28 ก.พ. เวลา 13:06 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 84

เนรเทศเจียงโจว (7) พายุหมุนดำ
ระหว่างนั่งดื่ม ซ่งเจียงถามหลี่ขุยว่า “เมื่อครู่ท่านพี่ใหญ่อยู่ชั้นล่างโมโหเรื่องอะไรหรือ”
หลี่ขุยว่า “ข้ามีเงินแท่งใหญ่อยู่แท่งหนึ่ง เอาไปแลกเป็นเงินปลีกสิบตำลึงใช้หมดไปแล้ว ทีนี้ข้าจะมาขอยืมเงินสิบตำลึงจากเถ้าแก่ที่นี่ เอาไปไถ่เงินแท่งใหญ่กลับมา ได้แล้วจะมาคืนให้ เถ้าแก่หัวนกเขาไม่ยอมให้ข้ายืม ข้าว่าจะเอาเรื่องมัน พังร้านเสียให้ราบ ก็พอดีพี่ใหญ่ไปเรียกข้ามาก่อน”
ซ่งเจียงว่า “ใช้เงินเพียงสิบตำลึงไปไถ่กลับมา หรือยังต้องมีดอกเบี้ยด้วย”
หลี่ขุยว่า “ดอกเบี้ยข้ามีอยู่นี่ เอาแต่เงินต้นสิบตำลึงไปก็พอ”
ซ่งเจียงจึงควักเงินสิบตำลึงส่งให้หลี่ขุย บอกว่า  “พี่ใหญ่ ท่านเอานี่ไปไถ่มา”
ไต้จงกำลังจะห้ามแต่ไม่ทัน ซ่งเจียงควักเงินออกมาถือไว้แล้ว
หลี่ขุยรับเงินแล้วก็ว่า “ดีละ พี่ชายทั้งสองรอข้าอยู่นี่แหละ ไถ่เงินแท่งแล้วจะมาคืนให้ แล้วจะชวนพี่ซ่งไปดื่มเหล้านอกเมือง”
ซ่งเจียงว่า “นั่งก่อน ดื่มหลายชามหน่อยค่อยไป”
หลี่ขุยว่า “ข้าไปก่อน เดี๋ยวมา” แหวกม่านเดินลงชั้นล่างไป
ไต้จงว่า “พี่ท่านอย่าให้เงินหมอนี่ยืมจะดีกว่า ผู้น้องว่าจะห้ามแล้ว พี่ท่านก็ถือไว้ในมือเสียแล้ว”
ซ่งเจียงว่า “ทำไมเล่า”
ไต้จงว่า “หมอนี่ แม้จะเถรตรง แต่ชอบดื่มเหล้าและเล่นการพนัน แล้วไอ้เงินแท่งที่ว่ามันมีเสียที่ไหนกัน นี่หลอกเงินพี่ท่านได้ก็รีบไปเข้าบ่อนเป็นแน่ ถ้าเล่นได้ก็คงมีมาคืนให้พี่ท่าน ถ้าเล่นเสียจะเอาที่ไหนมาคืน เสียถึงหน้าข้าไต้จงอีก”
ซ่งเจียงหัวเราะว่า “พี่ย่วนจ่างท่านอย่าคิดมาก เงินเพียงเท่านี้ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ หากเขาเล่นเสียก็เสียไป ข้ากลับเห็นว่าคนผู้นี้เป็นคนซื่อตรงนัก”
ไต้จงว่า “หมอนี่มีความสามารถอยู่ แต่เป็นคนหยาบกระด้างอารมณ์ร้าย เวลาอยู่ที่คุกเจียงโจว เมาเมื่อไรไม่สนหน้าไหนเป็นต้องหาเรื่องพวกหัวไม้ในคุก เดือดร้อนถึงข้าอยู่เรื่อย เห็นเรื่องไม่ถูกต้องเป็นต้องไล่ตีพวกอันธพาลจนคนกลัวกันทั้งเจียงโจว”
1
贿赂公行法枉施,罪人多受不平亏。
以强凌弱真堪恨,天使拳头付李逵。
ใช้ตำแหน่งหน้าที่เรียกสินบน
คนรับโทษไม่ชอบธรรมเป็นสาเหตุ
รังแกผู้อ่อนแอน่าทุเรศ
เสร็จกำปั้นทูตสวรรค์ของหลี่ขุย
ซ่งเจียงว่า “พวกเราดื่มกันอีกสักสองจอกแล้วออกไปเที่ยวนอกเมืองกัน”
ไต้จงว่า “ผู้น้องก็ลืมพาพี่ท่านไปชมทิวทัศน์ริมน้ำ”
ซ่งเจียงว่า “ผู้น้อยก็อยากไปชมทิวทัศน์ริมน้ำอยู่”
ทางด้านหลี่ขุย พอได้เงินจากซ่งเจียงก็คิดว่า “พี่ซ่งเจียงนี่ไม่ได้สนิทอะไรกับข้า แต่ให้ยืมมาถึงสิบตำลึง นับว่าใจกว้างมีคุณธรรมสมคำร่ำลือจริง หลายวันนี้ข้าก็ดันเล่นเสียอีก ไม่มีเงินพาพี่ไปเลี้ยง วันนี้มีสิบตำลึงมาทำทุน ถ้าเล่นได้สักหน่อยไม่ต้องกี่ก้วน ยังพอได้พาไปเลี้ยงสักมื้อไม่ขายหน้า”
1
หลี่ขุยรีบวิ่งออกนอกเมืองมายังบ่อนของเสี่ยวจางอี่ 小张乙 พอมาถึงก็โยนเงินสิบตำลึงลงบนพื้นแล้วว่า “เอาเหรียญ 头钱(โถวเฉียน) มาข้าจะแทง”
เสี่ยวจางอี่รู้จักหลี่ขุยขาประจำดี ปกติก็เล่นตรงไปตรงมา จึงว่า “พี่ใหญ่ ตานี้รอก่อน ตาหน้าค่อยแทง”
หลี่ขุยว่า “ข้าจะเล่นก่อน ข้าจะแทงตานี้”
เสี่ยวจางอี่ว่า “ท่านก็ยืนทายข้างๆ ก่อนสิ”
หลี่ขุยว่า “ข้าไม่ยืนทายข้างๆ ข้าจะแทงเลย เดิมพันห้าตำลึง”
ว่าแล้วหลี่ขุยก็ชิงเอาเหรียญโถวเฉียนมาจากคนที่รอเล่นอยู่ แล้วตะโกนว่า “ใครเจ้ามือ”
เสี่ยวจางอี่ว่า “ข้านี่แหละห้าตำลึง”
หลี่ขุยโยนเหรียญโถวเฉียน เหรียญออก “ชา 叉” ถูกกิน เสี่ยวจางอี่จึงเก็บเงินไป
หลี่ขุยจึงว่า “เงินข้ามันสิบตำลึง”
เสี่ยวจางอี่ว่า “ท่านก็แทงอีกห้าตำลึงสิ ถ้าออก “ไคว่ 快” ก็เอาเงินแท่งนี้คืนไป
หลี่ขุยคว้าเหรียญโถวเฉียนโยนออกไปพร้อมตะโกนว่า “ไคว่ 快” แต่กลับออก “ชา 叉” อีก
(หลี่ขุยเล่นพนันโยนเหรียญออกหัวออกก้อย โดยใช้เหรียญหลายเหรียญ เรียก โถวเฉียน 头钱 โยนดูจำนวนที่ออกอันใดมาก ด้านไม่มีตัวหนังสือของเหรียญ (ด้านก้อย) เรียกว่า ไคว่ 快 ส่วนด้านที่มีตัวหนังสือของเหรียญ (ด้านหัว) เรียกว่า ชา 叉
ซือไน่อันเขียนไว้เองในหนังสือว่าออก 快 หรือ 叉 จึงเป็นการแทงหัวก้อย ละครบางฉบับแปลงฉากนี้เป็นการเล่นลูกเต๋าผิดจากในหนังสือต้นฉบับ)
เสี่ยวจางอี่หัวเราะแล้วว่า “ข้าบอกท่านแล้วให้รออีกตา อย่าเพิ่งแย่งโถวเฉียนไปเล่น ท่านไม่ฟัง ออก “ชา 叉” สองครั้งติด”
หลี่ขุยว่า “เงินนี่ไม่ใช่ของข้า”
เสี่ยวจางอี่ว่า “ใครจะไปสนใจ ท่านเล่นเสียแล้วจะมาพูดทำไม”
