21 พ.ย. 2023 เวลา 06:13 • ความคิดเห็น
กาย..อารมณ์..จิต
จิตมาอาศัยอยู่ในเรือนกาย จิตเป็นผู้ใช้กาย .สั่งกายให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่จิตก็ไม่เป็นอิสระ จิตเป็นผู้รับใช้อารมณ์ สั่งกายเคลื่อนไหว ไปตามอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น หากกายนี้ไม่มีอารมณ์ เกิดขึ้น กายก็อยู่เฉย จิตก็อยู่เฉย ..ไม่มีอารมณ์อะไรปรุงแต่งเกิดขึ้นภายในกาย ก็ทำหน้าที่ของกายไป ..ก็เหมือนหุ่น ..ที่จิตสั่งกายให้เคลื่อนไหว ..
.เช่น กินข้าว ก็กินเพื่อประทังสังขาร ไม่กินด้วยความเอร็ดอร่อยด้วยอารมณ์ที่ปรุงแต่งเกิดขึ้น คล้ายคลึงเรื่องของจิตที่มีอุเบกขา ไม่ใช่ไม่รับรู้อะไร รับรู้แต่จิตไม่ไปยึดถือ ยินดียินร้าย ในสิ่งที่เข้ามาสัมผัส ไม่ไปนึกคิดอะไร ให้เกิดเป็นอารมณ์ขึ้นมาปรุงแต่ง ไม่เสียใจไม่ดีใจอะไร ก็อยู่เฉย.ๆ เพราะดีใจเสียใจก็เกิดเป็นอารมณ์ขึ้นมา
คราวนี้ เรามาดูเรื่องของกาย กายที่เราต้องดูอาศัยธาตุนอกไปบำรุงธาตุใน มันต้องมีการไปหา เอาสิ่งที่เรียกว่า น้ำเลือดน้ำหนอง เนื้อกุ้งหอยปูปลา เป็ดไก่ ..พืชผักผลไม้ ..กินเข้าไปหล่อเลี้ยงเรือนกาย กายมนุษย์ กายสัตว์ ต่างก็ต้องอาศัยน้ำเลือดน้ำหนองจากผู้อื่น ธาตุที่เกิดขึ้นมาจากกรรม ที่ไปเสาะแสวงหามา มาบำรุงกาย ..มันก็เกิดเป็นธาตุของกรรม น้ำเลือดน้ำหนองของผู้ที่มีกรรมมาหล่อเลี้ยงสังขาร
เมื่อเรากินธาตุของกรรม ของผู้ที่มีกรรมมากเค้า ..ไม่เคยนึกถึงว่า จิตที่อาศัยในสังขารกรรมนั้น ก็ล้วนเป็นจิตที่เวียนว่ายตายเกิดเหมือนกับเรา เค้าก็อาจเคยเป็นคนมา มีเหตุให้ไปเกิดในสังขารกรรม หากินหล่อเลี้ยงสังขาร โตวันโตคืน เลือดเนื้อสมบูรณ์อ้วนพลี มนุษย์ไปเห็นก็ไปเอา ไปฆ่าเค้าเอาเนื้อกรรมนั่นมากิน เรากินเค้าไปทุกวัน มันก็มีแต่ธาตุที่เป็นกรรมหล่อเลี้ยงสังขาร
คราวนี้ เรามาดูผู้ที่เค้ารู้จัก กรรมรู้จักเรื่องราวของธาตุที่มี มาประกอบเสรืมเรือนกาย เค้าก็อาศัย เอากายที่อาศัยนี้ ไปกระทำเรื่องราวดีๆ ให้เกิดเป็นบุญกุศลบารมี มีการอุทิศบุญกุศล ให้แก่จิต ที่สละเลือดเนื้อ สละชีวิต ให้มนุษย์เอามาเป็นอาหาร .เราก็ใช้กายนี้ สังขารนี้ ที่ประกอบด้วยธาตุของผู้ที่มีกรรม นำไปสร้างบุญกุศลเกิดขึ้น ธาตุนั้นทั้งของเราที่อาศัย และของจิตผู้ที่มีกรรม ต่างก็ประกอบด้วยธาตุดินน้ำลมไฟ
เมื่อเรานำมาสร้างบุญกุศลบารมีให้เกิดขึ้น จิตมีบุญบารมีเกิดขึ้น ..ก็จะเกิดเป็นการแผ่บุญกุศลส่งไปให้จิตเกิดขึ้น ..สิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้กายที่อาศัย ไม่สะสมกรรมมา จะช่วยพยุงธาตในเรือนกายให้มีบุญกุศลเกิดขึ้น เมื่อกายและจิตมีบุญเกิดขึ้น ทั่งกายทั้งจิต ก็ไม่มีกรรมมาเบียดเบียนมาก ..ก็อาศัยในเรือนกายที่หมั่นกระทำ สร้างบุญกุศลบารมีให้เกิดขึ้น ต่อเนื่องเป็นนิจสิน ต่อเนื่องไปจนกายนี้หมดลม .จิตก็ออกจากกาย ไปด้วยบุญกุศลบารมีที่ตนกระทำเอง
เรื่องบุญกุศล ประพฤติปฏิบัติธรรม ทำให้กายเป็นสุข จิตที่อาศัยในเรือนกายที่มีบุญกุศล ที่เรากระทำขึ้นมา กายก็เป็นสุข จิตก็เป็นสุข ..สุขกายสุขใจ ..ที่เราอาศัยการพ่อแม่สร้างบุญกุศลบารมีให้เกิดขึ้น..เราจึงควรศึกษาว่าทำอย่างไร ..ให้กายเป็นสุข ใจเป็นสุข ร่องรอยคำสอนดีนั้นมีออยู่เราก็นำมากระทำขึ้น สวดมนต์ บูชาพระ พระรัตนะ..(ไม่เอาเรื่อง คาถาอาคม ไสยศาสตร์) แล้วเราก็เพียรสร้างเรื่องดี เราจะได้รู้จักอานิสงส์ของการสร้างบุญกุศล ในรอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องกระทำให้ถูกวิธี จึงจะเกิดมรรคผล.เกิดขึ้น
โฆษณา