1 มี.ค. เวลา 14:51 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 85

เนรเทศเจียงโจว (8) ขาวคะนองคลื่น
ทั้งสามนั่งดื่มสุราบนศาลาผีผา หลี่ขุยว่า “เอาชามใหญ่มาใส่เหล้า รำคาญจอกเล็กไม่จุใจ”
ไต้จงดุว่า “น้องเรา บ้านนอกแท้ ไม่ส่งเสียงดัง ดื่มเฉยๆ พอ”
ซ่งเจียงจึงกำชับบริกรว่า “ข้าสองคนใช้จอกสองใบ เฉพาะพี่ท่านนี้เอาชามใหญ่วางไว้ข้างหน้า”
หลี่ขุยหัวเราะแล้วว่า “สมกับเป็นพี่ซ่งเจียง คนเขาลือกันไม่ผิด รู้ใจน้อง กราบนับถือเป็นพี่ไม่เสียเปล่าจริงๆ”
บริกรรินเหล้าให้ติดๆ กันถึงเจ็ดรอบ
ซ่งเจียงพอใจมากที่ได้มารู้จักคนทั้งสองนี้ พลันซ่งเจียงก็นึกอยากกินต้มยำปลาขึ้นมา (鱼辣汤 น้ำแกงปลาน้ำใสรสเผ็ด หรือ แกงเผ็ดปลา) จึงถามไต้จงว่า “ที่นี่มีปลาสดไหม”
ไต้จงหัวเราะว่า “พี่ท่าน ไม่เห็นเรือประมงเต็มลำน้ำหรอกหรือ ที่นี่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ทำไมจะไม่มีปลาสด”
ซ่งเจียงว่า “ได้ต้มยำปลามาแกล้มเหล้าจะดีมาก”
ไต้จงจึงเรียกบริกรมาสั่งต้มยำปลาไปสามที่ ไม่นานนักบริกรก็นำมาให้
ซ่งเจียงว่า “อาหารอร่อยไม่เท่ากับจานชามงาม จัดใส่จานชามมาเรียบร้อยดูดีมาก” แล้วก็หยิบตะเกียบชวนให้ไต้จงและหลี่ขุยชิมปลา
หลี่ขุยไม่สนใจใช้ตะเกียบ เอามืองมปลาจากชามมาเคี้ยวกินทั้งก้าง ซ่งเจียงเห็นแล้วอดหัวเราะไม่ได้ แล้วก็ซดน้ำแกงส่วนของตนเองเข้าไปสองคำ จากนั้นก็วางตะเกียบลงไม่กินต่อ
ไต้จงว่า “พี่ท่าน คงเป็นเพราะปลามันคาว ไม่ถูกปากพี่ท่าน”
ซ่งเจียงว่า “ดื่มเหล้าแล้ว นึกอยากซดน้ำแกงปลาสด แต่ปลานี่ไม่ไหว”
ไต้จงว่า “ผู้น้องก็เช่นกัน มันเหม็นคาวไม่น่ากิน”
หลี่ขุยกินปลาส่วนของตัวเองหมดแล้วว่า “พี่ทั้งสองไม่กิน ข้ากินเอง” แล้วก็เอามืองมปลาในถ้วยซ่งเจียงไปเคี้ยวกินทั้งก้าง แล้วมางมของไต้จงไปกินต่อ จนน้ำแกงไหลเลอะเต็มโต๊ะ
ซ่งเจียงเห็นหลี่ขุยเคี้ยวปลากินทั้งก้างหมดไปทั้งสามชามจึงเรียกบริกรมาว่า “พี่ท่านนี้ดูท่าจะหิว ท่านไปจัดเนื้อมาให้เขาสองชั่ง เดี๋ยวข้าจ่ายเงินให้”
บริกรบอกว่า “ที่ร้านผู้น้อยนี้ขายแต่เนื้อแพะ ไม่มีเนื้อวัว หากจะรับเนื้อแพะก็จะจัดมาให้”
หลี่ขุยได้ยินก็เอาน้ำแกงปลาสาดใส่บริกรจนเปียก
ไต้จงตวาดใส่หลี่ขุยว่า “เจ้าทำอะไรนี่”
หลี่ขุยว่า “ไอ้หมอนี่ไม่มีมารยาท หาว่าข้ากินเป็นแต่เนื้อวัว ไม่ขายเนื้อแพะให้”
บริกรว่า “ผู้น้อยแค่ถาม ไม่ได้ว่าอะไร”
ซ่งเจียงว่า “ท่านไปจัดมา เดี๋ยวข้าจ่ายให้”
บริกรจำต้องข่มโทสะ ไปหั่นเนื้อแพะใส่จานมาให้สองชั่ง พอมาถึง หลี่ขุยก็ไม่ถามใคร เอามือหยิบขึ้นมากินเอาๆ จนหมดสองชั่ง
ซ่งเจียงเห็นแล้วกล่าวว่า “มาดสมชายชาตรีจริง” ไม่รู้ว่าชมหรือประชด
หลี่ขุยว่า “พี่ซ่งรู้ใจข้า แต่ข้ากินเนื้อไม่เก่งเหมือนกินปลา”
ไต้จงเรียกบริกรมาถามว่า “น้ำแกงปลาเมื่อตะกี้ ดูดีอยู่นะ แต่ปลามันคาว ไม่น่ากิน ไม่มีปลาสดกว่านี้แล้วหรือ ทำต้มยำมาให้แขกของข้าท่านนี้แกล้มเหล้า”
บริกรว่า “เรียนท่านย่วนจ่างตามตรง ปลาที่ยกมาเป็นของเมื่อคืน ปลาเป็นวันนี้ยังอยู่ในเรือ รอเจ้าของปลายังไม่มา ขายไม่ได้ จึงไม่มีปลาสด”
1
หลี่ขุยโดดลุกขึ้นว่า “ข้าไปหาปลาเป็นมาสองตัวให้พี่กิน”
ไต้จงว่า “ไม่ต้องไป เดี๋ยววานคนที่ร้านไปหาเอาก็ได้”
หลี่ขุยว่า “พวกหาปลา ไม่กล้าไม่ให้ข้าหรอก” ไม่รอไต้จงห้าม หลี่ขุยแว่บไปทันที
ไต้จงหันมาบอกซ่งเจียงว่า “ขออภัยพี่ท่านที่ผู้น้องพาคนแบบนี้มาให้รู้จัก ไม่ไว้หน้าใครเลย น่าขายหน้านัก”
ซ่งเจียงว่า “นิสัยเขาเป็นอย่างนี้ จะให้แก้อย่างไร แต่ข้าก็นับถือว่าเขาเป็นคนจริงใจไม่เสแสร้ง”
ทางด้านหลี่ขุยมาถึงริมแม่น้ำเห็นเรือประมงจอดเรียงแถวอยู่ราวเก้าสิบลำ แต่ละลำผูกเรือไว้ตามใต้ต้นหยาง ชาวประมงบนเรือบ้างก็เอนหลับอยู่ บ้างก็นั่งถักอวนอยู่หัวเรือ และบ้างก็อาบน้ำอยู่ในลำน้ำ ขณะนี้เป็นช่วงกลางเดือนห้า ตะวันแดงคล้อยไปทางขอบฟ้าตะวันตกแล้วก็ยังไม่เห็นเจ้าของแพจะมาเปิดขายปลา
หลี่ขุยเดินไปข้างเรือลำหนึ่งตวาดเสียงดังว่า “พวกเจ้าบนเรือ เอาปลาเป็นมาให้ข้าสองตัว”
ชาวประมงว่า “พวกเรารอเจ้าของแพปลาอยู่ยังไม่เห็นมา ไม่กล้าเปิดท้องเรือหรอก ดูพวกแผงขายบนฝั่งนั่นสิ นั่งสลอนอยู่”
หลี่ขุยว่า “รอเจ้าของนกเขาไร เอาปลามาให้ข้าก่อนสองตัว”
ชาวประมงว่า “กระดาษยังไม่ได้เผาเลย ใครกล้าเปิดท้องเรือเอาปลาให้ท่าน”
2
หลี่ขุยเห็นพวกชาวประมงไม่ยอมแน่แล้ว จึงโดดขึ้นบนเรือลำหนึ่งไม่ฟังเสียงห้าม หลี่ขุยไม่รู้วิถีชาวเรือ ถอนเฝือกไม้ไผ่ขึ้นมา พวกชาวประมงบนฝั่งร้องว่า “หมดกัน” หลี่ขุยเอามือล้วงไปคลำหาใต้พื้นกระดานเรือแต่ไม่เจอปลาสักตัว
เรือประมงในแม่น้ำนั้น ท้องเรือครึ่งท้ายเรือจะเปิดช่องไว้ให้น้ำเข้า แล้วใช้เฝือกไม้ไผ่กั้นไว้ น้ำจะไหลเข้าออกได้เลี้ยงปลาไว้ใต้ท้องเรือเป็นๆ ทำให้ปลาเจียงโจวสดเสมอ พอหลี่ขุยถอนเฝือกออก ปลาก็ว่ายน้ำหนีหมด
หลี่ขุยไม่เจอปลาก็โดดข้ามไปถอนเฝือกเรืออีกลำ พวกชาวประมงราวแปดสิบคนต่างไปคว้าถ่อไม้ไผ่ที่เรือแล้วจะเข้ามารุมตีหลี่ขุย หลี่ขุยโกรธจัดถอดเสื้อผ้าออกเหลือไว้แต่ผ้าเตี่ยวผืนเดียว พอถ่อไม้ไผ่รุมตีเข้ามา หลี่ขุยก็ยกสองแขนขึ้นกั้นแล้วรวบเอาถ่อไม้ไผ่มาได้หกอัน ออกแรงบิดจนถ่อหักสะบั้น พวกชาวเรือต่างตกใจหนีไปแก้เชือกล่ามเรือแล้วแล่นเรือหนี หลี่ขุยโมโหคว้าถ่อหักสองท่อนโดดขึ้นฝั่งทั้งล่อนจ้อนจะตรงไปไล่ทุบพวกแผงขายปลา ซึ่งพากันหาบของหนีกันจ้าละหวั่น
กำลังชุลมุนอยู่นั้น มีชายผู้หนึ่งเดินมาตามทางน้อย พอมีคนเห็นก็ตะโกนว่า “เจ้านายมาแล้ว ไอ้คนตัวดำนั่นมาแย่งปลา ไล่เรือประมงหนีไปหมด”
ชายผู้นั้นว่า “ไอ้คนตัวดำที่ไหน บังอาจนัก”
คนชี้ให้ดูว่า “หมอนั่นอยู่บนฝั่งนั่น กำลังไล่ตีคนอยู่”
ชายผู้นั้นรีบวิ่งมา ตวาดลั่นว่า “เอ็งกินหัวใจหมีดีเสือมาหรือไร กล้ามาก่อกวนการค้าพ่อ”
หลี่ขุยหันมาเห็นเป็นชายฉกรรจ์สูงราวหกฉื่อครึ่ง อายุราวสามสิบสาม ถือตาชั่งมาด้วย ชายผู้นั้นฝากตาชั่งกับพวกชาวแผงแล้วรีบขึ้นหน้ามาหาหลี่ขุย ตวาดว่า “เอ็งจะตีใคร”
หลี่ขุยไม่ตอบ ควงท่อนถ่อหักเข้ามาฟาดใส่ ชายผู้นั้นถลันเข้ามาชิงเอาถ่อหักไปได้ หลี่ขุยเอามือคว้ามวยผมเขาเอาไว้ ชายผู้นั้นโจมตีช่วงล่างหลี่ขุย 下三面 (ต้นขา หน้าแข้ง เท้า) กะจะให้ล้ม แต่สู้แรงควายของหลี่ขุยไม่ได้ถูกผลักออกมาไม่อาจเข้าใกล้ จึงเปลี่ยนเข้าชกชายโครง แต่หลี่ขุยไม่สะเทือน จึงโดดเตะใส่ หลี่ขุยจับตัวไว้ได้ กดหัวลงกับพื้นแล้วใช้กำปั้นค้อนทั่งกระหน่ำใส่หลังไปหลายที
กำลังรัวชกอยู่นั้น มีคนโอบเอวจากด้านหลัง อีกคนยุดมือไว้พร้อมเสียงตวาดว่า “ไม่ได้ ไม่ได้”
หลี่ขุยหันกลับมาดู เห็นเป็นซ่งเจียงและไต้จง จึงยอมปล่อยมือ ชายผู้นั้นรีบหนีหายไปราวหมอกควัน
ไต้จงตำหนิหลี่ขุยว่า “ข้าให้เจ้ามาหาปลา เจ้ากลับมาต่อยตี นี่ถ้าชกคนตาย มิต้องไปติดคุกใช้หนี้ชั่วชีวิต”
หลี่ขุยว่า “ท่านไม่ต้องกลัวข้าทำให้เดือดร้อน ข้าตีคนตายเอง ไปรับเอง”
ซ่งเจียงว่า “น้องเรา อย่าเอาแต่ต่อล้อต่อเถียง ใส่เสื้อผ้าเสีย แล้วไปดื่มกัน”
หลี่ขุยเก็บเสื้อจากโคนต้นหลิ่วเอามาพันคาดเอวไว้แล้วเดินตามซ่งเจียงไต้จงมา พลันมีเสียงคนตะโกนด่าอยู่ด้านหลัง “ไอ้ดำ เอ็งกับข้ามาสู้กันให้รู้แพ้ชนะ”
หลี่ขุยหันมาเห็นชายคนเมื่อครู่ถอดเสื้อผ้า และผ้าโพกหัวออกเห็นตัวขาวเผือกเหมือนหิมะ ใช้ถ่อไม้ไผ่ถ่อเรือเข้ามาโดยลำพังอยู่ริมน้ำ
“ข้าจะสับไอ้ดำเป็นพันท่อน ถ้าพ่อกลัว ก็ไม่ใช่ชายชาตรี ถ้าหนี ก็ไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
1
หลี่ขุยโกรธ ส่งเสียงคำราม แก้เสื้อที่พันไว้ทิ้ง หมุนตัวกลับ ชายผู้นั้นถ่อเรือเข้ามาเกยตลิ่ง แล้วเอาถ่อกดให้เรือนิ่ง แล้วตะโกนด่ามาเป็นชุด
หลี่ขุยด่าสวนไป “แน่จริงก็ขึ้นฝั่งมา”
ชายผู้นั้นเอาถ่อหวดน่องของหลี่ขุย โหมให้ไฟหลี่ขุยปะทุ กระโดดขึ้นมาบนเรือ ชายผู้นั้นล่อหลี่ขุยขึ้นเรือสำเร็จใช้ถ่อกระทุ้งตลิ่ง สองเท้ากระทืบพื้น เรือเหมือนใบไม้กลางพายุพุ่งออกไปกลางน้ำ
หลี่ขุยแม้จะพอว่ายน้ำเป็นแต่ไม่เก่ง เริ่มตระหนก ชายผู้นั้นทิ้งถ่อ ตะโกนว่า “มาสู้กันให้รู้แพ้ชนะ” แล้วคว้าไถ้คาดเอว 搭膞 (ตาป๋อ) ของหลี่ขุยไว้มั่นว่า “ก่อนจะอัดเจ้า ให้ชิมน้ำดูก่อน” แล้วใช้สองเท้าโคลงเรือจนพลิก สองคู่ต่อสู้หล่นโครมลงกลางลำน้ำ