หลี่ขุยว่า “ไม่ได้ เจ้าเอามาให้ข้ายืมก่อน พรุ่งนี้จะเอามาคืน”
เสี่ยวจางอี่ว่า “พูดจาไร้สาระ แต่ไหนแต่ไรเงินในบ่อนไม่นับพ่อลูก ท่านเล่นเสียชัดๆ ยังจะมาโวยวาย”
หลี่ขุยดึงชายเสื้อมาไว้ด้านหน้า ปากตะคอกว่า “จะคืนข้าหรือไม่คืน”
เสี่ยวจางอี่ว่า “พี่หลี่ ปกติท่านก็เล่นตรงไปตรงมา วันนี้ทำไมจะมาเบี้ยวเสียล่ะ”
หลี่ขุยไม่ตอบ เก็บเงินจากพื้น (ตอนมาหลี่ขุยก็โยนเงินลงพื้น แสดงว่า บ่อนแห่งนี้เล่นกับพื้นไม่มีโต๊ะ) แล้วยังชิงเอาเงินจากนักพนันคนอื่นมาอีกสิบกว่าตำลึงเก็บลงในกระเป๋าเสื้อ ถลึงตาบอกว่า “ปกติพ่อตรง วันนี้จะเบี้ยว”
เสี่ยวจางอี่กับพวกนักพนันสิบกว่าคนจะเข้ารุมแย่งเงินคืน หลี่ขุยหวดซ้ายป่ายขวา ฟาดหน้าฟาดหลัง จนกระเด็นกระดอนไม่มีที่หลบ แล้วก็ออกมายังประตู คนเฝ้าประตูถามว่า “ลูกพี่จะไปไหน” หลี่ขุยผลักไปด้านข้าง ใช้เท้าเตะประตูเปิดแลัวหนีออกมา
พวกนักพนันแห่มาออกันหน้าประตูตะโกนว่า “พี่หลี่ ไม่มีเหตุผล เงินพวกเราก็เอาไปด้วย” แต่ไม่มีใครกล้าตามมาได้แต่ตะโกน
世人无事不嬲帐,直道只用在赌上。
李逵不直亦不妨,又为赌贼作榜样。
อยู่ดีไม่โกงหนี้
จะมีบ้างในโรงบ่อน
ดูหลี่ขุยกันเสียก่อน
เป็นตัวอย่างให้ผีพนัน
หลี่ขุยกำลังเดินอยู่ก็มีคนมาคว้าไหล่จากด้านหลังตวาดใส่ว่า “ไอ้หมอนี่ ทำไมไปชิงทรัพย์ของผู้อื่น”
หลี่ขุยปากว่า “เสือกอะไรด้วย” หันหน้ามาเห็นเป็นไต้จง และที่ตามหลังมาคือซ่งเจียง หน้าสลดเหลือสองนิ้วว่า “ขออภัยพี่ท่าน ควายเหล็กปกติก็ไม่โกง แต่วันนี้ที่เล่นเสียนั่นเป็นเงินของพี่ท่าน ทั้งข้าก็ไม่มีเงินจะเลี้ยงพี่ท่านด้วย เลยหงุดหงิด ไม่เช่นนั้นคงไม่โกงเอาแบบนี้”
1
ซ่งเจียงฟังแล้วหัวเราะว่า “น้องเราจะใช้เงินก็มาหาข้า วันนี้เล่นเสียให้เขาชัดๆ รีบเอาไปคืนเขาเสีย” หลี่ขุยจึงจำต้องล้วงเอาเงินจากกระเป๋าส่งให้ซ่งเจียง
ซ่งเจียงตะโกนเรียกเสี่ยวจางอี่ให้มาหา แล้วส่งเงินให้ เสี่ยวจางอี่รับเงินมาแล้วก็ว่า “นายท่านทั้งสอง ผู้น้อยขอรับเพียงส่วนของตนเอง ส่วนเงินสิบตำลึงนี่ ถึงพี่หลี่จะเล่นเสียแก่ผู้น้อย ผู้น้อยก็เต็มใจไม่รับ จะได้ไม่ต้องมาคุมแค้นกัน”
ซ่งเจียงว่า “ท่านก็รับไปเถิด อย่าได้กังวลมาก” แต่เสี่ยวจางอี่ยังไม่ยอมรับ
ซ่งเจียงถามว่า “เขาทำพวกท่านบาดเจ็บบ้างหรือไม่”
เสี่ยวจางอี่ว่า “พวกเล่นพนัน พวกที่ถูกริบเอาเงิน คนเฝ้าประตูถูกตีล้มอยู่”
ซ่งเจียงว่า “ถ้าเช่นนั้น ก็ใช้เป็นเงินค่าชดเชยพวกเขาเถิด น้องเราคงไม่มาอีก ข้าจะคอยดูเอง”
เสี่ยวจางอี่จึงรับเงิน คารวะขอบคุณแล้วลาไป
ซ่งเจียงว่า “พวกเรากับพี่หลี่ไปหาเหล้าดื่มกันเถิด”
ไต้จงว่า “ริมแม่น้ำข้างหน้านี่คือ ศาลาผีผา (ผีผาถิง) 琵琶亭 เป็นโบราณสถานเกี่ยวเนื่องกับท่านไป๋เล่อเทียนสมัยราชวงศ์ถัง 唐朝白乐天 พวกเราขึ้นไปดื่มกันบนศาลา และชมทิวทัศน์ริมน้ำ”
ซ่งเจียงว่า “เช่นนั้น เราก็ซื้อสุราอาหารจากในเมืองนำออกไป”
ไต้จงว่า “ไม่ต้อง เดี๋ยวนี้บนศาลามีคนขายสุราอาหาร”
ซ่งเจียงว่า “เช่นนั้นก็ดีสิ”
(ศาลาผีผา (ผีผาถิง) 琵琶亭 สร้างตั้งแต่ต้นราชวงศ์ถัง บูรณะสมัยราชวงศ์ชิง ปัจจุบันยังอยู่ มีอนุสาวรีย์ของ ไป๋เล่อเทียน และกำแพงจารึกหนังสือของท่านประธานเหมาเจ๋อตง
มหากวี ไป๋เล่อเทียนในสมัยถังเคยไปรับราชการตำแหน่งซือหม่า 司马 ที่เจียงโจว และมาส่งแขกที่ศาลาแห่งนี้ มีผู้ดีดพิณผีผาในเวลาส่งแขกจึงเป็นที่มาของชื่อศาลาผีผา)
ทั้งสามขึ้นมาบนศาลาผีผา จากศาลามองเห็นด้านหนึ่งเป็นแม่น้ำสวินหยาง 浔阳江 อีกด้านเป็นอาคารอยู่อาศัยของเจ้าของร้าน บนศาลามีที่นั่งสิบกว่าโต๊ะ ไต้จงเลือกที่นั่งในมุมสงบให้ซ่งเจียงนั่งในตำแหน่งประธาน สั่งสุราอาหาร สำหรับสุราคือสุราวี่หูชุน 玉壶春酒 อันเป็นสุราลือชื่อของเจียงโจว ทั้งสามพากันดื่มสุราชมธรรมชาติริมน้ำอันขึ้นชื่อของเจียงโจว
云外遥山耸翠,江边远水翻银。
隐隐沙汀,飞起几行鸥鹭;
悠悠小蒲,撑回数只渔舟。
翻翻雪浪拍长空,拂拂凉风吹水面。
紫霄峰上接穹苍,琵琶亭半临江岸。
四围空阔,八面玲珑。
栏干影浸玻璃,窗外光浮玉璧。
昔日乐天声价重,当年司马泪痕多。
โพ้นเมฆาภูผาเขียวตั้งตระหง่าน
แลลิบลิ่วธารเงินยวงระรี่ไหล
แถวกระสาถลาทรายเหินฟ้าไกล
เรือน้อยใหญ่ลอยกลางกกธูปฤาษี
ระลอกหิมะม้วนตลบฟ้ากว้างใหญ่
ระลอกลมเย็นไล่ผิววารี
แดนฟ้าต่อผีผาถิงตลิ่งขี่
รอบทิศมีความวิจิตรอันเวิ้งว้าง
เงารั้วศาลาคาน้ำใสดังกระจก
กำแพงหยกฉายภาพหลอกนอกหน้าต่าง
วันก่อนเก่าเล่อเทียนชื่อระบือกว้าง
ปีห่างร้างซือหม่าน้ำตาพราก
ตอนก่อนหน้า : จอมเวทเทพเดินหน
ตอนถัดไป : ขาวคะนองคลื่น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา