31 ม.ค. เวลา 12:43 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 72

ค่ายชิงเฟิง (3) ทำคุณบูชาโทษ
ซ่งเจียงมาอยู่กับฮวาหยง แต่ละวันฮวาหยงก็ให้คนสนิท 体己人 ผลัดกันพาซ่งเจียงเที่ยวชมเมืองและวัดวาอาราม เวลาออกไปก็ให้ติดเงินปลีกไปสำหรับใช้สอยด้วย แต่เวลากินดื่มตามร้านอาหาร ร้านน้ำชา หรือซ่องคณิกา พอจะจ่ายเงิน ซ่งเจียงไม่ยอมให้คนสนิทที่ติดตามจ่ายเงินให้ แต่จ่ายเอง กลับมาก็ไม่บอกฮวาหยง คนสนิทก็ได้เงินเก็บไว้ใช้เอง เป็นที่ชอบใจของทั้งผู้ติดตามทั้งบรรดาร้านค้าต่างรู้จักซ่งเจียง ซ่งเจียงอยู่มาได้เดือนกว่า ก็ย่างเข้าเดือนอ้าย อีกไม่นานก็จะมีเทศกาลโคมวันหยวนเซียว 元宵节
ชาวบ้านร้านตลาดตำบลชิงเฟิงต่างพากันตระเตรียมงานเทศกาลโคม โดยเฉพาะการร่วมบริจาคเงินจัดสร้างเขาเต่าอ๋าว 小鳌山 หน้าศาลเจ้าต้าหวางประจำท้องที่ 土地大王庙 ประดับประดาด้วยโคมไฟหกร้อยดวง ตกแต่งด้วยพรรณไม้ต่างๆ (鳌 อ๋าวเป็นสัตว์มงคลในตำนานรูปร่างคล้ายเต่า เขาเต่าอ๋าว 小鳌山 ตกแต่งด้วยโคมไฟเป็นศูนย์กลางงานเทศกาลโคมหยวนเซียว) ที่ศาลเจ้ามีประกวดการแสดงตามเทศกาล 社火 เช่น เชิดสิงโต การละเล่นพื้นบ้าน หน้าบ้านแต่ละหลังจะประดับโคมละลานตา
ถึงวันงาน ท้องฟ้าแจ่มใส ราวยามสื้อ 巳牌 (10:00 น.) ฮวาหยงผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของค่ายก็ไปยังที่ว่าการกำหนดจัดวางหน่วยรักษาความปลอดภัย และเวรยามเฝ้ารักษาประตูต่างๆ พอยามเว่ย 未牌 (14:00 น.) จึงกลับค่าย แล้วเชิญซ่งเจียงมาร่วมรับประทานอาหาร
ซ่งเจียงว่า “คืนนี้มีเทศกาลโคมครึกครื้น ข้าว่าจะไปเที่ยวชม”
ฮวาหยงว่า “ผู้น้องก็อยากไปชมโคมกับพี่ท่าน แต่ติดราชการอยู่ จะให้คนติดตามพี่ท่านไปด้วยสองสามคน พี่ท่านกลับไวหน่อย ผู้น้องจะรอดื่มฉลองเทศกาลหลังท่านกลับ”
พอพระจันทร์ขึ้นพ้นขอบฟ้าตะวันออก งานเทศกาลก็เริ่มอย่างรื่นเริง
玉漏铜壶且莫催,星桥火树彻明开。
鳌山高耸青云上,何处游人不看来!
