12 พ.ค. เวลา 02:00 • ธุรกิจ

การเขียนแผนธุรกิจ (Business Planning)

สำหรับคนที่มีไอเดีย หรือ กำลังทำธุรกิจอยู่ สิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ คือ คุณต้องมีแผนธุรกิจที่ดี เพราะ แผนธูรกิจจะช่วยให้ทุกคนในองค์กรของคุณ เข้าใจในเนื้อแท้ เอกลักษณ์ และ เป้าหมายของธุรกิจ ดังนั้น เจ้าของหรือผู้บริหารธุรกิจที่ดี จึงควรจะมีแผนธูรกิจที่ชัดเจน มีความพิเศษ ล้ำหน้า เหนือ คู่แข๋งและอุปสรรคทั้งหลายได้ ต่อไปนี้คือรายละเอียดของแผนธุรกิจที่ดี
การเขียนแผนธุรกิจ (Business Planning) คือ กระบวนการในการจัดทำเอกสารที่ระบุรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจว่าธุรกิจจะทำอะไร เพื่อจุดประสงค์อะไร และจะต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมายได้ โดยแผนธุรกิจจะทำหน้าที่เป็นเหมือนแผนที่ (Roadmap) ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นกรอบสำหรับการวางแผนการตลาด วางแผนการเงิน และการบริหารงาน ถือได้ว่า แผนธุรกิจ เป็นก้าวแรกของการทำธุรกิจและความสำเร็จ แผนธุรกิจที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจมีทิศทางที่ชัดเจนและสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดประสงค์ของการเขียนแผนธุรกิจ มีดังนี้
  • ​เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
  • ​ใช้เพื่อนำเสนอความเป็นไปได้ของความสำเร็จสำหรับการลงทุน การระดมทุน หรือการขอกู้สินเชื่อเพื่อประกอบธุรกิจ
  • ​ใช้เพื่อประเมินความคุ้มค่าในการลงทุนของธุรกิจ
  • ​ใช้เพื่อสื่อสารกับบุคคลภายนอก เช่น ลูกค้า คู่ค้า พนักงาน และ ผู้ลงทุน
องค์ประกอบของแผนธุรกิจโดยทั่วไป มีดังนี้
1. บทสรุปผู้บริหาร (Executive Summary) เป็นบทสรุปข้อมูลสำคัญสั้นๆเกี่ยวกับธุรกิจ เป้าหมายที่ต้องการบรรลุ และ แผนธุรกิจทั้งหมด เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวมของธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว เช่น Business Model Canvas, Feasibility Study และ Use Case เป็นต้น
2. การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม (SWOT Analysis) เป็นการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกของธุรกิจ เพื่อระบุ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และ อุปสรรค
3. กลยุทธ์ธุรกิจ (Business Strategy) เป็นการระบุกลยุทธ์หลักของธุรกิจในการบรรลุเป้าหมาย เช่น Wining Zone Strategy, Porter’s Five Forces และ Unfair Advantage เป็นต้น
4. กลยุทธ์ทางการตลาด (Marketing Strategy) เป็นการกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ในการเข้าถึงและตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น Branding, Marketing Mix 4Ps (Product, Price, Place และ Promotion) และ Customer Journey เป็นต้น
5. กลยุทธ์การดำเนินงาน (Operations Strategy) เป็นการกำหนดแนวทางในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เช่น Organization Chart, Role and Responsibilities, 5M Model (Man, Machine, Material, Method และ Money) และ Supply Chain Management เป็นต้น
6. กลยุทธ์ทางการเงิน (Financial Strategy) เป็นการกำหนดแนวทางในการบริหารการเงินเพื่อให้ธุรกิจมีความมั่นคง เช่น งบดุล, งบกำไรขาดทุน, แผนการจัดการทางเงิน, แผนการจัดการทรัพย์สิน และ การวิเคราะห์สถิติทางการเงิน เป็นต้น
7. แผนการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Plan) เป็นการระบุความเสี่ยงอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และ วิธีการจัดการความเสี่ยง
8. แผนควบคุม (Control Plan) เป็นการระบุระบบการควบคุมภายในเพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของธุรกิจ เช่น Balanced Scorecard และ Gantt Chart เป็นต้น
การเขียนแผนธุรกิจมีประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจ ดังนี้
  • ช่วยกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ของธุรกิจให้ชัดเจน
  • ช่วยประเมินโอกาสและความเสี่ยงของธุรกิจ
  • ช่วยในการระดมทุนหรือขอสินเชื่อ
  • ช่วยในการวางแผนการดำเนินงานของธุรกิจ
  • ช่วยในการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของธุรกิจ
การเขียนแผนธุรกิจที่ดีควรเป็นแผนที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ โดยควรมีการทบทวนแผนธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แผนธุรกิจยังคงมีความทันสมัยและสอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจ
สำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจเริ่มต้น อาจไม่จำเป็นต้องเขียนแผนธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ แต่ควรมีแผนธุรกิจเบื้องต้นที่สามารถระบุเป้าหมายและกลยุทธ์หลักของธุรกิจได้อย่างชัดเจน เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
สารตั้งต้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน เพราะคำว่า "ไม่รู้" ทำคนเสีย "น้ำตา" มามากแล้ว
ถ้าเนื้อหาถูกใจ ช่วยกดติดตาม กดไลท์ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจ
แลกเปลี่ยนความเห็น ติชม สอบถาม แนะนำเนื้อหาได้นะครับ
#สารตั้งต้น #BusinessPlanning #ExecutiveSummary #SWOTAnalysis #BusinessStrategy #MarketingStrategy #OperationsStrategy #FinancialStrategy #RiskManagementPlan #ControlPlan
โฆษณา