Blockdit Logo (Mobile)
ดินสอ ธรรม
•
20 เม.ย. เวลา 08:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Bitcoin: เดิมไม่ตอบโจทย์ New money ต่อเมื่อเกิด Decoupling จึงตอบโจทย์โลกหลายขั้วในฐานะ"เป็นคนกลาง"

ทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งคุณและโทษ อยู่ในตัวของมัน
ไม่มีสิ่งใดมีคุณอย่างเดียว หรือมีโทษอย่างเดียว
การจะเกี่ยวข้องกับ "วัตถุธรรมอย่างถูกต้อง" จึงต้องรู้จักทั้งคุณและโทษที่มีอยู่ตามธรรมชาติของมัน
หลวงพ่อชา สอนชาวอิสานว่า "ให้คิดเบ่ง ให้มัน คักคัก" เช่น การจะทำอะไร ต้องพิจารณาประโยชน์และโทษของมันให้ชัดเจน โดย"ให้รู้จักประมาณผล"ของการกระทำที่จะเกิดตามมา รู้จักกระทำแต่พอดี เช่น การกินอาหาร ก็ต้องรู้จักเลือกและกินปริมาณที่พอดี ถ้ากินมากเกินไป ของดีๆก็กลายเป็นให้โทษได้
เพื่อจะเกี่ยวข้องกับ "วัตถุธรรมอย่างถูกต้อง" ได้ประโยชน์และไม่เป็นโทษ เราจำเป็นจะต้องศึกษาแต่ละวัตถุธรรมอย่างลึกซึ้งแบบ Deep Learning ที่หลวงพ่อชา สอนว่า "ให้คิดเบ่ง ให้มัน คักคัก"
เพื่อจะเกี่ยวข้องกับ "วัตถุธรรมอย่างถูกต้อง" ได้ประโยชน์และไม่เป็นโทษ เราจำเป็นจะต้องศึกษาแต่ละวัตถุธรรมอย่างลึกซึ้งแบบ Deep Learning ที่หลวงพ่อชา สอนว่า "ให้คิดเบ่ง ให้มัน คักคัก"
สภาวะของชาวโลกเราในปัจจุบัน
เกิดสงครามพร้อมกันหลายแห่ง แต่ละแห่งล้วนมีสาเหตุที่ลึกซึ้งและยากที่จะคาดการณ์ว่าขั้นตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
ออกจากเรื่องสงครามที่คิดแล้วปวดหัว
หันมาตื่นเต้นกับการนับถอยหลังสู่ Bitcoin halving
Bitcoin halving คือกลไก ลดค่า Block Subsidy (เงินเพิ่มพิเศษ) ที่ให้แก่นักขุด Bitcoin ผู้แก้โจทย์ได้คำตอบเพื่อปิด Block เป็นคนแรก ได้รับเงินเพิ่มพิเศษลดลงครึ่งหนึ่งจาก Block Subsidy ในช่วง 4 ปีก่อนหน้า
ค่า Block Subsidy เริ่มแรก คือ 50 Bitcoin ต่อการปิด 1 Block ด้วยระบบ Block Chain จัดเก็บบันทึกข้อมูลเรียงตามเวลา และจะขึ้น Block ใหม่ในทุก 10 นาที ทุกครั้งที่ปิด Block จะมีการสร้าง Bitcoin ขึ้นใหม่จำนวนเท่ากับค่า Block Subsidy
ในช่วง 4 ปีแรกจึงมีการสร้าง Bitcoin ขึ้นใหม่วันละ 7200 Bitcoin
ปัจจุบันมีการสร้าง Bitcoin ขึ้นใหม่จำนวนวันละ 900 Bitcoin
ในเช้าวันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2567 เกิด Halving ครั้งที่ 4 ส่งผลให้การสร้าง Bitcoin ขึ้นใหม่ลดจำนวนลงเหลือวันละ 450 Bitcoin
และจะมี Halving ครั้งต่อๆไปอีกทุก 4 ปี จนไปถึงครั้งที่ 32 ซึ่งจะทำให้ค่า Block Subsidy เป็น 0 คือไม่มีการผลิต bitcoin เพิ่มอีกต่อไป ซึ่งกลุ่มนักขุด bitcoin จะเหลือรายได้เฉพาะจากการให้บริการทางการเงิน Transaction fee เท่านั้น
ปัจจุบัน Bitcoin ถูกสร้างขึ้นแล้ว ประมาณ 90% ของจำนวน Bitcoin ทั้งหมด
โลกในยุค Great Reset Age กำลังปรับสู่ New Money ซึ่งจะต้องเป็น Digital Money เพื่อสนับสนุน Digital Economy
โลกในสภาวะ Decoupling คือ จีนอยากแย่งชิงความเป็นเจ้าโลกกับอเมริกา จีนเซาะกร่อนเงินดอลลาร์ ทำให้อเมริกามองจีนเป็นศัตรูคู่แข่งที่พร้อมจะโค่นอเมริกาเพื่อชิงความเป็นใหญ่
แต่ในเรื่องเศรษฐกิจของทั้งจีนและสหรัฐนั้นผูกมัดเกื้อกูลกันจนยากที่จะแยกจากกัน แต่ไม่ยอมรับสกุลเงินของกัน และกัน แต่ทั้งคู่และคนทั่วโลกยอมรับ Bitcoin เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เพราะคนคำนวณ ไม่สู้ฟ้าลิขิต
Bitcoin อาจเป็นช่อง ทาง win-win ของ จีนกับสหรัฐ
bitcoin halving เป็นการลดลงครึ่งหนึ่งของค่ารางวัลเป็น Block Subsidy ที่สนับสนุนให้นักขุดคนแรกผู้สามารถหาค่าที่เป็นเหมือนกุญแจใช้ปิด Block ข้อมูลเพื่อร้อยเรียงกับ Block ที่เกิดขึ้นใหม่
bitcoin halving เป็นการลดลงครึ่งหนึ่งของค่ารางวัลเป็น Subsidy ที่สนับสนุนให้นักขุดคนแรกผู้สามารถหาค่าที่เป็นเหมือนกุญแจใช้ปิด Block ข้อมูลเพื่อร้อยเรียงกับ Block ที่เกิดขึ้นใหม่
สหรัฐ-จีน มี BTC ในมือ จึงสามารถคุม Demand Supply ซึ่งจะบริหารราคา BTC ที่ทำให้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด
กระแสของบิตคอยน์ได้รับการพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีสิ่งที่เรียกว่า “กองทุนบิตคอยน์” หรือ Bitcoin ETF ทำให้กองทุนดังกล่าวซื้อบิตคอยน์ไว้
จากข้อมูลของ bitcointreasuries.net พบว่า  ผู้ที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุด 3 อันดับนั้น โดยแบ่งเป็น บริษัท กองทุนบิตคอยน์ และประเทศ
บริษัทที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุด ได้แก่
1. Microstrategy, Inc.
(MSTR) ถือ 189,150 BTC
2. Marathon Digital Holdings
(MARA ) ถือ 13,726 BTC
3. Tesla, Inc. 
(TSLA) ถือ 9,720 BTC
กองทุนที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุด ได้แก่
1. Grayscale Bitcoin Trust 
(GBTC) ถือ 617,080 BTC
2. Purpose Bitcoin ETF
(BTCC.TO) ถือ 34,007 BTC
3. ETC Group Physical Bitcoin 
(BTCE.SW) ถือ 26,858 BTC
ประเทศที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุด ได้แก่
1. สหรัฐฯ ถือ 215,000 BTC ได้มาจากการสั่งปิด เว็บไซต์ Silk Road ตลาดมืดออนไลน์ที่ใช้บิตคอยน์ชำระเงิน ซึ่ง Silk Road ในศตวรรษที่ 20 ถือว่าเป็นตลาดที่ถือเป็นยุคบุกเบิกของการใช้ Bitcoin เป็นตัวกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าผิดกฏหมาย
2. จีน ถือ 190,000 BTC ทางการจีนยึดมาจากกระบวนการต้มตุ๋น PlusToken แชร์ลูกโซ่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ในประวัติศาสตร์ โดยมีการโปรโมทไปทั่วจีน, เกาหลีใต้ และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการสัญญาว่าจะได้ผลตอบแทนหรือปันผลรายเดือนกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ได้หลอกเงินนักลงทุนเป็นมูลค่ากว่า 1.9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 57.41 พันล้านบาท) หรือเป็น อีเธอเรียม(Ethereum)จำนวนกว่า 9.9 ล้าน ETH ซึ่งมีเหยื่อจำนวนกว่า 800,000 คน
3. ยูเครน ถือ 46,351 BTC
The Brooker Group ของไทย  
หรือ BROOK.BK บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ถือ  122.3  BTC
และ ประเทศ El Salvador  ถือ  2,381  BTC
อเมริกาอนุมัต bitcoin ETF ทำให้เพิ่ม Demand ซื้อส่งผลให้ Bitcoin ราคาพุ่งขึ้นเป็น All time high
ต่อมา จีนฮ่องกง สองบริษัท ขอ bitcoin ETF และได้รับอนุมัตแล้ว เป็นการเปิดโอกาสให้จีนมีส่วนร่วมในตลาด Bitcoin
เมื่อพิจารณาแบบ Deep Learning ลึก ๆ แล้ว อเมริกา สามารถ Manipulated ควบคุม BTC-Demand เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ จึงคุมราคา BTC ได้
การเติบโตของ BTC เป็นแบบ Sudo Organics
เพราะอเมริการู้ว่า ต่อไปจะเป็นโลกหลายขั้ว ไม่มีใครทุบโต๊ะได้และจะเกิดปัญหาความต้องการเงินดอลล่าร์ลดลง จึงเตรียมทางหนีไว้เป็น ก็อกสอง
และโลกยุคใหม่ต้อง Digital money ซึ่งต้องอาศัยยืนอยู่บนคนรุ่นใหม่ที่เรียนรู้เงินใหม่ ไม่สนเงินประวัติศาสตร์ แต่สนใจเงินที่ใช้ทั่วโลก ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร เพราะเป็นโลกหลายขั้ว ต้องใช้ระบบช่วยยืนเป็นหลัก เป็นยิ่งกว่าทองเพราะจำกัดและเป็น Sounds Money ที่ใช้เป็นเงินได้ด้วย Satoshi
การจะเกี่ยวข้องกับ "Bitcoin" ให้ได้ประโยชน์และไม่เป็นโทษ เราจำเป็นจะต้องศึกษา Bitcoin อย่างลึกซึ้งแบบ Deep Learning ที่หลวงพ่อชา สอนว่า "ให้คิดเบ่ง ให้มัน คักคัก"
โฆษณา