ้ย นับว่าเป็นคราวเคราะห์
1
ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับร่างจำแลงของไท่สุ้ย 太岁的化身 ว่า เมื่อไท่สุ้ยเคลื่อนย้ายตำแหน่งบนฟ้ามายังตำแหน่งใหม่ ใต้ดิน ณ ตำแหน่งนั้นจะเกิดเห็ดหายากขึ้นเรียกว่า ไท่สุ้ย 太岁 หรือ หลินจือเนื้อ 肉灵芝 ซึ่งก็คือ ร่างจำแลงของไท่สุ้ย การขุดดินเพื่อก่อสร้างหรือทำการใดในตำแหน่งนั้น ถือว่าเป็นการล่วงเกินไท่สุ้ย นำมาซึ่งเคราะห์ร้าย เป็นที่มาของสำนวน “เคลื่อนดินบนกบาลไท่สุ้ย 太岁头上动土”
ไท่สุ้ยกุมชะตายามเป็น ยมบาลกุมชะตายามตาย หยวนเสียวอู่ มีชื่อว่าเจ้าห้า แต่กลับมีฉายาเจ้ายี่ ย่อมนับเรียงจากเถาฉายาของสามพี่น้อง โดยนับไท่สุ้ยเสี่ยวเอ้อเป็นเจ้าอ้าย เสียวอู่เป็นเจ้ายี่ และยมบาลเสี่ยวชีเป็นเจ้าสาม จะพบใครในสามคนนี้ล้วนเป็นคราวเคราะห์บั่นทอนให้อายุต้องสั้นลง
อู๋ย่งมาถึงหมู่บ้านสือเจี๋ยราวเที่ยงวัน
青郁郁山峰叠翠,绿依依桑柘堆云。
四边流水绕孤村,几处疏篁沿小径。
茅檐傍涧,古木成林。
篱外高悬沽酒旆,柳阴闲缆钓鱼船。
ยอดเขาสลับซับซ้อนเขียวชอุ่ม
หมู่หม่อนสุมคลุมดังเมฆขจีเขียว
กระแสธารอ้อมล้อมหมู่บ้านดายเดียว
ป่าไผ่เที่ยวกระจายขึ้นตามทางไป
พงอ้อแขมแซมแน่นริมละหาน
ไม้โบราณยืนต้นเป็นดงใหญ่
นอกรั้วแขวนธงสุรากวัดแกว่งไกว
ใต้ร่มหลิ่วล่ามลำเรือหาปลา
อู๋ย่งตรงไปยังบ้านหยวนเสี่ยวเอ้อได้เลยโดยไม่ต้องถามทางด้วยว่าเคยอยู่มาก่อน บ้านของหยวนเสี่ยวเอ้อเป็นกระท่อมหญ้าหลายห้องอิงเขาอยู่ริมน้ำ หน้าบ้านมีตอไม้แห้งผูกเรือประมงไว้หลายลำ มีแหขาดๆ ปากหนึ่งตากอยู่นอกรั้ว อู๋ย่งตะโกนเรียกว่า “พี่รองอยู่บ้านไหม”
眍兜脸两眉竖起,略绰口四面连拳。
胸前一带盖胆黄毛,背上两枝横生板肋。
臂膊有千百斤气力,眼晴射几万道寒光。
休言村里一渔人,便是人间真太岁。
หน้าเว้าคิ้วชี้กาง
ปากกว้างรอบข้างโค้งมน
สีเหลืองแผงอกขน
กล้ามปีกหลังสองมัดเด่น
ร้อยชั่งกำลังแขน
ประกายตาแสนเยือกเย็น
ชาวประมงดังที่เห็น
ฤาเป็นไท่สุ้ยบนดิน
ชายคนหนึ่งออกมาจากหลังบ้านพอเห็นอู๋ย่งก็ร้องทักว่า “อาจารย์มาได้ไง ลมอะไรพัดมานี่”
“มีเรื่องมารบกวนพี่รองหน่อย”
“มีอะไรก็บอกมาได้เลย”
อู๋ย่งว่า “ข้าไปจากที่นี่ได้สองปีแล้วกระมัง ตอนนี้ไปอาศัยอยู่กับเศรษฐีท่านหนึ่ง ท่านจะจัดงานเลี้ยง ต้องใช้ปลาหลีฮื้อทองขนาดสิบสี่สิบห้าชั่งสิบกว่าตัวเลยตั้งใจมาหาที่นี่”
หยวนเสี่ยวเอ้อหัวเราะแล้วว่า “ข้าน้อยดื่มกับอาจารย์สักสามจอกก่อน ค่อยว่ากัน”
อู๋ย่งว่า “ข้ามานี่ก็ตั้งใจจะมาชวนพี่รองไปดื่มสักสามจอกอยู่เช่นกัน”
“ข้ามทะเลสาบไปนี่มีร้านอาหารอยู่หลายร้าน พวกเราเอาเรือข้ามไปกันเถอะ”
“ดีเลย ข้ามีเรื่องจะคุยกับพี่ห้าด้วย ไม่รู้ว่าอยู่บ้านหรือเปล่า”
“พวกเราไปหาก็รู้เอง”
ทั้งคู่มายังริมหนองแก้เชือกเรือลำหนึ่งจากตอไม้ หยวนเสี่ยวเอ้อพยุงอู๋ย่งลงเรือแล้วพายออกกลางน้ำ สักพักหนึ่งหยวนเสี่ยวเอ้อก็โบกไม้โบกมือตะโกนเรียกว่า “เจ้าเจ็ด เห็นเจ้าห้าไหม” อู๋ย่งมองตามไปก็เห็นเรือลำหนึ่งแล่นออกมาจากพงอ้อ คนที่พายมาคือ ยมบาลตัวเป็นหยวนเสี่ยวชี
疙疸脸横生怪肉,玲珑眼突出双睛。
腮边长短淡黄须,身上交加乌黑点。
浑如生铁打成,疑是顽铜铸就。
世上降生真五道,村中唤作活阎罗。
หน้าเป็นสิวโหนกแก้มสูงประหลาด
วี่แววฉลาดฉายจากนัยน์ตาสอง
สองข้างแก้มสั้นยาวเคราเหลืองทอง
ทั่วตัวมองเห็นจุดดำเกะกะตา
ทั่วทั้งกายคล้ายตีขึ้นจากเหล็ก
คงหลอมจากเหล็กสนิมน่ากังขา
อยู่บนดินไปถึงสิ้นภูมิทั้งห้า
เรียกกันทั่วบ้านว่ายมบาลตัวเป็น
(ห้าภพภูมิ 五道 ในลัทธิเต๋า คือ เทวภูมิ มนุษยภูมิ เดรัจฉานภูมิ เปรตภูมิ นรกภูมิ)
หยวนเสี่ยวชีทักว่า “พี่รอง จะไปหาพี่ห้าทำไม”
อู๋ย่งตะโกนทักว่า “พี่เจ็ด ข้าตั้งใจมาหาพวกท่านมีเรื่องคุยด้วย”
หยวนเสี่ยวชีว่า “โทษทีอาจารย์ ไม่เจอกันนานเชียว”
อู๋ย่งว่า “ไปดื่มกับพี่รองกันสักหน่อยเถิด”
“ข้าก็อยากดื่มกับอาจารย์อยู่ ไม่ได้เจอหน้ากันนาน”
เรือสองลำพายตามกันมาถึงที่เวิ้งว้างกลางหนอง มีแต่น้ำกับน้ำ บนท่าน้ำมีกระท่อมหญ้าอยู่เจ็ดแปดหลัง
หยวนเสี่ยวเอ้อตะโกนเรียกว่า “แม่เฒ่า เจ้าห้าอยู่ไหม”
ยายเฒ่าว่า “ว่าไม่ได้ ปลาก็ไม่ออกไปจับ วันๆ เอาแต่เข้าบ่อน เล่นเสียจนไม่เหลือสักแดง นี่ก็มาเอาปิ่นของข้า ขึ้นฝั่งไปเข้าบ่อนอีก”
หยวนเสี่ยวเอ้อหัวเราะแล้วพายเรือออกมา หยวนเสี่ยวชีพายตามหลังมาบอกว่า “พี่แกไม่รู้เป็นไง เล่นก็มีแต่เสีย โชคไม่มี อย่าว่าแต่พี่แกเลย ข้าเองก็เสียหมดตูดเหมือนกัน”
อู๋ย่งคิดในใจ “ได้การละ”
เรือพายตามกันมายังตัวหมู่บ้านสือเจี๋ย พายมาราวครึ่งชั่วโมง ก็เห็นสะพานไม้โดดๆ มีชายผู้หนึ่งอยู่ข้างสะพาน มือถือเหรียญทองแดงสองพวง กำลังลงมาแก้เชือกผูกเรือ หยวนเสี่ยวเอ้อว่า “นั่นไงเจ้าห้า”
一双手浑如铁棒,两只眼有似铜铃。
面上虽有些笑容,眉间却带着杀气。
能生横祸,善降非灾。
拳打来,狮子心寒;
脚踢处,蚖蛇丧胆。
何处觅行瘟使者,只此是短命二郎。
มือทั้งคู่ดูขุ่นเหมือนเหล็กพลอง
สองตาพองราวระฆังทองสำริด
หน้าแย้มยิ้มหว่างคิ้วมีแววอำมหิต
เภทภัยมิคาดคิดอาจบันดาล
ชกหมัดมาพญาสิงห์หนาวจับใจ
เตะขาไปพญางูขวัญสะท้าน
ทูตโรคาหาไหนไม่ต้องควาน
ตระหง่านอยู่ตรงนี้เจ้ายี่บั่นชีพ
(蚖蛇 งูพิษใหญ่ในตำนาน)
อู๋ย่งมองเห็นเจ้ายี่บั่นชีพหยวนเสียวอู่โพกผ้าขาด ทัดดอกไม้ข้างหู กลางอกสักเสือดาว จึงตะโกนทักไปว่า “พี่ห้าเล่นได้ไหม”
หยวนเสียวอู่ว่า “อาจารย์นี่เอง ไม่เจอกันตั้งสองปี ข้าอยู่บนสะพานก็เห็นมากันแต่ไกลแล้ว”
หยวนเสี่ยวเอ้อว่า “ข้ากับอาจารย์ไปหาเจ้าที่บ้าน แม่เฒ่าว่า มาเข้าบ่อน เลยตามมานี่ จะชวนไปดื่มกับอาจารย์สักสามจอก”
หยวนเสียวอู่รีบแก้เชือกเรือ แล้วพายตามกันมาสามลำจนถึงศาลาอาหารริมน้ำ
前临湖泊,后映波心。
数十株槐柳绿如烟,一两荡荷花红照水。
凉亭上窗开碧槛,水阁中风动朱帘。
休言三醉岳阳楼,只此便是蓬岛客。
ด้านหน้าชิดติดทะเลสาบ
ด้านหลังทาบเงาทับกับเกลียวคลื่น
ดังหมอกเขียวไหวยหลิ่วนับสิบต้นยืน
บัวแดงระรื่นสองกอล้อธารา
ลูกกรงเขียวหน้าต่างศาลาเย็น
หอกลางน้ำเห็นม่านแดงเริงลมร่า
มิพักกล่าว หอเยว่หยาง เมาสามครา
อยู่ตรงหน้าคือเทวาเกาะเผิงไหล
(หอเยว่หยางเมาสามหน 三醉岳阳楼 ตำนานแปดเซียน เซียนหลวี่ต้งปิน 吕洞宾 เมาสุราที่หอเยว่หยาง 岳阳楼 สามหน
เกาะเผิงไหล 蓬莱仙岛 ที่พำนักเหล่าเทพเซียน)
ทั้งสี่เอาเรือเข้าเทียบผูกกลางบึงบัวข้างศาลา แล้วเข้ามาในร้านเลือกได้โต๊ะทาสีน้ำมันแดงก็พากันนั่งลง แล้วสั่งเหล้ามาถังหนึ่ง บริกรเอาจอกใหญ่มาตั้งสี่ใบ ตะเกียบสี่คู่ ผักสี่จาน แล้วเหล้าตามมาวางบนโต๊ะถังหนึ่ง
หยวนเสี่ยวเอ้อถามว่า “มีกับแกล้มอะไรบ้าง”
“มีวัวเพิ่งเชือดใหม่ๆ เนื้อมันย่องเลย”
“หั่นมาสิบชั่ง”
เนื้อหั่นแบ่งใส่มาสองจาน พอมาถึง สามหย่วนพี่น้องก็ให้อู๋ย่งที่เป็นแขกกินเสียก่อนหลายคำ จากนั้นทั้งสามก็สวาปามกันบ้างอย่างกับเสือหิว
หยวนเสียวอู่ถามว่า “อาจารย์มานี่มีธุระอะไร”
หยวนเสี่ยวเอ้อว่า “ตอนนี้อาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่บ้านเศรษฐีท่านหนึ่ง ต้องการปลาหลีฮื้อทองสิบกว่าตัว เอาขนาดตัวละสิบสี่สิบห้าชั่ง เลยมาหาพวกเรานี่”
หยวนเสี่ยวชีว่า “ปกติแล้วจะหาสักห้าสิบตัวก็มี อย่าว่าแต่แค่สิบตัว แต่ทุกวันนี้จะเอาขนาดตัวละสิบชั่งยังหายาก”
หยวนเสียวอู่ว่า “อาจารย์อุตส่าห์เดินทางไกลมา พวกข้าจะหาขนาดห้าหกชั่งให้สักสิบตัว”
อู๋ย่งว่า “เงินข้าพอมี ก็คิดตามราคาไป แต่ขอตัวใหญ่ๆ ขนาดตัวละสิบสี่สิบห้าชั่งกำลังดี”
หยวนเสี่ยวชีว่า “อาจารย์ หาไม่ได้หรอก ที่พี่ห้าว่าจะหาขนาดห้าหกชั่ง ยังต้องใช้เวลาหลายวันอยู่ ตอนนี้ในเรือข้าพอมีปลาเป็นอยู่บ้าง เดี๋ยวเอามาแกล้มเหล้ากินกัน”
หยวนเสี่ยวชีไปหิ้วถังปลาในเรือ พอมีปลาขนาดเจ็ดชั่งอยู่ จึงจัดการก่อไฟในเตาเอง เอาขึ้นปิ้งแล้วแบ่งใส่จานสามจานมาวางบนโต๊ะ
“อาจารย์ลองชิมดู”
ทั้งสี่กินกันไปสักพัก เห็นฟ้าใกล้ค่ำ อู๋ย่งคิดว่า “ที่ร้านนี่คุยกันไม่สะดวก คืนนี้คงพักที่บ้านพวกเขา หาเวลาคุยกันที่นั่นดีกว่า”
ตอนก่อนหน้า : ผีผมแดง ดาวสัพพัญญู
https://www.blockdit.com/posts/653a5b6dbfed09e0cd36b993
ตอนถัดไป : คุณธรรมวงนักเลง
https://www.blockdit.com/posts/653fac577086ca6d33081eac
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย