21 เม.ย. 2024 เวลา 23:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รายได้ที่แท้จริงของบริษัทประกันภัยไม่ใช่การขายประกัน แต่เป็นการลงทุน

ทำไมรายได้ที่แท้จริงของบริษัทประกันภัยไม่ได้มาจากการขายประกัน แต่มาจากการลงทุน?
ประโยคข้างต้นนี้ อาจฟังดูขัดกับความเชื่อที่หลายคนมีต่อธุรกิจประกันภัย นักลงทุนหลายคนอาจคิดว่า รายได้หลักของบริษัทประกันภัยมาจากเบี้ยประกันภัยที่เก็บได้จากลูกค้า
แต่จริงๆแล้วการที่จะประเมินความสามารถและแนวโน้มที่ดีของบริษัทประกันภัย นั้นจะไม่ได้ดูแค่ว่า พวกเขาสามารถเก็บเบี้ยประกันภัยได้เท่าไหร่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องประเมินไปถึงการบริหารสินทรัพย์ของบริษัทด้วย
ก่อนอื่นเลยเราลองมาทำความเข้าใจรายได้ของธุรกิจประเภทนี้กัน
ผลิตภัณฑ์และบริการหลักของบริษัทประกันภัย ก็คือ กรมธรรม์ประกันภัย
ดังนั้นนักลงทุนมือใหม่หลายๆคน จึงคิดว่ารายได้อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นจากการขายกรมธรรม์ประกันภัย ก็คือ รายได้หลักของธุรกิจประเภทนี้ ซึ่งรายได้จากเบี้ยประกันภัยก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น
เบี้ยประกันภัย ก็คือ การชำระเงินโดยผู้ถือกรมธรรม์เพื่อแลกกับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย โดยรายได้เบี้ยประกันภัยจะถูกเก็บรวบรวมเป็นระยะ (รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี)
อย่างไรก็ดี แม้เบี้ยประกันภัยจะเป็นรายได้ที่เกิดจากผลิตภัณฑ์และบริการหลักของบริษัทประกันภัยอย่างกรมธรรม์ประกันภัยก็ตาม
แต่เบี้ยประกันภัย "บางส่วน" ที่ได้รับนั้นจะไม่สามารถรับรู้เป็นรายได้ได้ในทันที และยังไม่ถือว่าเป็นรายได้ของบริษัทตามหลักการทางบัญชี
โดยตามหลักการบัญชีประกันภัยกำหนดให้บริษัทประกันภัยบันทึกรายได้ เมื่อได้ "รับรู้" รายได้นั้นแล้ว ซึ่งการรับรู้รายได้นั้นหมายถึง บริษัทได้ปฏิบัติหน้าที่ตามข้อตกลงหรือสัญญาประกันภัยให้เสร็จสิ้นแล้ว
หมายความว่า บริษัทประกันภัยจะสามารถรับรู้รายได้จากเบี้ยประกันภัยได้ก็ต่อเมื่อระยะเวลาคุ้มครองตามกรมธรรม์สิ้นสุดลง หรือได้ทำตามข้อตกลงในกรมธรรม์แล้วนั่นเอง
กล่าวคือ ต่อให้บริษัทประกันภัยได้รับเบี้ยประกันภัยจากลูกค้า แต่กรมธรรม์ของลูกค้ายังไม่สิ้นสุดลง หรือยังไม่ได้ทำตามข้อตกลงในกรมธรรม์ เบี้ยประกันภัยที่ได้รับเหล่านั้นจะยังไม่นับเป็นรายได้จริงๆของบริษัท
แต่จะถือเป็น "รายได้ล่วงหน้า" ซึ่งต้องบันทึกในงบดุลของบริษัทว่าเป็น "เบี้ยประกันภัยค้างรับ" ไว้ก่อนจนกว่าระยะเวลาความคุ้มครองจะสิ้นสุดลง หรือได้ทำตามข้อตกลงในกรมธรรม์แล้วนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการขายกรมธรรม์ประกันภัยและได้รับเบี้ยประกันภัยจะเป็นส่วนสำคัญของรายได้ของบริษัทประกันภัย
แต่การที่ไม่สามารถรับรู้ว่าเป็นรายได้ได้ทั้งหมด เราจึงไม่อาจนับว่าเบี้ยประกันภัยเป็นรายได้ที่แท้จริงของบริษัทประกันภัยได้ซะทีเดียว
แล้วรายได้ที่แท้จริงของบริษัทประกันภัยนั่นมาจากอะไรกัน?
ในการทำความเข้าใจความสามารถและแนวโน้มรายได้ที่ดีของบริษัทประกันภัย นั้นนักลงทุนจำเป็นต้องประเมินรายได้ในอีกภาคส่วนหนึ่งของธุรกิจประเภทนี้
ซึ่งนั่นก็คือ รายได้ที่มาจากการลงทุนของบริษัทประกันภัยนั่นเอง
บริษัทประกันภัยที่ดีจะต้องมีการบริหารจัดการเงินทุนและจัดสรรเบี้ยประกันภัยที่ได้รับอย่างรอบคอบ เพื่อความมั่นคงทางการเงินและการเติบโตอย่างแท้จริงของบริษัทในอนาคต
ลองนึกภาพ บริษัทประกันภัย A สามารถการขายกรมธรรม์ประกันภัยและได้รับเบี้ยประกันภัยจากลูกค้าของตนได้จำนวน 100 ล้านบาท
หากบริษัทประกันภัย A เลือกที่จะถือเงินจำนวน 100 ล้านบาท เป็นเงินสดหรือฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ เบี้ยประกันภัยเหล่านั้นจะตกอยู่ในความเสี่ยงจากเงินเฟ้อเมื่อเวลาผ่านไป
เพราะอย่างไรเสีย เงินที่ได้จากการขายกรมธรรม์ประกันภัยและเบี้ยประกันภัยเหล่านั้น ก็ต้องคืนให้กับลูกค้าหรือเจ้าของกรมธรรม์ เมื่อระยะเวลาความคุ้มครองของกรมธรรม์สิ้นสุดลง
ดังนั้นระหว่างทางก่อนที่จะหมดอายุกรมธรรม์ของลูกค้า บริษัทประกันภัย A จำเป็นต้องมีการแปลงเงินจำนวน 100 ล้านบาท เป็นอย่างอื่นหรือลงทุนในสินทรัพย์เพื่อเก็บรักษามูลค่าของเงินหรือใช้เพื่อสร้างรายได้และผลประโยชน์ให้แก่บริษัทให้ได้มากที่สุด
โดยสินทรัพย์ที่จะลงทุนเหล่านั้นต้องเป็นสินทรัพย์ที่มีสถาพคล่องที่สูงด้วยเช่นกันเพื่อให้ง่ายต่อการแปลงเป็นเงินสด เมื่อสินทรัพย์เหล่านั้นเผชิญกับความเสี่ยง
ซึ่งปกติแล้ว การลงทุนที่บริษัทประกันภัยมักจะเลือกลงทุน ได้แก่ เงินฝากระยะยาวดอกเบี้ยสูง, พันธบัตรรัฐบาล, กองทุนพันธบัตร, หุ้น, หุ้นกู้ของบริษัทขนาดใหญ่ และรายการเทียบเท่าเงินสดที่มีปันผลอื่นๆ
รายได้จากการลงทุนเหล่านี้ถือเป็นอีกส่วนสำคัญของรายได้รวมของบริษัทประกันภัย และสามารถนับเป็นรายได้ที่แท้จริงของบริษัทได้
เนื่องจากรายได้หรือกำไรที่ได้มาในรูปแบบส่วนต่างของราคาหรือปันผล นั้นสามารถรับรู้เป็นรายได้ได้ในทันทีนั่นเอง
โดยสรุปแล้ว แม้ว่ารายได้จากการขายกรมธรรม์ประกันภัยและเบี้ยประกันภัย จะถือเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจประกันภัย
แต่ในขณะเดียวกันบริษัทประกันภัยเองก็จำเป็นต้องมีรายได้จากการลงทุนเชิงกลยุทธ์อย่างอื่นด้วย เนื่องจากรายได้ที่มาจากการขายกรมธรรม์ประกันภัยและเบี้ยประกันภัยไม่สามารถรับรู้เป็นรายได้จริงๆได้โดยทันที
ดังนั้นความสามารถในการจัดสรรเงินทุนและเบี้ยประกันภัยอย่างรอบคอบ และสร้างผลตอบแทนผ่านพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย
จึงถือเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพทางการเงินและความสามารถในการฟื้นตัวรวมถึงการเติบโตที่ดีของบริษัทประกันภัย
ด้วยเหตุนี้ การทำความเข้าใจกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทประกันภัยที่นักลงทุนสนใจจึงเป็นสิ่งจำเป็นและพึ่งกระทำอย่างมาก เมื่อตัดสินใจที่จะลงทุนในธุรกิจประกันภัยนั่นเอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา