27 ธ.ค. 2023 เวลา 10:44 • อาหาร
โตเกียว

ออกไปแตะขอบฟ้าให้ราเมงที่ญี่ปุ่นเยียวยา EP10: Till the last drop...

สำหรับใน Episode สุดท้ายนี้ จะขอพูดแบบรวบยอดรวดเดียว 3 ชามจนถึงวันบินกลับเลยครับ
โฟกัสของช่วงท้ายทริปจะเป็นอารมณ์ของการเก็บตกครับ ซึ่งมีร้านที่โดนเลื่อนโดนขยับมาจากวันอื่นๆอยู่ 2 ร้านคือ Ramen Shima ซึ่งเป็นสาย Shoyu กับ Menya Kintoki ซึ่งเป็นร้านที่พี่โจแนะนำให้ลองสำหรับสาย Shio ครับ
Ramen Shima อยู่ด้านล่าง ส่วน Menya Kintoki อยู่ด้านบนครับ
เริ่มจาก Ramen Shima ซึ่งเป็นร้านที่ทำ Shoyu Ramen ได้ดีมากๆ เคยอยู่ในรายการ Sauce ยกซด in Japan มาแล้วด้วย และได้รับคำชมอย่างมาก ดังนั้นต้องตามไปลองให้รู้ครับ
ซึ่งการเดินทางไปยัง Ramen Shima ถือว่าง่ายกว่าร้านอื่นๆครับ ลงรถไฟที่สถานี Nishi-Shinjuku-Gochome แล้วเดินต่ออีกไม่ไกล แต่สิ่งที่ผิดคาดเล็กน้อยก็คือ ไปถึงร้านเวลาเกือบๆ 9 โมงเช้าแล้วเจอคนต่อคิวกันราวๆสิบกว่าคิวครับ
แถวหน้าร้าน
กฎกติกาในการเข้าจองคิวและเข้าทานครับ ละเอียดมาก
แล้วผมก็ลงชื่อเรียบร้อยครับ ได้รอบ 10.30 AM ก็ยังพอเหลือเวลาในการไปหากาแฟกินแถวๆนี้ก่อน
ตอนแรกว่าจะสั่งแต่กาแฟ อยู่ดีๆโดนอัพเซลล์ด้วยแซนด์วิชเฉย...
หลังจากนั้นก็ถึงเวลากลับไปนั่งทานราเมงตามที่ได้ลงเวลาไว้ครับ
โปสเตอร์ของทาง TRY ที่แปะไว้ที่ผนังร้าน
เมนูที่ตู้กดครับ แน่นอนว่าหนีไม่พ้น Special ซ้ายบน  ฮา
ตัว Shoyu Ramen ของทาง Shima เรียกได้ว่าเป็น Enhanced Version ของโครงสร้างแบบ Old School ครับ ซึ่งผมรู้สึกว่าค่อนข้างโชคดีที่ได้ทานของ Sugimoto มาก่อนแล้ว ก็เลยสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก ว่าองค์ประกอบหรือวิธีคิดของ Shima จะอ้างอิงสายเก่าแบบ Shina Sobaya ของคุณ Sano Minoru เหมือนที่ Sugimoto อ้างอิง เพียงแต่ที่ Shima จะเพิ่มเติมของแห้งทะเลเข้าไปค่อนข้างเยอะเพื่อเพิ่มความหนาและหนักแน่นของรสชาติ รวมถึงความหลากหลายของ Topping ที่ใช้
แต่ละองค์ประกอบครับ อร่อยมากๆทั้งเส้น ซุป และ Topping
เกลี้ยงชามตามท้องเรื่องครับ
เพิ่มเติมสำหรับ Ramen Shima ให้เล็กน้อยครับ ว่าเป็นหนึ่งในหลายๆร้านที่เป็นการรันและรับจบทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว ไม่มีลูกมือใดๆทั้งสิ้น ดังนั้น ถึงแม้ว่าความเร็วในการทำออกมาแต่ละชามจะไม่ได้เร็ว แต่สำหรับผมที่ชอบดูกระบวนการทำงานอยู่แล้ว จะยิ่งรู้สึกชอบและเพลิดเพลินในการดูเชฟทำทีละชามครับ
หลังจากที่เสร็จภารกิจแรก ต่อไปก็คือ Menya Kintoki ที่จะไปลอง Shio Ramen ครับ
เพียงแต่ ระหว่างที่กำลังจะเดินไปซื้อตั๋วรถไฟ ก็เกิดเสียงในหัวขึ้นมาแวบหนึ่ง...
หรือจะเท kintoki แล้วไปลอง Shio ของ Break Beats ดี เห็นหอยเชลล์โต๊ะข้างๆเมื่อวานละอยากกิน
แต่หลังจากที่ลองชั่งใจดู ผมก็เลือกที่จะเดินตามแผนเดิมครับ กลัวเปลี่ยนแผนแล้ว Sold Out มันไม่คุ้ม
Stick to the plan ครับ มุ่งหน้าสู่ Menya Kintoki ด้วยการนั่งไปลงที่สถานี Shin-egota แล้วเดินต่อ
ตอนเห็นใน Maps ว่าเดินไม่น่าเยอะ แต่เอาเข้าจริงๆก็เหนื่อยเหมือนกันครับ
หลังจากที่เดินตาม Google Maps มาพักหนึ่ง ก็ถึงหน้าร้านครับ
แต่ครั้นจะเข้าไปต่อคิวทานเลยทันทีก็ยังอิ่มจากที่ Shima อยู่ครับ ยังทานต่อทันทีไม่ไหว ผมก็เลยตัดสินใจไปเดินเล่นดูบรรยากาศรอบๆก่อน
นั่งพักแป๊บครับ
แล้วก็เจอร้านกาชา รู้สึกเหมือนโดนดึงดูด
เลือกหมุนไม่ถูกเลยทีเดียว
หลังจากที่เดินย่อยอยู่ราวๆหนึ่งชั่วโมง ก็ได้เวลากลับไปทำภารกิจต่อครับ
เจอกันที่หน้าตู้กดตั๋วเช่นเคย
ในภาพรวม Shio Ramen ของ Menya Kintoki เป็น Shio เบสไก่ที่ดีครับ มีความคลีน โปร่ง ทานง่าย (แต่รสชาติยังคงความเป็นญี่ปุ่นอยู่) Topping มีทั้งส่วนของไก่และเกี๊ยวกุ้ง ลูกชิ้นกุ้ง (ซึ่งส่วนตัวเห็นลูกชิ้นกุ้งแล้วอยากกินครับ ฮา) แล้วก็เพิ่มความหอมด้วยน้ำมันต้นหอมบางๆครับ
แต่โดยส่วนตัว ผมกลับไม่ได้ประทับใจลูกชิ้นกุ้งขนาดนั้น (อาจจะเพราะคาดหวังไว้เยอะ) แต่ภาพรวมของราเมงทั้งชามยังเป็นชามที่อร่อยครับ
ปิด Job แบบคลีนๆ
หลังจากชามนี้ ช่วงเวลาที่เหลือของวันก็เป็นช่วงของการทัวร์ครับ (เพราะกินไม่ไหวแล้ว) เน้นเดินดู เดินหาของมากกว่า
แวะมาคารวะหน้าร้าน Taishoken ที่ Ikebukuro แต่เห็นขนาดชามแล้วกินไปน่าจะแน่นตายก่อน *-*
เกือบได้หิ้วตัวนี้กลับจากญี่ปุ่นครับ ตรงใจที่ตามหาทุกอย่าง Single Cut 7 สาย 24 Frets คอเล่นง่าย งานเนี้ยบ
ปิดมื้อเย็นด้วย Gyukatsu Motomura ที่มีมิตรสหายแนะนำมาครับว่าควรไปทาน
หลังจากที่ปิดภารกิจวันที่ 13 ก.ค. ไป ก็เข้าสู่วันที่ 14 ก.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของทริปครับ
เนื่องจากเป็นไฟลท์กลับช่วงบ่ายตามเวลาที่ญี่ปุ่น และต้องเผื่อเวลาในการไปจัดการทุกอย่างที่สนามบินแบบเผื่อเวลาไว้ (ส่วนตัวเคยมีประสบการณ์เกือบตกเครื่องจากการเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อนและไม่อยากซ้ำรอยแล้ว) ก็เลยเป็นการฝากท้องมื้อสุดท้ายไว้กับสนามบินครับ พอ Check-in และโหลดของเสร็จ เดินเจออะไรก็กินอันนั้นแหละ...
อนิจจา ด้วยความเป็นสายราเมง ก็ปิดทริปด้วยร้านราเมงที่สนามบินสิครับ (แต่อันนี้ไม่ได้ตั้งใจหานะ เดินเจอเองใน Narita) ชื่อร้าน TOKYO‐TONKOTSU‐BASE MADE by IPPUDO ครับ
ซึ่งก็ตามชื่อเลยครับ เครือของ Ippudo ที่ญี่ปุ่น เปิดในสนามบิน ดังนั้นหน้าตาหรือโครงสร้างก็น่าจะเดาได้ไม่ยากว่า Tonkotsu เป็นฐาน แล้วปรับ tare ตามแต่ละชนิด
Tonkotsu Shoyu Ramen ครับ
การที่เห็นว่าเป็นเครือที่มีการเปิดสาขามากมาย มีขาย Franchise อาจจะทำให้เรารู้สึกได้ว่า "รสชาติมันจะสักเท่าไหร่กัน" แต่อยากให้เข้าใจตรงกันครับว่า ถึงเป็น Franchise หรือร้านสาขา ถ้าตั้งมาตรฐานไว้ดี คงคุณภาพได้ ก็ถือว่าเป็นร้านที่ทานได้เหมือนกัน
เช่นในชามนี้ องค์ประกอบไม่ได้แย่นะครับ เป็น Tonkotsu-Based ที่ใช้ Shoyu tare แต่ก็มีเพิ่มผงปลาคัตสึโอะด้านบนเพื่อเพิ่มโทนรสชาติและความอูมามิ แล้วก็มีเปลือกส้มยูสุไว้ช่วยตัดเล็กน้อยด้วย
ภาพรวมไม่ได้หวือหวา ทานได้เพลินๆครับ แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกว้าวแบบสาย Craft แต่มีมาตรฐานที่ดีครับ
หลังจากนั้นก็ได้เวลากลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนครับ (แม้ว่าใจจริงอยากอยู่ต่อก็ตาม 555)
เดินผ่านโซนของฝากก็เกือบโดนอีก ฮา
ท้องฟ้าตอนบินกลับ สวยจัง
แล้วผมจะกลับมาที่ญี่ปุ่นอีกแน่นอน... แต่ขอเก็บเงินก่อนนะ ไว้จะบินมากินราเมงอีก
ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามซีรีส์ "ออกไปแตะขอบฟ้า ให้ราเมงที่ญี่ปุ่นเยียวยา"นะครับ หวังว่ารายละเอียดของร้านต่างๆในแต่ละโพสต์ จะช่วยเหลือท่านที่ต้องการจะตามไปทานได้ไม่มากก็น้อย หรือถ้ามีข้อสงสัย ปรึกษา หรือขอความเห็น สามารถติดต่อไปที่ Inbox ของเพจ Facebook "ราเมงจะเยียวยาทุกสิ่ง" ได้ตลอดครับ
#หากใจของท่านเหนื่อยล้าจงเดินหาร้านราเมง
#ออกไปแตะขอบฟ้าให้ราเมงที่ญี่ปุ่นเยียวยา
โฆษณา