26 ก.พ. เวลา 12:27 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 83

เนรเทศเจียงโจว (6) จอมเวทเทพเดินหน
ซ่งเจียงกับสองผู้คุมโดยสารเรือมาถึงเจียงโจว ก่อนขึ้นจากเรือ ซ่งเจียงก็เอาคาใส่กลับไว้ที่คอ สองผู้คุมจึงพาซ่งเจียงไปส่งมอบตัวยังที่ว่าการ
เจ้าเมืองเจียงโจวแซ่ไฉ้ 蔡 ชื่อเต๋อจาง 得章 เป็นบุตรคนที่เก้าของราชครูไฉ้แห่งตงจิง จึงเรียกกันว่า ท่านเจ้าเมืองไฉ้จิ่ว 蔡九知府 เป็นคนละโมบและโอหัง เมืองเจียงโจวเป็นอู่ข้าวอู่น้ำอุดมสมบูรณ์ การค้ารุ่งเรืองมั่งคั่ง ราชครูจึงให้บุตรของตนมาเป็นเจ้าเมือง
วันที่ซ่งเจียงถูกคุมตัวมาส่งยังที่ว่าการนั้น เจ้าเมืองไฉ้จิ่วสังเกตเห็นว่าตราผนึกบนคาหายไปจึงถามว่าทำไมไม่มีตราผนึก สองผู้คุมอ้างว่าเดินทางมาไกลเจอฟ้าฝนเปียกยุ่ยหายไป เจ้าเมืองจึงให้สองผู้คุมพร้อมกับเจ้าหน้าที่นายหนึ่งของจวนคุมตัวไปส่งยังแดนจำ
ซ่งเจียงก็เริ่มวาดลวดลายฝนยามแล้งแจกเงินให้เจ้าหน้าที่วานให้ช่วยพูดกับผู้คุมที่แดนจำให้จัดหาห้องเดี่ยวให้ตน พอผู้คุมจัดห้องเดี่ยวให้ ก็ฝากเงินผู้คุมไปมอบให้ผู้กำกับแดน พอผู้กำกับแดนเรียกตัวไปก็ให้งดโทษโบยรับตัวหนึ่งร้อยทีเสียและให้ซ่งเจียงทำงานคัดหนังสือซึ่งเป็นงานเบา กับเพื่อนนักโทษซ่งเจียงก็ซื้อสุราอาหารเลี้ยงดู จนเป็นที่รู้จักไปทั้งแดนจำ ใครๆ ต่างก็ชอบพอซ่งเจียง ทั้งนี้ก็เพราะซ่งเจียงกระเป๋าหนัก เงินตัวเดียวบันดาลได้
3
世情看冷暖,人面逐高低。
คบหาเป็นกันเองหรือเย็นชา
มองสีหน้าดูรู้สูงหรือต่ำ
แต่มีอยู่ผู้เดียวที่ซ่งเจียงไม่เคยฝากเงินไปให้เลย จนเวลาผ่านไปราวครึ่งเดือน
ผู้คุมมาเตือนซ่งเจียงว่า  “พี่ท่าน พัศดีที่ข้าเคยพูดถึงนั่น ผ่านมาสิบกว่าวันแล้ว ทำไมยังไม่ฝากเงินไปให้ พรุ่งนี้ก็จะมาตรวจแล้ว จะดูไม่ดี”
ซ่งเจียงว่า “ไม่เป็นไร เขาอยากได้เงินข้าไม่ให้ ถ้าพี่ผู้คุมอยากได้ข้าไม่ขัด แต่พัศดีท่านนั้น ตังค์แดงเดียวก็ไม่ให้ เดี๋ยวเขามา ซ่งเจียงจะคุยเอง”
ผู้คุมว่า “ยาซือ คนผู้นั้นร้ายกาจอยู่ ฝีมือก็มี พูดจาผิดหูถูกเล่นงานเข้า จะหาว่าข้าไม่เตือน”
คุยกันอยู่นั้นก็มีคนมาบอกว่า “พัศดีมาถึงแล้ว กำลังอาละวาดอยู่ที่ห้องโถง ด่าว่าคนที่มาใหม่ ไม่เอาเงินไปให้”
ผู้คุมว่า “ข้าบอกแล้วไง เขามาเองแล้ว พวกข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร”
ซ่งเจียงหัวเราะแล้วว่า “พี่ผู้คุมขออภัย ข้าต้องขอตัวแล้ว วันหลังค่อยมาดื่มกันใหม่ ตอนนี้ต้องไปคุยกับเขาก่อน”
พัศดีผู้นั้นลากม้านั่งมานั่งรออยู่ในห้องโถงพอเห็นซ่งเจียงมา ก็ตะคอกเสียงดังลั่น “นี่หรือนักโทษใหม่”
ลูกน้องชี้ซ่งเจียงบอกว่า “คนนี้แหละ”
พัศดีด่าว่า “ไอ้อ้วนดำควรตาย อวดดีอย่างไร ไม่ให้สินน้ำใจข้า”
ซ่งเจียงว่า
“人情人情,在人情愿
น้ำใจเอยน้ำใจ น้ำใจนั้นต้องเต็มใจ
ท่านจะมารีดไถ ไม่ต่ำต้อยไปหน่อยหรือ”
พวกคนที่ยืนอยู่ในห้องโถง ได้ยินแล้วต้องปาดเหงื่อ
พัศดีผู้นั้นโกรธจัดด่าว่า “ไอ้โจร บังอาจมาย้อนว่าข้าต่ำต้อย จับมันขึงพืดแล้วโบยหลังหนึ่งร้อยที”
เจ้าหน้าที่ในห้องโถงล้วนเป็นพวกซ่งเจียงกันหมดแล้ว ได้ยินว่าจะให้โบย ก็พากันเดินหนีไปหมด เหลือไว้แต่พัศดีนั่งอยู่กับซ่งเจียงตามลำพัง คนผู้นั้นเห็นคนหนีกันหมดยิ่งโกรธจัด คว้าไม้พลองจะตรงเข้ามาฟาดซ่งเจียง
ซ่งเจียงว่า “ท่านพัศดี จะตีข้าข้อหาไร”
“ไอ้โจร เจ้ามันก็ลูกไก่ในกำมือข้า จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด”
“ท่านจะเอาผิดข้าก็ได้ แต่ไม่สมควรให้ถึงตาย”
“เจ้าว่าไม่สมควรตาย ข้าเล่นงานเจ้าได้ง่ายเหมือนตบแมลงวัน”
ซ่งเจียงเค้นหัวเราะเย้ยว่า “ข้าเพียงไม่ให้สินน้ำใจก็สมควรตาย แล้วคบหาอู๋เสวียจิว 吴学究 แห่งเขาเหลียงซาน สมควรเป็นเช่นไร”
คนผู้นั้นพอได้ยินก็ทำพลองหลุดมือถามว่า “เจ้าว่าอะไร”
ซ่งเจียงตอบว่า “ข้าพูดว่าคบหาเสธ.อู๋เสวียจิว ท่านถามทำไม”
1
ชายผู้นั้นเริ่มลนลาน คว้ามือซ่งเจียงไว้ถามว่า “เจ้าเป็นใคร เอาเรื่องนี้มาจากไหน”
ซ่งเจียงหัวเราะแล้วว่า “ข้าน้อยซ่งเจียงอำเภอวิ่นเฉิงซานตง”
ชายผู้นั้นพอได้ฟังรีบก้มคำนับว่า “ที่แท้ก็ท่านพี่ฝนยามแล้งซ่งกงหมิง”
ซ่งเจียงว่า “ไม่คู่ควรเอื้อนเอ่ย 何足挂齿”
ชายผู้นั้นว่า “พี่ท่าน ที่นี่ไม่สะดวกจะพูดคุย ไม่กล้าแสดงคารวะ ไปดื่มกันในเมืองดีกว่า เชิญพี่ท่าน”
ซ่งเจียงว่า “ดี ท่านเจี๋ยจี๋ 节级 รอสักครู่ ให้ข้าไปใส่กุญแจห้องก่อน”
ซ่งเจียงรีบกลับมาเอาหนังสือของอู๋ย่ง เงินติดตัว แล้วใส่กุญแจห้อง กำชับเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเฝ้าดู แล้วตามชายผู้นั้นเข้าเมืองเจียงโจวมายังร้านอาหารริมถนนแห่งหนึ่ง
ชายผู้นั้นถามว่า “พี่ท่าน ได้พบอู๋เสวียจิวที่ไหน”
ซ่งเจียงล้วงหนังสือออกมามอบให้ ชายผู้นั้นเปิดออกอ่านจบแล้วรีบซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ลุกขึ้นคารวะซ่งเจียง