2
ซ่งเจียง ไต้จง วิ่งมาดูอยู่ริมตลิ่งคิดเอาว่าแย่แล้ว มีจีนมุงอีกหลายร้อยคนพากันมาดูด้วย ชายผิวขาวชูหลี่ขุยขึ้นมา แล้วกลับจับกดลงน้ำอีก หนึ่งขาวหนึ่งดำฟัดกันกลมอยู่ในน้ำ
一个是沂水县成精异物,一个是小孤山作怪妖魔。
这个是酥团结就肌肤,那个如炭屑凑成皮肉。
一个是马灵官白蛇托化,一个是赵元帅黑虎投胎。
这个似万万锤打就银人,那个如千千火炼成铁汉。
一个是五台山银牙白象,一个是九曲河铁甲老龙。
这个如布漆罗汉显神通,那个似玉碾金刚施勇猛。
一个盘旋良久,汗流遍体迸真珠;
一个揪扯多时,水浸浑身倾墨汁。
那个学华光教主,向碧波深处显形骸;
这个像黑煞天神,在雪浪堆中呈面目。
正是玉龙搅暗天边日,黑鬼掀开水底天。
หนึ่งจากหยีสุ่ยเสี้ยนภูตพิสดาร
หนึ่งจากเสี่ยวหูซานมารประหลาด
นี่ผิวเนื้อหลอมจากเกล็ดมัจฉาชาติ
นั่นหนังเนื้อกวาดสร้างจากถ่านเถ้า
หนึ่งงูขาวหม่าหลิงกวนถือกำเนิด
หนึ่งเกิดจากเสือดำขุนพลเจ้า
นี่ใช้เนื้อเงินแท้หมื่นตีเอา
นั่นใช้เหล็กเผาหลอมนับพันตี
หนึ่งเงินยวงงาช้างเผือกเขาห้ายอด
หนึ่งดำปลอดเกล็ดมังกรเก้าชลวิถี
นี่อรหันต์ลงรักปิดทองดี
นั่นวัชรเทพที่พิมานสักกะ
หนึ่งเฉวียนฉวัดคัดเหงื่อไข่มุกผุด
หนึ่งยื้อยุดกลางชลน้ำหมึกคละ
นี่เทพหัวกวงจำแลงลงสรงสระ
นั่นเทพเฮยส้าคะนองคลื่นหิมะสกาว
มังกรหยกขาวสาวตะวันจากฟ้าค่ำ
ปีศาจดำล้วงแผ่นฟ้าจากมหานที
(华光大帝 เทพหัวกวง เทพแห่งไฟผู้พิทักษ์กฎในลัทธิเต๋า ชื่อเต็มว่า 五显灵官大帝华光天王 จึงตัดเรียก 五显灵 (อู่เสี่ยนหลิง)บ้าง 灵官 (หลิงกวน)บ้าง 华光 (หัวกวง)บ้าง ล้วนหมายถึงเทพองค์เดียวกัน ขี่ล้อลมไฟ มีหกกร เคยกล่าวถึงตอน ชาวเรือจางเหิง ร้องเพลงขู่ซ่งเจียง
2
ขุนพลเจ้า 赵元帅 เทพเงินทองฝ่ายทหาร 武财神爷 ขี่เสือเป็นพาหนะ
นิลเทพ 黑煞神 เทพเฮยส้า ปฐมฮ่องเต้ราชวงศ์ซ่งบูชาเป็นเทพประจำตระกูลเจ้า)
ซ่งเจียงไต้จงเห็นหลี่ขุยถูกชายผู้นั้นจับตัวไว้มั่นกดน้ำจนตาเหลือก แล้วชูขึ้นเหนือน้ำก่อนจับกดน้ำใหม่สลับกันอยู่สิบกว่าเที่ยว
舟行陆地力能为,拳到江心无可施。
真是黑风吹白浪,铁牛儿作水牛儿。
นาวามีพลังไหมใชับนบก
กำปั้นชกกลางน้ำไหวไหมนี่
พายุดำพัดซัดคลื่นขาวคะนองตี
ควายเหล็กจมวารีเป็นควายน้ำ
ตอนก่อนหน้า : พายุหมุนดำ
ตอนถัดไป : บทกวีบนหอสวินหยาง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา