29 ต.ค. 2023 เวลา 07:43 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Killers of the Flower Moon (2023) - คำสารภาพบาป และความฉ้อฉลของคนผิวขาวที่มีต่อชาวอินเดียแดง

กำกับโดย Martin Scorsese
สวัสดีครับ ! ในเดือนนี้ หนึ่งในภาพยนตร์ที่น่าสนใจที่สุดประจำปีและมีแววได้เข้าชิงออสการ์ เป็นเรื่องไหนไปไม่ได้ นอกจาก Killers of the Flower Moon (2023) ผลงานจากผู้กำกับระดับตำนานอย่าง "Martin Scorsese"
ไหน ๆ ก็มีโอกาสได้รับชมแล้ว ก็อยากจะมาแบ่งปันรีวิว เผื่อว่าท่านใดสนใจนะครับ
[ เรื่องย่อ ]
Killers of the Flower Moon สร้างมาจากคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นจริงในสหรัฐ ฯ ช่วงราว 1920
หลังจากค้นพบว่า ที่ดินของชาวโอเสจ เผ่าอินเดียแดงในโอคลาโฮมา มีขุมทรัพย์น้ำมันซ่อนอยู่ใต้พื้นดิน ชาวผิวขาวจึงแห่กันเข้ามาขุดทองที่ดินแดนแห่งนี้
"เออร์เนสต์ เบิร์กฮาร์ท" (Leonardo DiCaprio) ก็เช่นกัน เขาเข้ามาทำงานให้กับ "วิลเลียม เฮล" (Robert De Niro) ลุงของเขาผู้กว้างขวางในเมือง และได้แต่งงานกับ "มอลลี่" (Lily Gladstone) หญิงสาวชาวโอเสจ
ไม่นานหลังจากนั้น การตายปริศนาก็เกิดมากขึ้นเรื่อย ๆ กับชาวโอเสจในเมือง จนน่าสงสัยว่า ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
[ ความรู้สึกหลังชม ]
- เกริ่นนำถึงภาพยนตร์ของ "Martin Scorsese"
มาร์ตินถือเป็นผู้กำกับที่ได้รับการยกย่องเป็นปรมาจารย์ในวงการภาพยนตร์ เขาสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีชประดับวงการไว้มากมาย ซึ่งมีหนังของเขาเข้าชิงออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอยู่หลายเรื่อง
เอกลักษณ์อันโดดเด่นของมาร์ติน คือ "ความเชี่ยวชาญในการเล่าภาพยนตร์แบบ Character Driven" โดยเฉพาะศึกษาและพาดิ่งเข้าสู่เบื้องลึกของตัวละคร เพื่ออธิบายความเป็นมนุษย์ผ่านสำนึกดีชั่วที่แฝงอยู่ในสันดานจิตใจ
จึงไม่แปลกที่บ่อยครั้งจะเห็นมาร์ตินจะทำหนังออกมาในรูปแบบของหนังมาเฟีย / แก๊งสเตอร์ เพราะในคาแรคเตอร์ของคนเหล่านี้ ล้วนมีความขัดแย้งให้น่าศึกษาตีแผ่
อีกทั้งภาพยนตร์ของเขา ไปไกลมากกว่าความบันเทิง นั่นคือ การให้ "สารอันทรงพลังที่ช่วยยกระดับจิตใจ" ทั้งในแง่ศิลปะภาพยนตร์อันงดงามและในแง่แก่นชีวิตอันลึกซึ้งเข้มข้นที่ถ่ายทอดสู่ผู้ชม
- "Killers of the Flower Moon" จัดอยู่ในขอบเขตที่เกริ่นไป โทนหนังออกมาในรูปแบบหนังมาเฟีย / สืบสวนคดีฆาตกรรม ซึ่งเราพอจะเดาเหตุการณ์ได้ตั้งแต่แรกว่า เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร แต่กระนั้น โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นยังคงดึงดูดพาให้เราอยากรู้ต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชาวโอเสจ
เมื่อผลประโยชน์ของที่ดินมีค่าสูงกว่าชีวิตของคน ความโลภที่ไม่รู้จักพอ นำไปสู่การร่วมมือกันเป็นขบวนการ เพื่อหาทางยึดกรรมสิทธิ์ที่ดินชาวโอเสจ ขนาดที่หน่วยงานสืบสวนจากรัฐบาลกลางต้องเข้ามาทำหน้าที่สืบคดีเอง เนื่องจากไม่สามารถไว้ใจหน่วยงานท้องถิ่นได้
หนังเรื่องนี้จึงเสมือนเป็น "คำสารภาพบาป" และสะท้อนว่า ประวัติศาสตร์การสร้างชาติสหรัฐฯ ไม่ได้มีแต่ด้านขาว แต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม การหลอกลวง และความฉ้อฉลอันน่าเจ็บปวด
- อีกส่วนที่รู้สึกประทับใจ คือ รู้สึกชอบมิติของตัวละครอันซับซ้อน
เช่น "เออเนสต์" ตัวละครเอกที่รักภรรยาสุดหัวใจ ขณะเดียวกันก็หวังผลประโยชน์ลึก ๆ และทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มาสิ่งที่ต้องการ
"วิลเลียม เฮล" ลุงผู้ดูดีในสายตาของชาวเมือง แต่หวังกอบโกยผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด และไม่รู้เหมือนกันว่ามิตรภาพที่เขามีต่อชาวโอเสจนั้น มีความจริงใจมากน้อยเท่าไร
"มอลลี่" ชาวโอเสจที่รักเออเนสต์และมอบความจริงใจกับเขามาโดยตลอด ซึ่งไม่รู้ว่าลึก ๆ เธอรู้อยู่แล้วหรือไม่ว่า สามีเขาอาจหวังผลประโยชน์จากเธออยู่
ต้องขอชมทีมผู้สร้างที่สามารถรังสรรค์บทบาทตัวละครด้วยความลุ่มลึก และนักแสดงหลักทั้งสามก็ถ่ายทอดบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยม
- งานภาพและดนตรีประกอบคุณภาพเยี่ยม โดยเฉพาะซีนที่ชาวโอเสจกระโดดโลดเต้นกลางน้ำมันที่พุ่งออกมาจากทุ่งหญ้ารกร้าง จังหวะและภาพสวยงามมาก
- มีซีนตลกร้ายหลายซีน ที่ผู้ชมขำ แต่ตัวละครขำไม่ออก
- ความยาวหนังอยู่ที่ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง (ตามสไตล์หนังของมาร์ติน) ถือว่าค่อนข้างยาวเมื่อเทียบกับภาพยนตร์ยุคปัจจุบัน แต่ไม่ได้ถือว่ายืด
อย่างไรก็ตาม อาจจะไม่ได้หมาะกับทุกคน เพราะ หนังเล่าเรื่องเนิบ ๆ Slow Burn ใครที่ต้องการความฉับไว อาจจะไม่ได้เหมาะกับหนังเรื่องนี้
[ สรุป ]
จัดเป็นหนังคุณภาพ น่าจะคว้าออสการ์ได้หลายรางวัล ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจของ "มาร์ติน สกอร์เซซี"
ด้วยประสบการณ์การทำภาพยนตร์มาอย่างยาวนาน ตัวหนังมีความสมบูรณ์และไม่มีจุดให้ติใด ๆ (แต่จะชอบหรือไม่ชอบเป็นอีกเรื่อง)
ดังนั้นใครสนใจ แนะนำให้รีบดู เพราะน่าจะออกโรงในเร็ว ๆ นี้ แต่ถ้าอยากรอดูทาง Streaming คิดว่า น่าจะมีขึ้นบน Apple TV+ เช่นกัน
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อ
IG: benjireview

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา