Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
•
ติดตาม
3 พ.ย. 2023 เวลา 04:08 • นิยาย เรื่องสั้น
ตอน เบาะแสจากสีผม
แวนลิวเวนฮอคขยับแว่นตาลงเล็กน้อยท่าทีเหมือนกับอึดอัดใจที่จะพูดเกี่ยวกับลูกๆของตนเอง เขาพูดขึ้นว่า
"อาจารย์รู้สึกอย่างไรตอนอยู่ที่บ้านของเฟอร์เมร์"
เมอร์คิวเรียสรู้สึกว่าตอนนี้แวนลิวเวนฮอคพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกโศรกเศร้าถึงโชคชะตาของตัวเอง
"เสียงดังครับ ลูกๆของเฟอร์เมร์วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานเลยครับ"
"ถ้าผมอยู่ที่นั่นผมคงทนเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆไม่ไหว"
ตอนนี้เมอร์คิวเรียสรู้แล้วว่าแวนลิวเวนฮอคไม่ได้เปลี่ยนเรื่องคุย แววตาของเขาบ่งบอกถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวของพ่อที่ต้องสูญเสียลูกและภรรยา การที่เขาบอกว่าไม่สามารถทนเสียงดังของเด็กๆได้ ที่จริงแล้วเสียงเด็กๆทำให้เขาอดคิดถึงลูกที่เสียไปไม่ได้ต่างหาก
หลังจากทุกคนรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดกลับมานั่งรวมกันที่ห้องนั่งเล่นหน้าเตาผิง ต่างพูดคุยกันเรื่องทั่วๆไปอย่างสนุกสนาน
เวลาผ่านไปได้สักครู่หนึ่งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หญิงรับใช้เดินไปเปิดประตู ปรากฏว่าคนที่เคาะประตูคือเฟอร์เมร์นั่นเอง
เฟอร์เมร์อยู่ในอาการเหนื่อยหอบ สีหน้าดูตื่นเต้นอะไรบางอย่าง เมอร์คิวเรียสเห็นสารรูปของเฟอร์เมร์แล้วแสดงว่าเขาคงวิ่งมาอย่างเร่งรีบจริงๆ
"สวัสดีครับท่านแวนลิวเวนฮอค สวัสดีครับอาจารย์" เสียงเฟอร์เมร์ขาดเป็นช่วงๆ
"ผมขอโทษที่มาขัดจังหวะ แต่ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกครับ"
"ไม่ต้องเกรงใจหรอก..เฟอร์เมร์ ว่าแต่เรื่องสำคัญที่ว่าคือเรื่องอะไร?" แวนลิวเวนฮอคถาม
"ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเด็กสาวทั้งสามพวกเธอมีอะไรที่เหมือนกัน"
ตอนนี้ทุกสายตาต่างจ้องมาที่เฟอร์เมร์พร้อมๆกัน เมอร์คิวเรียสถึงกับต้องขยับตัวเข้าใกล้เฟอร์เมร์จะได้ฟังอย่างชัดๆ
แวนลิวเวนฮอคบอกให้ภรรยาและลูกสาวออกจากห้องไปก่อน จากนั้นเดินไปหยิบไวน์แดงรินใส่แก้วแล้วยื่นให้เฟอร์เมร์
"ก่อนที่จะเล่าต่อ จิบไวน์ซักหน่อยจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น"
เฟอร์เมร์กล่าวขอบคุณ เขาดื่มไวน์ทีเดียวหมดแก้ว จากนั้นล้วงเอาภาพวาดออกจากกระเป๋าจำนวนสามภาพมาวางเรียงกันบนโต๊ะ
1
"ภาพแรกเป็นภาพเกอร์ทรูย์ด ผมเป็นคนวาดภาพนี้ ภาพที่สองเป็นภาพแมกดาเลนา ผมวาดหยาบๆตามคำบอกเล่าของแม่เธอ ส่วนภาพที่สามเป็นภาพที่มาจากแผ่นไม้แกะสลักที่ลอกแบบมาจากรูปวาดของจิตรกรอื่นอีกทีหนึ่ง
อย่างไรก็ตามผมเห็นว่าทั้งสามรูปยังไม่ดีพอ มันดูไม่มีชีวิตชีวา อาจารย์ยังจำได้ไหมว่าผมเคยรับปากคุณแม่ของแมกดาเลนาว่าจะวาดรูปลูกสาวเธอเพื่อไว้ดูต่างหน้า"
เมอร์คิวเรียสพยักหน้าตอบรับ
"ดังนั้นตอนบ่ายวันนี้ผมจึงแวะไปหาแม่ของแมกดาเลนาเพื่อทำตามสัญญา ตอนเธออธิบายรายละเอียดหน้าตาของลูกสาว ผมถามเธอว่าจะให้ผมระบายสีอะไรบนเส้นผมของแมกดาเลนา คำตอบของเธอทำให้ผมตาสว่างทันที"
"ตาสว่างเรื่องอะไร? รีบบอกมาไวๆ" แวนลิวเวนฮอคอดใจรอฟังไม่ไหว
"เด็กสาวทั้งสามคนล้วนมีสีเส้นผมออกโทนสีแดง ตอนชันสูตรอาจารย์เคยเห็นเส้นผมของเกอร์ทรูย์ดแล้วนี่ครับว่าเธอมีเส้นผมสีส้มอมแดง"
"โยฮันเนสพูดถูกแล้ว ตอนที่หมอเดอกราฟถอดหมวกเกอร์ทรูย์ดออก ผมก็เห็นเส้นผมเธอ เผอิญตอนนั้นผมมัวแต่สนใจกลิ่นไวน์เลยข้ามประเด็นเรื่องสีผมไปเลย"
"ส่วนภาพแอนนานั้น ผมได้มีโอกาสเห็นภาพต้นฉบับฝีมือวาดของคุณบราเมอร์แล้วจึงรู้ว่าจิตรกรที่ลอกเลียนภาพจากต้นฉบับนั้นระบายสีผมของแอนนาผิดไปจากเดิมกลายเป็นสีบลอนซึ่งไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องเป็นสีแดงอ่อนๆคล้ายสีของแร่ทองแดง"
แวนลิวเวนฮอคฟังแล้วถึงกับต้องเอ่ยปากขึ้นว่า
"ใช่แล้ว ผมเคยเจอแอนนาที่โบสถ์ เธอมีสีผมอย่างที่เฟอร์เมร์บอกเลย"
"สำหรับแมกดาเลนาแล้ว พวกเราไม่มีใครเคยเห็นผมของเธอ แต่ผมได้ฟังจากปากแม่ของเธอโดยตรง แม่ของเธอบอกว่าแมกดาเลนามีเส้นผมสีส้มอ่อนอมแดง ดังนั้นผมจึงเชื่อว่าคนร้ายมุ่งลักพาเฉพาะเด็กหญิงแปดขวบที่มีผมโทนแดง"
"ในเดลฟท์มีเด็กหญิงที่ตรงกับที่คนร้ายต้องการไม่มากนัก" แวนลิวเวนฮอคออกความเห็น
"ผมคิดว่าเราต้องจัดคนเฝ้าดูแลเด็กสาวเหล่านี้ให้ดี ผมเป็นห่วงว่าคนร้ายจะไม่หยุดแค่เด็กสาวสามคน" เฟอร์เมร์พูดด้วยความเป็นห่วง
คำพูดของเฟอร์เมร์สร้างความวิตกกังวลใจอย่างมากต่อแวนลิวเวนฮอคถึงกับต้องรีบหยิบเสื้อคลุมแล้วชวนเมอร์คิวเรียสและเฟอร์เมร์ให้รีบไปหานายกเทศมนตรีโดยเร็ว
นายกเทศมนตรีไม่คิดว่าจะมีใครมาพบที่บ้านในเวลาค่ำ พอทั้งสามคนมาถึงบ้าน นายกเทศมนตรีรีบแต่งตัวอย่างลวกๆออกมาต้อนรับ
หลังจากนายกเทศมนตรีรับฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วจึงเอ่ยถามว่า
"แล้วพวกคุณมีข้อแนะนำอย่างไร?"
"เราสามารถคลายความวิตกกังวลชาวบ้านโดยบอกพวกเขาว่าคนร้ายมุ่งลักพาเด็กหญิงแปดขวบที่มีผมโทนแดง" เฟอร์เมร์ออกควาเห็น
"แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คิดล่ะ เกิดมีเด็กสาวผมดำถูกลักพาตัวไปอีกล่ะ ใครจะรับผิดชอบ" แวนลิวเวนฮอคพูดขัดขึ้นมา จากนั้นได้พูดต่อไปว่า
"เราจำเป็นต้องหาข้อเท็จจริงเพิ่มอีกเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ ตอนนี้เราควรหาข้อมูลจำนวนเด็กสาวแปดถึงเก้าขวบผมออกโทนแดงว่ามีเท่าใด ถ้ามีจำนวนไม่มากเราสามารถหาเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าระวังแต่ละคนได้"
"ผมว่าเราควรจะประกาศในวันพรุ่งนี้เช้าให้ผู้ปกครองพาเด็กหญิงอายุแปดขวบ ผมสีโทนแดงมารวมตัวที่ศาลาว่าการ" นายกเทศมนตรีออกความเห็น
"แต่ผมคิดว่า ถ้าทำอย่างนั้นมันจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นนะครับ คนร้ายจะรู้ตัวว่าทางการใกล้จะรู้ตัวเขาแล้ว คนร้ายอาจกลัวถูกจับเลยตัดสินใจฆ่าเด็กปิดปากก็ได้" เมอร์คิวเรียสออกความเห็นแย้ง
"ดูเหมือนว่าเรื่องนี้มันเริ่มยุ่งยากมากขึ้นแล้วสิ" นายกเทศมนตรีกล่าว
"ไม่ว่าทางการจะป่าวประกาศหรือไม่ ตอนนี้ชาวบ้านก็ยังมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ดีจนกว่าเจ้าคนร้ายจะถูกแขวนคอ" เฟอร์เมร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ประเด็นตอนนี้มันอยู่ที่ผลกระทบจากการป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้อย่างทั่วถึง ผมคิดว่าคืนนี้เรายังไม่ต้องรีบตัดสินใจ ผมมั่นใจว่าพรุ่งนี้เราสามารถหาข้อสรุปได้" แวนริวเวนฮอคออกความเห็น
นายกเทศมนตรีฟังแล้วเห็นด้วยจึงขอให้ทุกคนกลับไปคิดให้รอบคอบแล้วกลับมาหารือร่วมกันอีกในเย็นวันพรุ่งนี้
ก่อนแยกย้ายเมอร์คิวเรียสได้พูดกับแวนลิวเวนฮอคว่า
"ผมฝากคำขอโทษไปยังภรรยาและลูกสาวของท่านที่ทำให้ที่บ้านเกิดความวุ่นวาย"
"อาจารย์อย่าตำหนิตัวเองเลยครับ ต้องโทษเจ้าคนร้ายถึงจะถูกต้อง" แวนลิวเวนฮอคกล่าว
ขณะที่เฟอร์เมร์กับเมอร์คิวเรียสกำลังเดินกลับไปด้วยกัน เฟอร์เมร์ถอดหมวกแล้วเอามือเกาศีรษะเบาๆเหมือนกับข้องใจอะไรบางอย่าง
"อาจารย์ครับ เมื่อตะกี้นี้อาจารย์คิดว่าท่านนายกเทศมนตรีเชิญผมให้มาร่วมหารือในวันพรุ่งนี้หรือเปล่าครับ? ถ้าใช่ นี่นับเป็นครั้งแรกของผมที่จะมาร่วมหารือโดยไม่ใช่ในฐานะจิตรกร
ผมต้องขอบคุณอาจารย์ที่ปฏิบัติต่อผมด้วยความเท่าเทียมและให้การยอมรับความเห็นของผม ส่งผลให้คนอื่นปฏิบัติดีต่อผมเช่นเดียวกับอาจารย์
ผมเองเป็นคนที่ไม่ต้องการชื่อเสียงเงินทอง แค่ผมสามารถทำประโยชน์ให้กับบ้านเกิดเมืองนอนและเมื่อผมจากโลกนี้ไปแล้วก็ยังมีคนระลึกถึงผม เท่านี้ผมก็พอใจแล้ว"
"โยฮันเนสครับ ทุกอย่างมันเกิดจากความสามารถของคุณเองต่างหาก ผมไม่ได้มีส่วนเลย สายตาของคุณสามารถมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองข้ามไป ด้วยสายคาของติตรกรอย่างคุณได้ช่วยชีวิตคนอีกหลายชีวิตครับ"
เฟอร์เมร์เริ่มยิ้มออกอย่างภาคภูมิใจ เขาเอาหมวกกลับมาสวมใหม่ ขยับมันจนเข้าที่ จากนั้นกล่าวคำอำลาเมอร์คิวเรียส
เป็นอีกหนึ่งวันที่เมอร์คิวเรียสกลับถึงโรงแรมด้วยความอ่อนเพลีย แต่ในสมองยังคงครุ่นคิดว่าวันพรุ่งนี้เขาอยากทดสอบความเชื่ออะไรบางอย่าง เขาเอามือล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อซึ่งมีแผ่นกระดาษที่มีรายชื่อของคนที่เขาอยากไปพบ
ลูซึ่เอาน้ำมาให้เขาในห้องเหมือนเช่นทุกวัน เมอร์คิวเรียสบอกเธอว่าพรุ่งนี้เช้าไม่ต้องเอาอาหารมาให้เขาเพราะเขาจะออกเดินทางไปเฮกแต่เช้ามืด
เมอร์คิวเรียสล้มตัวลงนอน ตั้งจิตสวดมนต์เหมือนเช่นทุกคืน คืนนี้เขาหวังว่าตนเองจะหลับก่อนที่จะสวดถึงบทสรรเสริญพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า
จบตอนที่ 46
โปรดติดตามตอนต่อไป
ฝากติดตามเพจ สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
ขอบคุณทุกท่าน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
หนังสือ
นวนิยายแปล
นวนิยาย
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องเล่า ไขคดีปริศนาเมืองเดลฟท์( Death in Delft) ผลงานเกรแฮม แบรก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย