17 ก.พ. เวลา 04:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Let Me In : เข้ามาเพื่อพาออกไป

หนังที่เกี่ยวกับแวมไพร์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนๆ ส่วนมากก็จะมีความสยองขวัญกันซะมาก มีเรื่องเลือดตกยางออกสารพัด และจะออกแนวเลือดสาดกระจายเร่งอะดรีนาลีนในตัวคนแบบสุดๆ
มันน่าตื่นเต้นดีออก
เรื่องนี้ก็เลือดตกยางออกเหมือนกันครับ เพียงแต่ความโฉ่งฉ่างไม่เยอะ อาศัยบรรยากาศอึมครึมกดดันมากกว่าห้ำหั่นกันเลือดสาด
Let Me In แวมไพร์ร้ายเดียงสา(2010)
เรื่องนี้เป็นหนังรีเมคจากหนังเรื่องLet The Right One In สัญชาติสวีเดนที่ออกฉายเมื่อปี2008 ตัวหนังสร้างจากนิยายชื่อเดียว เห็นว่ามีแปลไทยด้วย
ตัวรีเมคกำกับโดยMatt Reevesผู้กำกับThe Batmanที่มีRobert Pattinsonนำแสดง ตัวหนังเดินตามต้นฉบับหนังดั้งเดิมแต่มีการแก้ไขรายละเอียดหลายจุดอยู่เหมือนกัน
ส่วนตัวเคยดูแต่เวอร์ชั่นรีเมคครับ
เริ่มเรื่องเราจะพบว่ามีเด็กชายวัย12คนหนึ่งถูกบูลลี่จากกลุ่มคู่อริอยู่เสมอ ตัวเขาเองก็ไม่ชอบใจแต่ตอบโต้อะไรได้ไม่มาก ได้แต่ยอมๆไป
บรรยากาศในห้องเช่าที่อยู่ค่อนข้างจะเหงา แม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวทำงานไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไหร่ เขาจึงได้แต่อยู่เงียบๆคนเดียวเป็นส่วนใหญ่
แล้ววันหนึ่งก็มีชายสูงวัยมาพร้อมกับกระเป๋าตะกร้าใบใหญ่เข้ามาพักข้างห้อง
หลังจากนั้นเด็กชายก็ได้พบกับเด็กหญิงคนหนึ่งที่มาเป็นเพื่อนกับเขา
เธอให้ความสนใจเด็กชายคนนี้มาก
มีอยู่วันหนึ่งเด็กชายเชิญเด็กหญิงเข้ามาในบ้าน และเด็กหญิงก็ตอบรับคำเชิญนั้นด้วยดี และเข้านอกออกในห้องพักได้
แต่ระหว่างนั้นก็เกิดเรื่องแปลกๆ มีคนตายในลักษณะประหลาดคล้ายถูกสัตว์ร้ายเล่นงาน จึงมีตำรวจเข้ามาสืบสวน
และไม่นาน เด็กชายก็รับรู้ว่าชายสูงวัยนั้นไม่ใช่พ่อของเด็กหญิงและเด็กหญิงคือแวมไพร์ที่มีชีวิตมานานมากแล้ว และดำรงชีพด้วยเลือดมนุษย์
แล้วเรื่องก็ดำเนินต่อไป
มีคนตายมากขึ้น ชายสูงวัยทำงานพลาดจนต้องฆ่าตัวตายเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยของเด็กหญิง และสุดท้ายตำรวจกับวัยรุ่นอีกหลายคนก็ถูกเด็กหญิงเล่นงานจนตายไปอีก
ถึงตอนนี้เด็กหญิงจึงต้องย้ายออกจากเมือง
เด็กหญิงชวนให้เขาไปด้วยกัน
เด็กชายลังเล แต่ก็ตามเธอไปในตอนท้าย
เป็นอันจบครบถ้วน
ว่ากันตามตำนานกับนิยายเรื่องแดรกคูลา แวมไพร์หรือผีดูดเลือดคือปีศาจแบบหนึ่ง มีความโหดเหี้ยมดุร้ายกระหายเลือด พลังเยอะแต่แพ้แสงแดด กระเทียม น้ำมนต์หรือไม้กางเขนที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้า
มีสภาพแบบกึ่งอมตะ ตายได้เมื่อถูกแสงแดดหรือลิ่มไม้หรือเหล็กตอกเข้าที่หัวใจ
แวมไพร์มีมากมายตั้งแต่เด็กจนผู้ใหญ่ ผู้ที่ถูกแวมไพร์ดูดเลือดจะกลายเป็นแวมไพร์บริวารต่อไป
แวมไพร์เท่าที่เคยอ่านจะพบว่ามักปรากฎตัวในรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดี และมีอำนาจในการสะกดจิตล่อลวงเหยื่อได้อีก
ในการพิสูจน์ว่าใครเป็นแวมไพร์ก็ให้คนคนนั้นส่องกระจกดู แวมไพร์จะไม่มีเงาในกระจก
แล้วแวมไพร์จะเข้าบ้านใครก็ไม่ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากคนในบ้าน
สุดท้าย การเคลื่อนย้ายแวมไพร์นั้นต้องให้แวมไพร์นอนอยู่ในโลง กล่องหรืออื่นๆที่มีส่วนประกอบเป็นไม้และมีดินปนอยู่ภายในโลงหรือกล่องนั้น โดยเชื่อว่าแวมไพร์ต้องได้รับพลังจากดินหรือห่างจากดินไม่ได้ ถ้าต้องข้ามน้ำข้ามทะเลก็ต้องใช้วิธีนี้เหมือนกัน ไม่งั้นแวมไพร์จะม่อยกระรอกได้ง่ายมาก
นี่ว่ากันตามตำนานกับนิยายครับ
ส่วนในความเป็นจริงแวมไพร์ไม่มีอยู่จริงครับ มันเป็นความเชื่อในสมัยโบราณ แต่ปัจจุบันนี้มีแนวคิดที่น่าสนใจว่าอาการเป็นแวมไพร์คืออาการของโรคพิษสุนัขบ้า ไม่ใช่ผีหรือปีศาจแต่อย่างใด
ผมดูหนังเรื่องนี้ผ่านเคเบิลท้องถิ่นที่ต่างจังหวัด ตอนแรกไม่ได้สนใจนักเพราะดูผ่านๆแค่จะฆ่าเวลา แต่พอเลยช่วงแรกไปแล้วพบว่าตัวหนังน่าสนใจดีเหมือนกัน
เนื้อเรื่องเดินทางเป็นเส้นตรง ไม่ได้ซับซ้อนอะไร บรรยากาศเงียบเหงา มืดครึ้มอึมครึมและหดหู่ แถมด้วยเลือดกระจายอยู่เป็นระยะ
ผมสนใจตรงความสัมพันธ์ของเด็กหญิงแวมไพร์กับเด็กชายมนุษย์ว่ามันคือความรักหรือการล่อลวงหลอกกันแน่
ผู้กำกับสร้างความคลุมเครือให้กับคนดูอยู่ไม่น้อยเมื่อมองผ่านสายตาของเด็กชายว่าแวมไพร์ตนนี้สมควรได้รับความเห็นใจอย่างยิ่งหรือว่าทั้งหมดคือแผนการปลดระวางชายสูงวัยคนนั้นแล้วหาคนใหม่มาแทนแบบเนียนๆกันแน่
จากฉบับรีเมคผมขอตีขลุมเหมือนเคยว่ามันเป็นการล่อลวงหลอกเด็กชายวัยละอ่อนคนนี้โดยใช้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูบอบบางน่าสงสาร การเข้าหาใกล้ชิดและให้ความช่วยเหลือแก่เด็กชายที่โดนบูลลี่ตั้งแต่รับฟังจนแก้แค้นให้ในตอนท้าย
และเหตุที่ต้องทำก็เพราะว่าชายสูงวัยที่มาด้วยทำหน้าที่ดูแลเธออีกต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องหาคนมาทำหน้าที่นี้แทน
ส่วนเด็กชายคนนั้นจะรู้ตัวว่าถูกล่อลวงหลอกหรือไม่นั้นผมคาดว่าไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่เด็กชายเองก็เต็มใจช่วยเพราะอยากจะออกไปจากที่แห่งนี้อยู่แล้ว
มันคือโลกที่เขาคิดว่ามันแย่ยิ่งกว่าแย่ ไร้ความหวัง
มันคือแฟนตาซีของเด็กชายที่อยากหลุดพ้นไปจากสถานการณ์ที่ไร้ทางออกในความรู้สึกของตนเอง
เมื่อมีการหยิบยื่นโอกาสเขาจึงไม่ลังเลที่จะคว้ามันไว้โดยไม่ต้องคิดเลย
ผมค้นกลับไปที่หนังต้นฉบับกับนิยายจะพบความแตกต่างอีกหลายจุดและมีประเด็นอีกเยอะที่น่าสนใจเช่นตัวต้นฉบับจะบอกว่าแวมไพร์ไม่ใช่เด็กหญิงแต่เป็นเด็กชายที่ถูกตอน(ตัดทิ้งทั้งหมด)จึงเท่ากับไม่มีเพศสภาพจริงๆ แค่แต่งตัวเป็นเด็กหญิง ตัวชายสูงวัยก็เป็นพวกรักชอบเด็ก(Pedophilia)และพยายามข่มขืนแวมไพร์ตนนี้ด้วย
ค้นมาก็เวียนเฮดจริงเพราะปมต่างๆเยอะไปหมด ดูจบค้นจบก็เหนื่อยไปกับตัวละครเหมือนกัน
อ้อ เห็นว่ามีภาคต่อเขียนเป็นเรื่องสั้นรวมเล่มด้วย โดยมีการบอกเป็นนัยๆว่าสุดท้ายแล้วเด็กชายก็กลายเป็นแวมไพร์ไปในที่สุด
กล่าวโดยสรุปอีกครั้งครับว่าตัวหนังให้ภาพของโลกแห่งความเป็นจริงที่เด็กชายคนนี้พบเจอคือโลกอันโหดร้ายไร้ทางออกใดๆ เป็นโลกที่มีแต่ความเปลี่ยวเหงา ไร้คนเข้าใจ
เด็กชายคนนี้อาจไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาค้นพบในตัวเธอคือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆหรือไม่
มันคือความรัก ความหลุดพ้น หรือมันคือความล่อลวงหลอกเหมือนที่ชายสูงวัยนั้นต้องประสบ
แต่เธอคือสิ่งสุดท้ายที่เขาคว้าไว้
เพื่อนำพาเขาจากโลกที่ไม่พึงประสงค์ในสายตาของเขา นำไปสู่ชีวิตใหม่ที่มีความแฟนตาซีน่าหลงใหลมากกว่า
แต่...
แน่ใจแล้วหรือว่ามันจะไม่ใช่ภาพลวงตาหรือมายาล่อลวงหลอก
เด็กชายอาจจะไม่รู้หรอก
แล้วเด็กหญิงแวมไพร์ล่ะ
เราคงไม่ต้องพูดถึง
แต่สิ่งที่ทั้งคู่แน่ใจ
คือปล่อยมันไปอย่างนี้ก็แล้วกัน
แล้วกาลเวลาจะเป็นตัวบอกเอง
โฆษณา