ซ่งเจียงคารวะตอบกล่าวว่า “ที่พูดกระทบกระแทกท่านไปเมื่อครู่ ต้องขออภัยด้วย”
ชายผู้นั้นว่า “ผู้น้องได้ยินว่ามีคนแซ่ซ่งถูกส่งตัวมาแดนจำ ปกติพวกทหารที่ถูกเนรเทศมาจะมอบสินน้ำใจให้ห้าตำลึง นี่เห็นผ่านมาสิบกว่าวัน ยังไม่เห็นส่งมา วันนี้ว่าง จึงมาทวงถาม ไม่คิดว่าจะพบพี่ท่าน เมื่อครู่ที่กล่าววาจาล่วงเกินในค่าย หวังว่าคงให้อภัย”
ซ่งเจียงว่า “ผู้คุมก็พูดถึงท่านอยู่ ซ่งเจียงเองก็มีใจใคร่พบหน้า เพียงแต่ไม่ทราบที่อยู่ของใต้เท้า 足下 และไม่ทราบจะอ้างเหตุอันใดเข้าในเมือง ได้แต่รอพี่ท่านมาเอง ที่ทำเป็นถ่วงเวลา ไม่ใช่ว่าเสียดายเงินห้าตำลึงนี้ แต่คาดว่าพี่ท่านคงจะมาเอง จึงตั้งใจให้เนิ่นช้า วันนี้เป็นโชคดีที่ได้พบสมความตั้งใจ”
ชายผู้นี้ก็คือผู้ที่อู๋ย่งแนะนำมา พัศดีอาวุโสสองที่ว่าการเมืองเจียงโจว 江州两院押牢节级 ไต้ย่วนจ่าง 戴院长 ไต้จง 戴宗 ในสมัยซ่งนั้นคนแถบจินหลิง 金陵 เรียกเจี๋ยจี๋ 节级 ว่า จยาจ่าง 家长 ส่วนคนแถบหูหนาน 湖南 เรียกว่า ย่วนจ่าง 院长  ไต้จงมีวิชาดี ยามต้องส่งสาส์นสำคัญ ใช้ผ้ายันต์ม้า 甲马 ผูกไว้ที่ขาสองแผ่น เสกคาถาเทพเดินหน 神行法 สามารถเดินทางได้วันละห้าร้อยลี้ หากใช้สี่แผ่น สามารถเดินทางได้วันละแปดร้อยลี้ จึงมีฉายาว่า จอมเวทเทพเดินหนไต้จง 神行太保戴宗
面阔唇方神眼突,瘦长清秀人材,皂纱巾畔翠花开。
黄旗书令字,红串映宣牌。
健足欲追千里马,罗衫常惹尘埃,神行太保术奇哉!
程途八百里,朝去暮还来。
เทพจักษุโปนหน้าใหญ่ปากกว้าง
รูปร่างสูงโปร่งทรงงามขำ
มาลีหยกขลิบขอบผ้าโพกดำ
ธงคำสั่งสีเหลืองป้ายชื่อสีชาด
 
เป่าเสกเท้าให้ไล่ทันม้าพันลี้
ควบวิ่งทีฝุ่นกระจายชายเสื้อปาด
จอมเวทเทพเดินหนมนต์ฉกาจ
แปดร้อยลี้สามารถไปเช้าเย็นกลับ
ทั้งสองปรับความเข้าใจกันแล้ว ก็สั่งสุราอาหารมากินกันไปเล่าถึงประสบการณ์หนหลังกันไป ซ่งเจียงเล่าเรื่องที่ตนได้พบเหล่าผู้กล้าและได้รับความช่วยเหลือต่างๆ ไต้จงเล่าถึงเรื่องหนหลังที่ได้รู้จักกับอู๋เสวียจิว แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงเอะอะเอ็ดตะโรที่ชั้นล่าง
บริกรรีบวิ่งเข้าห้องมาแจ้งแก่ไต้จงว่า “รบกวนท่านย่วนจ่าง 院长 ช่วยที คนผู้นี้นอกจากท่านไม่มีใครเอาอยู่”
ไต้จงถามว่า “ใครมาเอะอะอยู่ข้างล่าง”
“พี่ใหญ่หลี่ 李大哥 ที่เรียกว่า ควายเหล็ก 铁牛 ปกติจะมากับท่านย่วนจ่าง ตอนนี้มาขอยืมเงินเจ้าของร้านอยู่ชั้นล่าง”
ไต้จงหัวเราะแล้วว่า “ไอ้หมอนี่มาก่อกวนอีกแล้ว คิดว่าใคร พี่ท่านนั่งรอสักครู่ เดี๋ยวข้าไปตามตัวหมอนั่นขึ้นมา”
ไต้จงหายลงไปชั่วครู่เดียว ก็พาตัวชายฉกรรจ์ตัวดำมิดหมีขึ้นมาคนหนึ่ง ซ่งเจียงเห็นแล้วถึงกับตกใจถามว่า “ย่วนจ่าง พี่ชายท่านนี้เป็นใคร”
ไต้จงว่า “นี่คือคนงานในคุกของผู้น้อย แซ่หลี่ 李 ชื่อขุย 逵 พื้นเพเป็นชาวเมืองอี๋โจว อำเภออี๋สุ่ย บ้านไป่จ้าง 沂州沂水县百丈村 มีฉายาตลกว่า พายุหมุนดำหลี่ขุย 黑旋风李逵 คนที่หมู่บ้านเรียกกันว่า ควายเหล็กหลี่ 李铁牛 ฆ่าคนตายแล้วหนีมา ถึงจะได้รับอภัยโทษแล้ว กลับบ้านไม่ได้ต้องตกค้างอยู่ในเจียงโจวนี่ เหล้าลงคอเมื่อไร เที่ยวอาละวาดจนคนขยาดกันทั่ว ใช้ขวานคู่เป็นอาวุธ แล้วยังเก่งหมัดมวยตีกระบอง ตอนนี้เป็นคนงานอยู่ในคุกเมืองนี้”
家住沂州翠岭东,杀人放火恣行凶。
不搽煤墨浑身黑,似着朱砂两眼红。
闲向溪边磨巨斧,闷来岩畔斫乔松。
力如牛猛坚如铁,撼地摇天黑旋风。
เมืองอี๋โจวชุ่ยหลิ่งตงคือถิ่นฐาน
มีสันดานชอบวางเพลิงฆ่าคน
ไม่ถูถ่านดำทั้งตัวทั่วทุกหน
ตาแดงจนคล้ายทรายคั่วถ่านไฟ
ยามว่างนั่งลับขวานริมฝั่งคลอง
ยามขุ่นข้องจามสับเสาสะพานไม้
แรงคือควายกายแกร่งปานเหล็กไหล
โยกฟ้าไกวดินแกว่งพายุหมุนดำ
หลี่ขุยมองมายังซ่งเจียงแล้วถามไต้จงว่า “พี่ เจ้ามืดนี่เป็นใคร”
ไต้จงหันมาหัวเราะกับซ่งเจียงว่า “ยาซือ ดูมันหยาบคายแค่ไหน ไม่ไว้หน้าใครเลย”
หลี่ขุยว่า “ข้าแค่ถามพี่ ทำไมมาว่าข้าหยาบคาย”
ไต้จงว่า “น้องเรา เจ้าถามดีๆ ก็ได้ว่า นายท่านผู้นี้เป็นใคร ไม่ใช่ว่า เจ้ามืดนี่เป็นใคร นี่ไม่เรียกว่าหยาบคายจะเรียกอะไร ข้าจะบอกให้ พี่ชายท่านนี้ก็คือ ท่านพี่ผู้ทรงธรรมที่เจ้าพูดถึงบ่อยๆ ว่าอยากไปหา”
หลี่ขุยว่า “ซ่งเจียงตัวดำ ฝนยามแล้งแห่งซานตงหรือ”
ไต้จงตวาดใส่ “ไอ้หมอนี่ยังเอาอีก เรียกทื่อๆ ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ ยังไม่รีบกราบคารวะอีก มัวรออะไร”
1
หลี่ขุยว่า “ถ้าเป็นซ่งกงหมิงตัวจริงข้าก็กราบ ถ้าเป็นใครไม่รู้จะให้กราบหานกเขาไร พี่พัศดี เล่นตลกหลอกข้ากราบคนเล่นหรือเปล่า”
ซ่งเจียงว่า “ข้านี่แหละซ่งเจียงตัวดำแห่งซานตง”
หลี่ขุยตบมือตะโกนว่า “พ่องเอ๊ย ทำไมไม่รีบบอกให้ควายเหล็กดีใจ” แล้วรีบก้มลงกราบคารวะ
ซ่งเจียงรีบคารวะตอบแล้วว่า “พี่ผู้กล้า เชิญนั่ง”
ไต้จงว่า “น้องเรา นั่งลงดื่มเหล้ากับข้าที่นี่แหละ”
หลี่ขุยว่า “จอกเล็กนิดเดียวใช้ได้ที่ไหน เอาชามใหญ่มาเปลี่ยน”
ตอนก่อนหน้า : สามอิทธิพลเจียหยาง
ตอนถัดไป : พายุหมุนดำ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา