26 พ.ย. 2023 เวลา 08:09 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Napoleon (2023) - ฝรั่งเศส กองทัพ และ "โจเซฟีน"

กำกับโดย Ridley Scott
สวัสดีครับ ! รู้สึกว่าพลาดไม่ได้จริง ๆ กับผลงานเรื่องใหม่ของปู่ Ridley Scott ซึ่งมีผลงานคลาสสิคอย่าง Gladiator (2001)
2
ดังนั้นจึงอยากมารีวิว เผื่อว่าใครสนใจนะครับ
[ ความรู้สึกหลังชม ]
- เกริ่นถึงภาพยนตร์ของ Ridley Scott
หากใครเคยชมผลงานของ Ridley Scott จะรู้ว่า เขาเป็นผู้กำกับที่ทำหนังที่สนุก เคี้ยวง่าย เอนเตอร์เทน (ในระยะหลัง ดูจะมีอารมณ์ขันมากขึ้นด้วย) ขณะที่แก่นเรื่องยังให้ข้อคิดที่น่าพิจารณา
หนังของเขามักมีสเกลเรื่องราวที่ใหญ่ บางเรื่องอาจเป็นขั้นมหากาพย์คลาสสิค เช่น Gladiator (2001) และบางเรื่องก็มาด้วย Production อลังการล้วน ๆ
เช่น The Martian (2015) - ภารกิจเอาตัวรอดของนักบินอวกาศบนดาวอังคาร, The Last Duel (2021) - หนังสืบสวนคดียุคกลางที่ตั้งคำถามศักดิ์ศรีของผู้หญิง
เรียกว่า เล็ก ๆ ไม่ทำ ทำแต่ใหญ่ ๆ !
- การตีความชีวิตของ Napoleon ในสายตาของ Ridley Scott
The Emperor Napoleon in His Study at the Tuileries, 1812 by Jacques-Louis David
มาถึงเรื่อง "Napoleon" ริดลีย์ สก็อต เลือกที่จะเล่าอัตชีวประวัติของ "นโปเลียน โบนาปาร์ต" นายพลและจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศส ผู้เคยครองอำนาจทั้งยุโรปในช่วงต้นศตวรรษที่ 18
ชีวิตของนโปเลียน เป็นอะไรที่น่าสนใจ ชีวิตนโปเลียนเริ่มต้นจากปุถุชนจริง ๆ ซึ่งมีโอกาสสร้างเกียรติยศจากการเป็นนายทหารปืนใหญ่ผู้เจนจัดสงครามและการวางกลยุทธ์
นโปเลียนอาศัยช่วงการเมืองชุลมุนหลังปฏิวัติฝรั่งเศส เข้ามาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวควบคุมความสงบในประเทศ หลังจากนั้น ไต่เต้าและรัฐประหารจนได้ขึ้นเป็น 1 ใน 3 กงสุล ผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส
1
ที่สำคัญที่สุด เขาคือ ผู้นำสูงสุดฝ่าย "กลาโหม"
The Coronation of Napoleon,1807 by Jacques-Louis David
ครั้นเมื่อมีอำนาจล้นฟ้า นโปเลียนจึงทำการปราบดาภิเษกตั้งตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ เปลี่ยนประเทศเข้าสู่ระบอบกษัตริย์อีกครั้ง เขาพาฝรั่งเศสเข้าสู่ยุคจักรวรรดิสั้น ๆ มีอำนาจเหนือประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
อย่างไรก็ตาม ด้วยการตัดสินใจผิดพลาดระหว่างทำสงครามกับจักรวรรดิรัสเซีย ทำให้ชีวิตของเขาร่วงหล่นลงจากบัลลังก์
แม้เขาจะกลับมาครองอำนาจหลังจากนั้นช่วงสั้น ๆ ทว่าก็ไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดอย่างที่เคยเป็นอีกเลย
Napoleon in burning Moscow, 1841 by Albrecht Adam
- จากที่เกริ่นมา ริดลีย์ สก็อต เลือกที่จะตีความชีวิตของนโปเลียน ด้วยคำ 3 คำที่นโปเลียนพูดไว้ก่อนสิ้นใจ นั่นคือ
"France, armée, Joséphine" (ฝรั่งเศส, กองทัพ, โจเซฟีน)
Napoleon Bonaparte
หนังเรื่องนี้จึงฉายภาพความรักโรแมนติกของ "นโปเลียน" (Joaquin Phoenix) และ "โจเซฟีน" (Vanessa Kirby) ภรรยาเขา ขึ้นมามีบทบาทเทียบเท่า (หรือมากกว่า) 2 มุมมองแรก (แต่ไม่รู้ว่าตรงกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มากแค่ไหน)
ดังนั้น ต้องชมเลยว่า ผู้กำกับตีความได้สร้างสรรค์ แปลกออกไปจากมุมมองเดิม ทั้งยังทำให้เห็นว่า นอกจากนโปเลียนจะเป็น "นักรบ" ที่เจนจัดสงครามแล้ว เขายังเป็นคนที่ "คลั่งรัก" มากทีเดียว
- ส่วนถัดมาที่ชอบ ขอยกให้เรื่อง "งานภาพ การจัดแสง และซีนสงคราม"
The Battle of the Pyramids by Louis-François Lejeune
งานภาพและการจัดแสง ตรงนี้ให้ 5 ดาว เหมือนเรานั่งดูภาพวาดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์เป็นฉาก ๆ สไตล์ Academic Art ที่มีความประณีตและงดงาม
ส่วนซีนสงคราม ริดลีย์ สก็อต ยังคงเป็นผู้กำกับที่ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของสงครามได้เยี่ยมเหมือนเดิม โดยเฉพาะซีนสงครามสุดท้ายที่ "วอเตอร์ลู" (Waterloo) ภาพการโรมรันระหว่างทัพฝรั่งเศสและอังกฤษอลังการยิ่งใหญ่
ยิ่งตอนถ่ายมุมไกล Long Shot ต้องชมว่า ทำได้ยิ่งใหญ่น่าขนลุกจริง ๆ
A depiction of a Napoleonic-era British infantry square at the Battle of Quatre Bras, Belgium, 1815.
- งานโปรดักชันในเรื่อง ทำได้ดีมาก จนน่าเข้าชิงออสการ์ เช่น พาร์ทงานภาพ, เครื่องแต่งกาย, ดนตรีประกอบ ส่วนนักแสดงก็แสดงได้เยี่ยม
- หนังมีอารมณ์ขันมากกว่าที่คิด หลายซีนออกไปทางตลกเสียดสี (Satire) ขำ ๆ
- หนังเล่าไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์ควบคู่ไปกับการโต้ตอบจดหมายของ "นโปเลียน" และ "โจเซฟีน" ตรงนี้ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย
หลายครั้ง ฉากต่าง ๆ ถูกเล่าอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้ลงรายละเอียด ทำให้บางพาร์ทดูขาดน้ำหนักและห้วนไป บางทีถ้าลดพาร์ทความรัก แล้วใส่น้ำหนักส่วนอื่น ๆ เข้าไปในเรื่อง อาจทำให้หนังน่าติดตามมากกว่านี้ หรือถ้าตัดพาร์ทความรักออกไปบ้าง ก็อาจดูกระชับขึ้นไปอีกทาง
อีกอย่าง ถ้าใครที่คาดหวังจะมาดูหนังสงคราม อาจจะไม่ได้มีส่วนนั้นให้ดูมากเท่าไร เมื่อเทียบกับพาร์ทรัก
นโปเลียน ช่วงทำสงครามที่อียิปต์
- ระหว่างดูก็แอบนึกถึงการเมืองไทย ซึ่งชีวิตคนหนึ่งที่นึกถึง ก็คือ "จอมพล ป. พิบูลสงคราม"
จอมพล ป. พิบูลสงคราม และท่านผู้หญิง ละเอียด พิบูลสงคราม
"จอมพล ป." เริ่มต้นชีวิตจากชีวิตปุถุชนเหมือนกัน เรียนจบด้านทหารปืนใหญ่จากฝรั่งเศส และสร้างบารมีได้จากการปราบ "กบฏบวรเดช" (กลุ่มกบฏนิยมเจ้า) อันเป็นช่วงชุลมุนหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
เมื่อมีบารมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกับบทบาทผู้นำสูงสุดทั้งฝ่ายพลเรือนและกลาโหม นำประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านการเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ขณะเดียวกันชีวิตก็ร่วงหล่นลงจากตำแหน่งผู้นำหลังพาประเทศไทยเกือบแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2
จอมพล ป. พิบูลสงคราม และท่านผู้หญิง ละเอียด พิบูลสงคราม (ภาพจาก Thailand Illustrater ฉบับกันยายน 1953)
หลังจากหายไปพักหนึ่ง ด้วยความเป็นผู้มากบารมี ก็ได้รับเชิญกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี (คนกลาง) หลัง "จอมพล ผิน ชุณหะวัณ" รัฐประหารรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์
ในครั้งนี้จอมพล ป. ไม่ได้มีอำนาจอย่างแท้จริง หลังจากเป็นนายกรัฐมนตรีอีกราว 10 ปี จอมพล ป. ก็ร่วงหล่นอีกครั้ง จากการโดนอำนาจคนละขั้วอย่างกลุ่มบ้านสี่เสาเทเวศร์ ที่มีผู้ใต้บังคับบัญชา "จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์" เป็นแกนหลักทำรัฐประหาร
สุดท้ายแล้ว จอมพล ป. ต้องลี้ภัยไปอยู่ญี่ปุ่น ใช้ชีวิตจนถึงแก่อสัญกรรมที่นั่น
ว่าไปแล้ว ก็คล้ายคลึงกับชีวิตของ "นโปเลียน" อย่างน่าประหลาด ดูเหมือนว่ากงล้อประวัติศาสตร์จะวนซ้ำไปมา และมักเกี่ยวข้องกับเรื่องของ "อำนาจ" อยู่เสมอ
1
[ สรุป ]
ถือเป็นหนังที่ชอบอีกเรื่องในปีนี้ รู้สึกชื่นชอบวิธีการตีความของผู้กำกับที่นำเสนอชีวิตของนโปเลียนในมุมมองที่แตกต่าง รวมถึงงานภาพและงานโปรดักชันที่อลังการ
อย่างไรก็ตาม หนังมีส่วนที่ยืดพอสมควร (แต่ยังดูได้เรื่อย ๆ) ที่สำคัญ อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่เหมาะกับคนที่ชอบประวัติศาสตร์หรือสนใจในชีวิตของนโปเลียนมากกว่า รวมถึงไม่รู้ว่าตรงกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มากแค่ไหน
ดังนั้นใครสนใจแนะนำเลย ดูได้ในโรง ส่วนใครที่สนในสตรีมมิ่ง รอดูบน Apple TV+ !
ป.ล. หนังมีฉาก 18+ ทั้งด้าน Sexual และภาพความรุนแรง
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ
IG: benjireview

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา