3 ธ.ค. 2023 เวลา 07:29 • ธุรกิจ

ทำไมบริษัทฟาสต์แฟชั่นอย่าง Shein ถึงสามารถขายเสื้อผ้าได้ในราคาถูก

เมื่อเราต้องการเลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วดูอินเทรนด์ในราคาที่ถูก เราจะพบกับตัวเลือกมากมายนับไม่ถ้วน แต่ที่หลายๆคนต้องเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างก็ต้องเป็น Shein
Shein เป็นบริษัทฟาสต์แฟชั่นผู้ค้าปลีกออนไลน์สัญชาติจีน ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
โดยในปี 2022 แบรนด์ Shein มีมูลค่ากว่า 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นรุ่นใหญ่อย่าง H&M และ Zara รวมกันซะอีก และทางบริษัทก็กำลังจะ IPO ในตลาดสหรัฐฯ เร็วๆนี้ด้วย
ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้แบรนด์เสื้อผ้าของ Shein ประสบความสำเร็จจนทำให้สามารถเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้ ก็คงจะเป็นจุดแข็งที่สุดของแบรนด์อย่างราคาเสื้อผ้าที่ย่อมเยา โดยเสื้อของ Shein มีราคาเริ่มเพียงตัวละ 3 ดอลลาร์หรือกางเกงยีนส์ที่ 9 ดอลลาร์ เท่านั้น
ด้วยราคาเสื้อผ้าที่ถูก Shein จึงสามารถดึงดูดผู้บริโภคจำนวนมากที่ต้องการซื้อและสวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่นในราคาที่ประหยัดได้
ครั้งนี้เลยจะมาสำรวจกันว่าเหตุผลใดทำให้บริษัทฟาสต์แฟชั่นอย่าง Shein ถึงสามารถขายเสื้อผ้าได้ในราคาถูกและอะไรทำให้ Shein สามารถลดต้นทุนได้ขนาดนี้กัน
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทั้ง Shein และแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นอื่นๆ สามารถรักษาราคาให้ต่ำได้ก็คือ "การจ้างแรงงานภายนอก"
ตามรายงานของ TIME พบว่าบริษัทฟาสต์แฟชั่นส่วนใหญ่รวมถึง Shein ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงงานผลิตเสื้อผ้าของตนเอง ทำให้พวกเขาไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านต้นทุนโรงงานการผลิต โดยในส่วนของ Shein ทางแบรนด์จะทำงานร่วมกันกับเครือข่ายโรงงานเสื้อผ้าราวๆ 6,000 แห่งในจีน
ปัจจัยที่อีกหนึ่งที่ทำให้ Shein สามารถรักษาราคาให้ต่ำได้นั่นก็เพราะว่า Shein "ไม่มีร้านค้าปลีกของตนเอง" โดยลูกค้าจะซื้อสินค้าบนเว็บไซต์และแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
ทำให้นอกจากต้นทุนด้านการผลิตแล้ว Shein ยังสามารถประหยัดค่าเช่าพื้นที่ ค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาได้จากการไม่มีหน้าร้านจริง
แต่ Shein จะไปลงทุนและร่วมมือกันร้านเสื้อผ้าอื่นๆ อย่างเช่น Forever 21 ทำให้ Shein สามารถเปิดดำเนินการต่างๆผ่านร้าน Forever 21 ได้
และส่วนใหญ่แล้ว Shein จะเลือกใช้อีกวิธีเพื่อสร้างการรับรู้อย่างการตลาดผ่านกิจกรรมป๊อปอัปแทนการเปิดหน้าร้านจริง ซึ่งจะเป็นการจัดกิจกรรมป๊อปอัปหรือร้านค้าเล็กๆในช่วงเวลาสั้น ๆ ในทำเลที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น ย่านช้อปปิ้งหรือศูนย์การค้า
อย่างของประเทศไทย SHEIN ก็ได้มีการจัดกิจกรรมป๊อปอัป SHEIN NEW YEAR ที่ Siam Center ในช่วงปลายปีที่แล้วซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลาสองสัปดาห์เท่านั้น
ปัจจัยอย่างสุดท้ายที่ทำให้ SHEIN ขายเสื้อผ้าได้ในราคาถูกและประสบความสำเร็จ นั่นก็คือ "การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์"
ความนิยมของ Shein เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ โดยแบรนด์จะทำงานร่วมกับผู้สร้างเนื้อหาบนสื่อโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok หรือ Instagram
ในแฮชแท็ก #Sheinhaul ซึ่งเนื้อหาในวิดิโอจะเป็นการแกะถุงหรือเปิดกล่องเสื้อผ้าของ Shein โดยมีข้อความในวิดิโอประมาณว่า "ฉันได้อะไรมาบ้างจาก Shein ด้วยงบประมาณเท่านี้"
การตลาดนี้ของ Shein ทำให้ผู้บริโภคที่รับชมวิดิโอรู้สึกถึงความคุ้มค่าของเสื้อผ้าที่ได้มาเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป
เป็นผลให้แฮชแท็ก #Sheinhaul ของ Shein มีผู้เข้าชมประมาณ 14,000 ล้านครั้ง และแฮชแท็ก #shein มียอดรับชมกว่า 80,1000 ล้านครั้ง
และเมื่อร่วมสามปัจจัยดังกล่าวเข้าด้วยกัน ทำให้ Shein สร้างยอดขายเสื้อผ้าของตนเองได้เป็นจำนวนมาก และเมื่อมีคำสั่งซื้อมากก็จะทำให้ Shein สามารถประหยัดต่อขนาด (Economic of scale) ในกระบวนการผลิตเสื้อผ้าได้อีกด้วย
จากที่กล่าวมานี้จึงเป็นเหตุผลให้กับคำถามที่ว่า ทำไมบริษัทฟาสต์แฟชั่นอย่าง Shein ถึงสามารถขายเสื้อผ้าได้ในราคาถูกนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้จะสามารถรักษาราคาเสื้อผ้าให้ต่ำได้แต่ Shein ยังคงต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมายมากจากบทบาทของแบรนด์ที่มีต่อมลภาวะและสิ่งแวดล้อม
โดยข้อมูลจากทางองค์การสหประชาชาติพบว่าอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่นมีส่วน ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในระหว่าง 2% ถึง 8% ของทั่วโลกในปี 2018
ทำให้ประเด็นการถกเถียงเรื่องมลภาวะและสิ่งแวดล้อม ยังคงเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับแบรนด์ Shein ต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา