Six Thinking Hats วิธีที่บริษัทยักษ์ใหญ่ใช้คัดเลือกบอร์ดบริหารและประยุกต์ใช้ในบริษัท
บอร์ดบริหาร (Board of Directors) เป็นตำแหน่งสำคัญในการกำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัทให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งให้คำแนะนำและคำปรึกษาและตัดสินใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งตำแหน่งบอร์ดบริหารนี้มีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจเและการประสบความสำเร็จของบริษัท หากพวกเขาทำงานไม่ดี อาจนำไปสู่ปัญหาทางการเงิน โอกาสทางธุรกิจ และความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและผู้ถือหุ้น
โดยในครั้งนี้จะพามาสำรวจกันว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆมีแนวคิดในการคัดเลือกบอร์ดบริหารหรือนำหลักการอะไรมาประยุกต์ใช้ในบริษัทบ้าง ให้บริษัทประสบความสำเร็จ
โดยทั่วไปแล้วผู้ที่มีอำนาจในการเลือกว่าใครจะเข้ามาเป็นบอร์ดบริหาร ก็คือ ผู้ถือหุ้น
ซึ่งผู้ถือหุ้นจะเป็นผู้เลือกและแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาผลตอบแทน (Nominating and Compensation Committee) เพื่อทำหน้าที่สรรหาและพิจารณาผู้ที่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งเป็นบอร์ดบริหาร
และเพื่อให้คุณสมบัติของบอร์ดบริหารเป็นไปในแนวทางที่เหมาะสมและถูกต้อง จะมีการกำหนดกรอบแนวคิดที่ใช้คัดเลือกบอร์ดบริหาร
นอกเหนือจากความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ประสบการณ์ในการบริหารงาน
ซึ่งกรอบแนวคิดที่น่าสนใจ ที่จะกล่าวถึงนี้มีชื่อว่า Six Thinking Hats หรือ ทฤษฎีหมวก 6 ใบ ที่ริเริ่มโดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน
Six Thinking Hats เป็นเครื่องมือการคิดอย่างมีระบบ โดยแบ่งความคิดออกเป็นหมวก 6 สี ซึ่งหมวกแต่ละสีเป็นตัวแทนของ "อัตลักษณ์ความคิด" ที่ต่างแตกกัน
- หมวกสีขาว เป็นตัวแทนการคิดอย่างเป็นกลาง รวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริง
- หมวกดำ เป็นตัวแทนการคิดอย่างระมัดระวัง พิจารณาข้อจำกัดและความเสี่ยง
- หมวกสีแดง เป็นตัวแทนการคิดอย่างมีอารมณ์ แสดงความคิดเห็นและข้อกังวล
- หมวกเหลือง เป็นตัวแทนการคิดอย่างมองโลกในแง่ดี เน้นข้อดีและโอกาส
- หมวกสีเขียว เป็นตัวแทนการคิดอย่างสร้างสรรค์ หาแนวทางใหม่ๆ
- หมวกสีน้ำเงิน เป็นตัวแทนการคิดแบบรวบยอด เพื่อสรุปและตัดสินใจ
ซึ่งการที่บริษัทมีการกำหนดกรอบแนวคิดที่ใช้คัดเลือกบอร์ดบริหารที่นอกเหนือจากความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ประสบการณ์ในการบริหารงาน
โดยพิจารณาเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางความคิดของบุคคลนั้นๆร่วมด้วย จะช่วยให้บอร์ดบริหารหรือพนักงานของบริษัทสามารถใช้ความคิดอย่างมีมุมมอง โดยพิจารณาปัญหาหรือหัวข้อที่กำลังพิจารณาจากมุมมองทั้ง 6 มุมมองที่แตกต่างกัน
ซึ่งจะช่วยให้สามารถมองเห็นภาพรวมของปัญหาได้ อย่างครบถ้วนและรอบด้าน
ลองนึกภาพ ในการประชุมเพื่อกำหนดแนวทางการทำงานหรือแนวทางของบริษัท มีบอร์ดบริหารและพนักงานที่มีอัตลักษณ์ความคิดที่หลากหลายทั้ง 6 รูปแบบ มีการนำเสนอหรือโต้แย้งกันอย่างมีเหตุและผลและคิดอย่างเป็นระบบ
การประชุมนั้นก็จะมีประสิทธิภาพและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี เนื่องจากความแตกต่างทางความคิดจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่หลากหลายและรอบด้านมากขึ้น
ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมการประชุมสามารถมองเห็นภาพรวมของปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างครบถ้วนและเข้าใจถึงมุมมองที่แตกต่าง
และไม่เพียงแต่นิยมใช้เพื่อคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมจะมาเป็นบอร์ดบริหารเท่านั้น
แต่แนวคิด Six Thinking Hats ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งในการทำงาน การพัฒนานวัตกรรม การทำความเข้าใจลูกค้า และอื่นๆ
การบูรณาความคิดด้วยเหตุและผลจาก 6 มุมมอง จะสามารถช่วยให้พนักงานของบริษัทแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ตัวอย่างเช่น ฝ่ายการตลาดต้องการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดเพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยมีการกำหนดกรอบแนวคิดแบบ Six Thinking Hats
โดยหมวกสีขาวรับหน้าที่ประเมินความสำเร็จของแคมเปญก่อนหน้าผ่านอัตรา Conversion และข้อมูลมีอยู่
หมวกสีแดงรับหน้าที่ประเมินผลกระทบทางอารมณ์ของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์
หมวกสีดำรับหน้าที่ระบุความเสี่ยงก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ความอิ่มตัวของตลาดหรือการรับรู้ของสาธารณชนในเชิงลบ
หมวกสีเหลืองรับหน้าที่ระบุโอกาสในการเติบโตและแง่มุมเชิงบวกของการเข้าสู่ตลาดใหม่
หมวกสีเขียวรับหน้าที่ระดมความคิดเนื้อหาเชิงสร้างสรรค์สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาด เช่น โพสต์บล็อกหรือแคมเปญโซเชียลมีเดียที่น่าสนใจ
และหมวกสีน้ำเงินรับหน้าที่จัดโครงสร้างการอภิปรายแผนการตลาด การกำหนดเป้าหมาย และการจัดสรรความรับผิดชอบ เพื่อการสรุปและตัดสินใจอย่างประสิทธิภาพ
ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ อย่างเช่น IMB, Shell และแม้แต่ NASA พวกเขาจะมีการนำกรอบแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและเป็นเชิงบวกแก่บริษัท
อย่างไรก็ดี การนำหลักการหรือกรอบแนวคิด Six Thinking Hats มาใช้ประยุกย์ใช้ในการคัดเลือกบุคคลที่จะมามีส่วนร่วมในการตัดสินใจในแนวทาง หรือการพัฒนาบุคลากรของบริษัท
ก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในการผลักดันให้บริษัทประสบความสำเร็จเท่านั้น
ปัจจัยอื่นๆ อย่างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมและความคิดสร้างสรรค์ จะช่วยให้บอร์ดบริหารหรือพนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หรือกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ชัดเจนจะช่วยให้บริษัทสามารถกำหนดทิศทางการดำเนินงานได้อย่างเหมาะสม
และภาวะผู้นำของผู้บริหารระดับสูงที่เข้มแข็งจะช่วยนำพาให้บริษัทสามารถขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จได้
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