ถังน้ำหยดจดเวลาอย่าเร่งไป
สะพานดาราพฤษาไฟงามยันสว่าง
เขาเต่าอ๋าวตระหง่านง้ำค้ำฟ้ากว้าง
ฝูงชนต่างไหลหลั่งคับคั่งชม
 
(วิธีบอกเวลาสมัยโบราณ
น้ำหยดจากถังหนึ่งรอบเรียก หนึ่งเตี่ยน 点 (หยด)เท่ากับ ยี่สิบสี่นาที
ห้าเตี่ยน เท่ากับ หนึ่งชั่วยาม 更 หรือสองชั่วโมง)
ซ่งเจียงเดินชมโคมมีคนสนิทของฮวาหยงติดตามมาด้วยสามคน ชาวบ้านประดับโคมหน้าบ้าน บ้างก็เป็นรูปดอกไม้ เช่น ดอกโบตั๋น ดอกพุดตาน ดอกบัว บ้างก็วาดภาพเล่าเรื่องราว เดินเรื่อยมาจนถึงหน้าศาลเจ้าต้าหวาง ที่ตั้งเขาเต่าอ๋าว
山石穿双龙戏水,云霞映独鹤朝天。
金莲灯,玉梅灯,晃一片琉璃;
荷花灯,芙蓉灯,散千团锦绣。
银蛾斗彩,双双随绣带香球;
雪柳争辉,缕缕拂华幡翠幕。
村歌社鼓,花灯影里竞喧阗;
织妇蚕奴,画烛光中同赏玩。
虽无佳丽风流曲,尽贺丰登大有年。
มังกรคู่ทะลวงผาเริงวารี
ท่ามเมฆหมอกมีกระเรียนยืนผงาด
โคมบัวทองเหมยหยกกระจกดาด
โคมบุปผชาติไหมถักทอพุดตาน
ผีเสื้อเงินตัดกับเบญจรงค์
เป็นคู่คู่ปักลงบนตะกร้อสาน
เสวียหลิ่วแข่งกันเบ่งบานตระการ
เป็นช่อช่อแผ่บานดังม่านหยก
เพลงพื้นบ้านระบำกลองทำนองโหม
ใต้เงาโคมรัวประชันสั่นสะทก
หนุ่มหนอนไหมสาวทอผ้าลายจก
ระเริงผกโผนผาดใต้ภาพตะเกียง
แม้ไม่มีบทเพลงบรรเลงหวาน
ยังฉลองผ่านงานปีดีอุดม
พวกซ่งเจียงทั้งสี่ยืนชมบริเวณเขาเต่าอ๋าวอยู่ครู่หนึ่งก็เดินต่อไปทางใต้ได้ราวห้าร้อยก้าว เห็นแสงโคมสว่างไสว คนกลุ่มใหญ่ล้อมวงมุงอยู่หน้าลานกว้างริมประตูกำแพง เสียงฆ้องดังที คนก็พากันเฮ ซ่งเจียงดูแล้วรู้ว่าเป็นการแสดงเป้าเหล่าสวมหน้ากาก 舞鲍老  แต่ซ่งเจียงรูปร่างเตี้ยมองไม่เห็น คนสนิทที่ไปด้วยรู้จักคณะนักแสดงจึงแหวกทางให้ซ่งเจียงขี้นหน้ามาชม เห็นคนเต้นเป้าเหล่าบิดตัวไปมา ซ่งเจียงหัวเราะชอบใจ
ในลานหลังประตูกำแพง ผู้กำกับค่ายหลิวกับภรรยาและสตรีกลุ่มหนึ่งนั่งชมการแสดงอยู่ พอได้ยินเสียงซ่งเจียงหัวเราะ ภรรยาผู้กำกับก็ชี้ให้สามีดูแล้วบอกว่า
“ชายร่างเตี้ยดำนั่นคือหัวหน้าโจรเขาชิงเฟิงที่จับข้าไปเมื่อวันก่อน”
ผู้กำกับหลิวจึงสั่งให้ทหารติดตามเจ็ดนายมาจับชายเตี้ยดำที่กำลังหัวเราะ ซ่งเจียงได้ยินก็หันหลังหนีมาได้สิบกว่าบ้าน ทหารที่ไล่จับก็ตามมาทัน เข้าล้อมจับพาตัวไปยังค่ายแล้วเอาเชือกมัดพาตัวมายังห้องโถงค่าย คนสนิททั้งสามที่ติดตามซ่งเจียงรีบวิ่งกลับมารายงานแก่ฮวาหยง
ผู้กำกับค่ายหลิวขึ้นนั่งว่าการในห้องโถง ซ่งเจียงคุกเข่าอยู่กลางห้อง ผู้กำกับตะคอกใส่ว่า “เจ้าเป็นโจรเขาชิงเฟิงเที่ยวปล้นชิงราษฎร กล้ามาเที่ยวงานดูโคม ถูกจับตัวได้ มีอะไรจะพูด”
ซ่งเจียงว่า “ผู้น้อยเป็นชาวอำเภอวิ่นเฉิงชื่อจางซาน 张三 เป็นแขกมาเยี่ยมเพื่อนเก่าผู้กำกับค่ายฮวา มาอยู่ได้หลายวันแล้ว ไม่เคยไปปล้นชิงใครที่เขาชิงเฟิง”
ภรรยาผู้กำกับหลิวโผล่มาจากบังตาด้านหลังตวาดลั่น “เจ้ายังมีหน้ามาปฏิเสธ จำได้ไหมว่าวันก่อนยังให้ข้าเรียกเจ้าว่าท่านอ๋องใหญ่”
ซ่งเจียงว่า “คุณนายท่านจำผิดแล้ว ตอนนั้นข้าพูดว่า ผู้น้อยเป็นแขกมาจากอำเภอวิ่นเฉิง ถูกจับตัวมาอยู่นี่ ลงเขาไม่ได้”
ผู้กำกับหลิวว่า “ถ้าเจ้ามาจากวิ่นเฉิงถูกจับตัวไปอยู่ที่นั่น แล้ววันนี้ทำไมลงเขามาเที่ยวดูโคมที่นี่ได้”
หญิงผู้นั้นกล่าวเสริมว่า “ตอนเจ้าอยู่บนเขา ยังนั่งวางก้ามอยู่บนเก้าอี้ตัวกลางให้ข้าเรียกว่าท่านอ๋องใหญ่”
ซ่งเจียงว่า “คุณนาย จำไม่ได้หรือว่าข้าเป็นคนช่วยท่านให้ลงเขา ทำไมกลับมายัดเยียดให้ข้าเป็นโจร”
หญิงผู้นั้นโกรธจัดชี้หน้าซ่งเจียงด่าว่า “เจ้านี่มันโยกไปโย้มา ไม่โบยคงไม่รับสารภาพ”
ผู้กำกับหลิวว่า “พูดก็ถูก” จึงสั่งให้โบยซ่งเจียงสองยกจนเนื้อแตกเลือดไหลซิบ แล้วให้ล่ามโซ่ไว้ รอเช้าวันรุ่งขึ้น ค่อยนำตัวจางซานไอ้เสือวิ่นเฉิง 郓城虎张三 ขึ้นรถนักโทษ เข้าไปยังตัวเมืองชิงเฟิง
ทางด้านฮวาหยงเมื่อรับรายงานเรื่องซ่งเจียงถูกจับ ก็ตกตะลึง รีบทำหนังสือให้คนถือมายังค่ายผู้กำกับหลิว หลิวเกาให้เข้ามายังห้องโถงรับหนังสือเปิดออกอ่านความว่า ฮวาหยงขอคารวะนายท่านพี่ผู้ร่วมงาน เนื่องด้วยญาติของผู้น้อย หลิวจ้าง 刘丈 มาจากเมืองจี้โจว ไปเที่ยวชมโคมแล้วได้ล่วงเกินพี่ท่าน ขอโปรดให้อภัยปล่อยตัว จักเป็นพระคุณอย่างสูง
หลิวเกาอ่านจบกลับโกรธใหญ่ ฉีกหนังสือทิ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วออกปากด่าว่า “ฮวาหยงเจ้าคนไร้มารยาท เป็นถึงข้าราชสำนักกลับมาคบหากับโจร แล้วยังบังอาจตบตาข้า ไอ้โจรนี่สารภาพว่าเป็นคนวิ่นเฉิงชื่อจางซาน เจ้ากลับเขียนมาบอกว่าชื่อหลิวจ้าง หวังจะปั่นหัวข้าว่าเป็นคนแซ่หลิวเหมือนกัน ให้ข้าปล่อยมัน” แล้วหลิวเกาก็สั่งขับผู้ถือหนังสือกลับไป
ผู้ถือหนังสือรีบกลับมารายงานฮวาหยง ฮวาหยงฟังแล้วร้องว่า “แย่แล้วพี่ข้า รีบเตรียมม้าให้ข้า เร็ว”
ฮวาหยงสวมเกราะ สะพายธนู ถือทวนขึ้นม้าพาทหารห้าสิบนายตรงมายังค่ายของหลิวเกา ทหารยามค่ายหลิวเกาพอเห็นฮวาหยงมาก็ชิงหนีกันก่อนแล้ว ฮวาหยงจึงพาคนทั้งห้าสิบเข้ามาถึงหน้าห้องโถงลงจากม้ายืนตะโกนว่า “เชิญผู้กำกับค่ายหลิวมาสนทนา”
หลิวเกาได้ยินแล้วก็ขวัญหนีดีฝ่อมีหรือจะยอมออกมา ฮวาหยงเห็นหลิวเกาไม่ยอมออกมาจึงสั่งให้คนเข้าค้น ทหารทั้งห้าสิบแยกย้ายกันค้นหาจนมาพบซ่งเจียงถูกมัดและล่ามโซ่แขวนอยู่บนขื่อ น่องถูกโบยจนแตก จึงตัดเชือกแก้โซ่ล่ามพาตัวออกมา ฮวาหยงให้คนพาตัวกลับไปค่ายก่อน
ฮวาหยงขึ้นม้าถือทวนกล่าวว่า “ผู้กำกับค่ายหลิว ท่านเป็นผู้กำกับค่ายเอก จะทำอย่างไรกับข้าฮวาหยง บ้านใครไม่มีญาติ ท่านหมายความว่าอย่างไร มาจับลูกพี่ลูกน้องข้ามาที่บ้านแล้วยัดข้อหาว่าเป็นโจร มันจะรังแกกันมากเกินไป พรุ่งนี้ข้าต้องคุยกับท่านให้รู้เรื่อง” กล่าวจบก็พาคนกลับค่ายไปดูอาการซ่งเจียง
ผู้กำกับหลิวเห็นฮวาหยงกลับไปแล้วก็รีบไปคัดเลือกทหารได้สองร้อยนาย สั่งให้มาชิงตัวคนกลับจากค่ายฮวาหยง ในสองร้อยคนนั้นมีผู้เพิ่งมาอยู่ใหม่สองคน ครูฝึกที่เป็นหัวหน้านำมานั้นเป็นคนมีฝีมือแต่รู้ตัวว่าสู้ฮวาหยงไม่ได้ ทว่าจำต้องมาด้วยไม่กล้าขัดคำสั่ง ฟ้ายังมืดอยู่ก็มาถึงค่ายฮวาหยง แต่ไม่มีใครกล้าเข้า ยืนออกันหน้าประตูจนฟ้าแจ้ง ประตูค่ายฮวาหยงนั้นไม่ได้ปิด มองเข้าไปก็เห็นฮวาหยงนั่งอยู่ในห้องโถง มือซ้ายถือคันธนู มือขวาคลึงลูกศรอยู่
ฮวาหยงตั้งคันศรขึ้น ตวาดมาว่า “พวกเจ้าเป็นทหาร คงรู้ว่า กล่าวหาต้องมีมูล หนี้ต้องมีเจ้าของ 冤各有头,债各有主 หลิวเกาใช้เจ้ามา ก็รีบเข้ามา
ในหมู่พวกเจ้ามีคนเพิ่งมาอยู่ใหม่สองคน ยังไม่เห็นฝีมือผู้กำกับฮวา วันนี้ข้าจะให้ชมฝีมือเกาทัณฑ์ผู้กำกับฮวาเสียก่อน จากนั้นใครอยากเสนอหน้าแทนหลิวเกา หากไม่กลัวก็เข้ามา
ข้าจะยิงหัวกระบองของทวารบาลด้านซ้าย”
ฮวาหยงนำลูกธนูขึ้นพาดสาย น้าวคันธนูยิงแล้วตะโกนว่า “โดน” ลูกธนูพุ่งตรงไปปักบนหัวกระบอง คนที่เห็นต่างพากันอึ้ง
ฮวาหยงพาดลูกธนูดอกที่สองขึ้นสาย ตะโกนบอกว่า “พวกเจ้ามาดูดอกที่สอง ข้าจะยิงพู่สีแดงบนหมวกทวารบาลด้านขวา” ลูกธนูพุ่งปักบนพู่แดงอย่างแม่นยำ
ฮวาหยงพาดลูกธนูดอกที่สามขึ้นสาย ตะโกนบอกว่า “พวกเจ้าคอยดูดอกที่สาม ข้าจะยิงทะลุอกครูฝึกที่สวมชุดขาว”
คนผู้นั้นร้องว่า “ไอ้หยา” แล้วหันหลังวิ่งหนี คนที่เหลือพากันหนีตามจนหมด
ฮวาหยงสั่งให้ปิดประตูค่ายแล้วเข้ามาดูซ่งเจียงยังโถงด้านหลัง กล่าวว่า “ผู้น้องพลาดไปทำให้พี่ท่านต้องลำบาก”
ซ่งเจียงว่า “ข้าไม่เป็นไร กลัวแต่ว่าหลิวเกาจะไม่ยอมหยุดเพียงแค่นี้ พวกเราต้องวางแผนรับมือไว้ก่อน”
ฮวาหยงว่า “ผู้น้องจะทิ้งตำแหน่งนี้ แล้วจัดการไอ้หมอนั่น”
ซ่งเจียงว่า “ไม่คิดว่าหญิงผู้นั้นจะแทนคุณด้วยแค้น ให้สามีนางมาโบยข้า เดิมข้าก็คิดจะบอกชื่อจริงแต่กลัวจะไปฟื้นเรื่องหยันผอซี จึงบอกไปว่าเป็นคนวิ่นเฉิงชื่อจางซาน เจ้าหลิวเกาก็กลับมายัดข้อหาข้าเป็นไอ้เสือวิ่นเฉิงจางซาน จะจับใส่รถนักโทษส่งเข้าเมืองไปรับโทษฐานเป็นโจรเขาชิงเฟิง ประหารเสีย หากไม่ได้น้องเราช่วยไว้ จะปากกล้าแค่ไหนก็แก้ตัวไม่ได้”
ฮวาหยงว่า “ผู้น้องคิดเอาว่า คนร่ำเรียนตำราคงนับญาติคนแซ่เดียวกัน จึงเขียนเรียกไปว่า หลิวจ้าง ไม่คิดว่ามันกลับไร้น้ำใจ ตอนนี้ช่วยกลับมาได้แล้ว ข้าจะไปเล่นงานมัน”
ซ่งเจียงว่า “น้องเราผิดแล้ว แม้ท่านจะเก่งกล้า พาคนออกมาได้ ก็ยังต้องตรองให้จงดี โบราณว่า กินข้าวระวังสำลัก ย้ายยักระวังหกล้ม 吃饭防噎,行路防跌 พอท่านชิงคนมาอย่างเปิดเผย เขาก็รีบส่งคนมาชิงคืนแต่ถูกท่านตะเพิดกลับไปหมดก่อน เขาคงไม่หยุดแค่นี้ คงต้องทำเรื่องฟ้องร้องท่าน ให้ดีข้าควรหลบขึ้นเขาชิงเฟิงเสียเย็นนี้ พรุ่งนี้ท่านจะได้ไร้ข้อพะวักพะวนรับมือได้เต็มที่ เรื่องจะเป็นแค่ว่าฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนขัดแย้งกัน แต่หากข้าถูกจับกลับไปอีก ท่านจะแก้ตัวลำบาก”
ฮวาหยงว่า “ผู้น้องถนัดแต่ใช้กำลัง หาได้มองไกลเช่นพี่ท่าน แต่เกรงว่าพี่ท่านได้รับบาดเจ็บจะเดินเหินไม่สะดวก”
ซ่งเจียงว่า “ไม่เป็นไร เรื่องด่วนมิอาจชักช้า ข้าแค่กะเผลกไปถึงตีนเขาได้ก็พอแล้ว”
วันนั้นซ่งเจียงจึงเอากอเอี๊ยะปิดแผล กินอาหารจนอิ่ม ฝากสัมภาระทั้งหมดไว้กับฮวาหยง ตกเย็นฮวาหยงให้ทหารสองนายส่งออกนอกค่าย จากนั้นซ่งเจียงก็กะเผลกขึ้นเขาต่อไปเอง
ตอนก่อนหน้า : หลีกว่างน้อย
ตอนถัดไป : ควบสามเขา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา