นโยบายนี้จึงได้กลายเป็นช่องโหว่ทางการค้าที่ไม่ใช่แค่ Shein และ Temu เท่านั้นที่อาศัยช่องโหว่ที่ว่านี้ แต่ยังมีบริษัทสัญชาติจีนอีกมากมายที่กำลังใช้ช่องโหว่ทางการค้านี้กันในวงกว้าง เพื่อขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคของสหรัฐฯ
ซึ่งสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการยกเว้น de minimis ประมาณหนึ่งในสามนั้นเป็นของ Shein และ Temu ทั้งสองแพลตฟอร์มจึงเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของบริษัทภายในประเทศสหรัฐฯ พวกเขากำลังได้รับแรงกดดันและผลกระทบเชิงลบจากการยกเว้น de minimis ที่ว่านี้
ซึ่งในขณะนี้เอง นโยบาย de minimis ก็ยังเป็นที่ถกเถียงและทบทวนกันอยู่ตลอดในสภาคองเกรส ถึงประโยชน์และข้อได้เปรียบเสียเปรียบของสหรัฐฯในกรณีการยกเว้นภาษี de minimis ที่ว่านี้