9 ธ.ค. 2023 เวลา 04:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

แด่คาวบอยในยุคเปลี่ยนผ่าน

ภาพยนตร์ยุคก่อนปี2000 ตัวเอกส่วนมากจะมาด้วยมาดเท่ หล่อสะอาดสำอาง มาดบึกบึน มีบ้างที่ซกมกแต่ยังคงความหล่อเท่ไว้ได้
มากฝีมือ เก่งกาจสารพัด เอาชนะผู้ร้ายได้ชนิดที่เรียกว่าไร้รอยขีดข่วน และจัดการทุกอย่างได้อยู่มือด้วยตัวคนเดียว
คนเดียวท้าดวลทั้งแก๊งค์ได้ ประมาณนั้น
มันโรแมนติกจริง
แต่มาในยุคหลังจนถึงตอนนี้ ตัวเอกส่วนมากจะออกไปทางดูเป็นมนุษย์เดินดินมากขึ้น ไม่ได้ติดสำอางจนเกินไป มีบุคลิกแบบจับต้องได้
มีฝีมือเก่งกาจแต่ว่ามีข้อผิดพลาดเหมือนกัน ชนะได้ แพ้ได้ พ่ายเป็น บาดเจ็บปางตายก็มี บาดแผลทางกายทางใจก็เยอะ
จัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวอยู่บ้างแต่ลดลงและมีผู้ช่วยหรือร้องขอให้ช่วยๆกัน
ดูเป็นคนปกติมากขึ้น
เข้าใจว่าแบบเดิมๆคนเบื่อแล้ว อยากได้อะไรใหม่ๆพลิกผันกันไปเลยน่าจะสนุกกว่า
เอาเป็นว่าผมถือว่าช่วงนั้นเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของภาพยนตร์หลายๆแนว รวมถึงแนวคาวบอยด้วย
เหมือนเป็นการลองผิดลองถูก
และขอมองในแง่ดีว่าลองถูก
เหตุผลมาจากเรื่องนี้ครับ
ไถ่บาปด้วยบุญปืน หรือ Unforgiven (1992) ที่มีปู่Clint Eastwood, Morgan Freeman, Gene Hackman และ Richard Harris นำแสดง
cr. wikipedia ใบปิดหนัง
เห็นชื่อนับรวมอายุก็ เอาเป็นว่าเยอะจริง แต่เก๋ามาก
ภาพยนตร์คาวบอยดั้งเดิมยุคโรแมนติก ตัวเอกมักจะเป็นคนดีเต็มร้อยแม้หน้าฉากจะเหมือนคนร้าย ขจัดภัยคนพาล อภิบาลคนดี ก่อนจะจากไปแบบเงียบๆไม่ก็อยู่ร่วมกับคนในเมืองหรือกลายเป็นนายอำเภอประมาณนั้น
แต่เรื่องนี้แทบจะเรียกได้ว่าแหวกขนบเดิมๆหมด
ตัวเอกเราคือมือปืนที่ได้ชื่อว่าเหี้ยมโหดสุดๆ ฆ่าไม่เลือก ไม่ว่าหน้าไหน จะเด็ก,สตรีหรือคนชรา พ่อฆ่าเรียบ แต่สุดท้ายก็ออกจากวงการไปแต่งงานอยู่อย่างสงบ เปลี่ยนตัวไปทำฟาร์มทำไร่แทน
ไร้ซึ่งมาดตัวเอก หมดไฟ ดูเยินๆเสียด้วย
เรื่องมาเกิดเมื่อมีโสเภณีนางหนึ่งในเมืองถูกโจรกรีดหน้าจนเสียโฉม ทำมาหากินต่อไปไม่ได้ เจ๊ใหญ่จึงไปร้องกับนายอำเภอให้จัดการแต่ไม่เป็นผล
เอาม้าไปแทนก็แล้วกัน เลิกๆกันไป
พวกนางแค้นใจนักจึงตั้งค่าหัวไว้ที่1000ดอลลาร์
แม้จะมากโขแต่หลายคนไม่กล้าเพราะนายอำเภอหนุนพวกโจรอยู่
แต่มีคนขอให้ตัวเอกเราไปช่วยจัดการโจรกลุ่มนี้ด้วยรู้ว่าตัวเอกเราเป็นใครมาก่อน
อาศัยส่วนแบ่งค่าหัวก็ทำให้คุณพ้นวิกฤติหมดตัวไปได้
ตัวเอกเราตกลงพร้อมพาคู่หูเดิมไปด้วย
แล้วการตามล่าตามล้างก็เริ่มขึ้น
มาถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่าตอนแรกดูด้วยความรู้สึกว่าเดี๋ยวตัวเอกเราก็จัดการได้อย่างราบคาบเรียบร้อยแล้วเอาค่าหัวไปกินแบบสบายๆ มีคำพูดเท่ๆตบท้ายตามขนบ
ดูเรื่องนี้เพราะนักแสดงอย่างเดียวครับ ตามดูกันมาตั้งแต่นักแสดงยังหนุ่มยันแก่ ตามมาหลายเรื่องด้วยชื่นชมฝีมือ
แต่กับเรื่องนี้ตอนดูนี่ เฮ้ย ทุลักทุเลจริงเว้ยตัวเอกกู
ฝีมือน่ะมี แต่สนิมมันจับเขลอะ ถึงจะเคาะออกมาได้ก็ตามที
เอาเถอะวะ
ลอบฆ่า ลอบกัด ลอบยิง ขอให้มีโอกาสก็พอ
ไม่สนอะไรทั้งนั้น เน้นผลลัพธ์อย่างเดียว
ความขลุกขลักทุลักทุเลยังมีเรื่อยๆจนใกล้จบเรื่อง
โธ่ถัง
เดิมทีบทหนังนี้มาเกือบไม่ถึงปู่Clint Eastwoodครับ ครั้นพอได้ลองอ่านแกเกิดชอบใจทั้งที่หลายคนที่ได้อ่านบทอย่าง Gene Hackman เองยังบอกปัดไปเพราะความรุนแรงของเนื้อหา
แต่ปู่Clint Eastwoodเราไม่สน
แถมแกยังไม่รีบร้อนสร้างเพราะตัวเอกตามท้องเรื่องอายุมากแล้ว แต่ปู่แกตอนนั้นยังอายุไม่ถึงตามบท
แกรอ รอ และรอ
จนได้เวลา แกก็ลงมือ
มันจึงดูสมจริงตั้งแต่แรก
ตัวหนังเดินเรื่องง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ตรงไปตรงมา บอกเล่าความเป็นไปได้ในยุคนั้น
การจะฆ่าใครสักคนไม่ใช่เรื่องน่ายินดี มันคือความโหดร้าย
คนที่ดวลปืนชนะอาจไม่ได้ยิงเร็วที่สุดแต่ยิงแม่นและเย็นพอ
ข้ารอดมาได้เพราะโชคคุ้มหัว ไม่ใช่อย่างอื่น
หนังเรื่องนี้ไม่ได้ตีแผ่ด้านมืด มันแสดงถึงความเป็นไปของตัวละครต่างๆในทิศทางที่ควรจะเป็นและสถานการณ์ที่บีบบังคับให้ตัวละครต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปมากกว่า
ตัวเอกเราถอนตัวจากวงการ ฝันร้ายจากการฆ่าคนไม่เลือกก็ยังฝังอยู่ในหัว
อยากได้รับการให้อภัย(forgiven) สิ่งที่ได้รับคือไม่มีการให้อภัย(unforgiven)จากคนอื่น
ครั้นเมื่อมีการจ้างวานให้ล่าเอาค่าหัว ตัวเอกเราก็ไม่ลังเลที่จะทำ เหตุผลหลักคือต้องการเงินไปฟื้นฟูฟาร์มที่กำลังจะล้ม การรับงานล่าค่าหัวคือทางลัดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของตัวเอง ไม่ใช่เพื่อผดุงคุณธรรม
เจ๊ใหญ่ตั้งค่าหัวโจรเพราะแค้นใจที่โจรทำให้เด็กในสังกัดเสียโฉมหากินไม่ได้ไปตลอดชีวิต ทั้งยังแค้นใจที่ศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่น้อยนิดถูกเหยียบย่ำ ถูกเปรียบเทียบด้อยค่าด้อยราคาว่าเป็นสัตว์ มันจึงระเบิดออกมาเป็นค่าหัวเพื่อทวงศักดิ์ศรีคืน
นายอำเภอก็ไม่ใช่อื่นไกล คือโจรที่ผันตัวมารับใช้ทางการ คุมเมืองทั้งเมืองด้วยกฎกูกับกฎหมาย ไม่สนใครนอกจากตัวเอง
แต่ละฉากเต็มไปด้วยความรู้สึกแห้งแล้งหดหู่ บรรยากาศอึดอัด มีแต่ความรุนแรงที่ไม่ใช่เลือดสาดกระจายแต่สัมผัสได้ชัดเจนถึงความรุนแรงนั้น
และแม้จะมีซีนอันโรแมนติกส่งท้ายที่หลายคนบอกว่าดูแล้วขนลุก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียอรรถรสของเนื้อหาที่นำเสนอไปได้
เรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์หนังยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม(ปู่แกได้ไป) แสดงสมทบยอดเยี่ยม(อันนี้Gene Hackmanได้) กับตัดต่อยอดเยี่ยม ทั้งที่ปีนั้นมีภาพยนตร์ดีๆอีกหลายเรื่องเข้าประกวดในเวทีเยอะเลยล่ะครับ
หนังดีที่อุดมไปด้วยรางวัลและฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงนำทุกคน
ผมดูเรื่องนี้จบด้วยความรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือจริงๆ
ตำนานคาวบอยดั้งเดิมส่งไม้ต่อมาเรื่อยๆจนถึงเรื่องนี้ ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นตัวปิดตำนานของคาวบอยในยุคดั้งเดิมได้อย่างสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าจะมี True Grit, Django Unchained หรือจะคาวบอยยุคใหม่อย่าง Brokeback Mountain มาแจมก็เถอะ
มันสมบูรณ์แล้วจริงๆ
เช่นเคย ก่อนจบความเรียงนี้ขอเขียนถึงฉากจบสุดท้ายหน่อยครับ
เพราะหากจะมีสักซีนที่ไม่แห้งแล้งจนเกินไปก็คงเป็นซีนสุดท้ายในหนังนี้ที่มีการบรรยายไว้ว่าแม่ยายของตัวเอกเรามาเยี่ยมหลุมศพของลูกสาวที่จากไป
แกสงสัยว่าทำไมลูกสาวแกถึงได้แต่งงานกับไอ้มือปืนจอมโหดคนนี้ได้
นั่นสินะ
ทำไม?
...
...
...
เพราะรักไงล่ะ
นั่นสิ
รักนั่นไง
เติมเต็มความแห้งแล้งของชีวิตและจิตใจของมือปืนขาโหดคนนี้
และยังรวมไปถึงการได้รับการให้อภัย(forgiven)ที่มือปืนคนนี้ต้องการมาตลอด มันอยู่ที่ผู้เป็นที่รักที่จากไปตลอดกาลคนนี้
รักนั่นไง
ไม่ได้มีเหตุปัจจัยอย่างอื่นหรอก
...
...
...
คงไม่ต้องสงสัยอะไรอีกแล้ว
โฆษณา