7 มี.ค. เวลา 02:08 • นิยาย เรื่องสั้น

เรื่องสั้น 'ความฝัน'

เจียน พ่ายตระกูล
อายุ : 55
ตำแหน่ง : อดีตเจ้าของโรงงานกล่องกระดาษ(ผู้ว่าจ้างออกแบบคอนโดมิเนียม)
บ้าน : 1 หลัง
ที่ดิน : 5 ไร่ (ของเมีย)
รถ : เบนซ์ 1 คัน โตโยต้า 1 คัน
ความฝัน : อยากเป็นนักออกแบบ
ทิม เมืองบาง
อายุ : 25
ตำแหน่ง : สถาปนิก (เพิ่งได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมาหมาดๆ)
บ้าน : อยู่บ้านแม่
ที่ดิน : มีแปลงผักสลัด 1 แปลงบนระเบียง
รถ : บัตรแรบบิท 2 ใบ
แมว : 1 ตัว (ลายปลาสลิด)
ความฝัน : อยากเป็นเจ้าของกิจการ
เป้ง!! .. ยกที่ 1
ทิม รู้สึกประหม่าเล็กน้อยขณะสืบเท้าเข้าหา นี่เป็นงานแรกที่เขาออกมารับเองหลังจากทำงานมาในบริษัทออกแบบตั้งแต่เรียนจบ
สังเวียนที่เป็นบ้านรูปทรงโมเดิร์นแปลกประหลาดสร้างความตื่นตาให้แก่เขา ผนังปูนเปลือยโค้งสูงโอบล้อมที่ว่างสูงโปร่ง ด้านหนึ่งเปิดออกสู่สวนรกครึ้มภายนอก โต๊ะไม้สี่เหลี่ยมตัวใหญ่วางอยู่กลางโถงนั้น ชายวัยกลางคน หัวล้าน ผิวขาวซีด แขนขาเรียวผอมแต่พุงยื่นในชุดเสื้อกล้ามย้วยสีขาวกับกางเกงนอนขายาวยืนอยู่หัวโต๊ะ ท่าทางความรู้สึกประทับใจของชายหนุ่มที่มีต่อบ้านหลังนี้อยู่ในสายตาของชายเจ้าของบ้าน และเมื่อสายตาของทั้งสองสบกัน สถาปนิกหนุ่มเห็นแววภาคภูมิใจฉายแวบอยู่ในนั้น
เขารู้ตัวว่า การต่อสู้ข้างหน้านี้เขากำลังตกเป็นรอง
แรกทีเดียวเขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้ เขาคิดว่าจะเป็นการร่วมไม้ร่วมมือทำงานร่วมกัน แต่เมื่อได้มาเห็นบุคลิกและสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตของชายที่อยู่ตรงหน้า เขารู้ได้ว่า ถ้าเขาอยากจะก้าวตามความฝัน เขาไม่อาจจะหลีกเลี่ยงศึกที่อยู่ตรงหน้า
ทั้งคู่จดๆจ้องๆดูเชิงกัน ต่างฝ่ายต่างได้ข้อมูลระหว่างกันจากคนรู้จัก เจียน ตระกูลพ่าย เริ่มแย๊บทักทายก่อนโดยเรียกเขาว่า'ไอ้หนุ่ม'และเรียกตัวเองว่า'เฮีย'
หลังจากหมัดแย๊บแรก เฮียตามมาด้วยฮุคหนักๆด้วยภาพตึกบิดเบี้ยวของ 'ซาฮ่า ฮาดิด' ในฮ่องกง
ทิมรู้สึกทึ่งในลีลาของชายวัยกลางคนคนนี้ กองหนังสือสถาปัตยกรรมและแลนด์สเคปที่กองพะเนินอยู่ด้านหนึ่งของโต๊ะบ่งบอกความคลั่งไคล้ของชายเจ้าของโครงการได้ดี ชายหนุ่มไม่เคยเจอเจ้าของงานคนไหนที่รู้จักงานเหล่านี้ดีเท่าเฮียคนนี้มาก่อน หลายเรื่องที่คู่ชกของเขาปล่อยเป็นชุดออกมา แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่เคยได้ยิน
ก่อนหมดยก เขาถูกหมัดอัปเปอร์คัตด้วยภาพร่างของคอนโดเป็นลายเส้นยึกยือของเฮียเข้าที่ปลายคาง ขณะที่หัวมึนงง หูก็คล้ายได้ยินเสียงกรรมการถามว่า "จะไปต่อหรือพอแต่นี้" เขาพยักหน้าสู้ต่อตามสัญชาตญาณ เมื่อพยายามจะลุกขึ้น..เสียงระฆังก็ดังหมดยก
ยกที่สอง
เฮียปราดออกจากมุมอย่างว่องไว ชายวัยกลางคนปล่อยหมัดชุดอย่างว่องไวเป็นความต้องการอันเพลิดแพร้ว 'ต้นไม้ใหญ่กลางห้องพัก ลำธารไหลผ่าส่วนรับแขก แสงแดดโลมไล้อ่างอาบน้ำ แสงจันทร์มองเห็นได้จากระเบียง และห้องพักแต่ละห้องในคอนโดมิเนียมแห่งนี้ ต้องมีหน้าตาไม่เหมือนกัน'
เจอเข้าไปชุดใหญ่ ท่ามกลางความงุนงง ชายหนุ่มพยายามตอบโต้ด้วยพื้นฐานของโครงสร้างและข้อกฎหมาย แต่ก็ไม่อาจระคายผิวของฝ่ายตรงข้ามได้เลย
"เฮ้ย ! จะสร้างงานศิลปะ อย่ามัวแต่กลัวเรื่องไร้สาระ"
เสียงกร้าวมาจากมุมน้ำเงินหัวโต๊ะ
เขาเหลือบมองไปที่มุมของเขา ภาวนาให้มีพี่เลี้ยงอยู่ตรงนั้นและโยนผ้าขาวลงมาเพื่อเป็นการตัดบทต่อความลังเลสับสนนี้ แต่เมื่อไม่มีใคร ทิมตัดสินใจหยุดการรุกไล่ของฝ่ายตรงข้ามด้วยการยิงหมัดขวาตรงออกไปอย่างสเปะสปะพร้อมเสียงคำรามแหบพร่า
"ค่าแบบจะต้องเพิ่มพิเศษนะครับ"
มันเข้าที่กกหูชายตรงหน้าพอดิบพอดี เฮียชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะแสยะยิ้มพร้อมกับกระดิกนิ้วเข้าหาตัว
"มาไอ้หนุ่ม! เอ็งจะเอาเท่าไร บอกมา"
ยกถัดมาหลังจากนั้นการต่อสู้เป็นไปอย่างชุลมุน มันดูสับสนแต่ก็มีเค้าโครงอยู่ในที เฮียรุกไล่นำเสนอไอเดียแปลกใหม่ ชายหนุ่มโต้กลับด้วยแบบร่างที่แสดงออกถึงรายละเอียดพื้นฐานที่อีกฝ่ายมองข้าม เฮียถอยตั้งหลักชั่วครู่และรุกกลับอีกครั้งด้วยไอเดีย แปลกใหม่กว่าเดิม หมุนวนเป็นวงจรอยู่เช่นนี้
เมื่อเวลาของการต่อสู้เนิ่นนานขึ้น จากอาทิตย์เป็นเดือน จากเดือนเป็นหลายเดือน ชายวัยกลางคนยิ่งคึกคักแจ่มใส แต่สถาปนิกหนุ่มกลับรู้ถึงความอ่อนล้าเกินทานทน มิใช่เพียงแค่ร่างกาย แต่มันคืบคลานเข้ามาที่จิตใจ มันเข้ามาแม้กระทั่งความใฝ่ฝัน
แต่ละวันเขายืนหยัดอยู่ได้ด้วยการขอเบิกค่าใช้จ่ายเป็นงวดย่อย เนื่องเพราะงานไม่คืบหน้าไปไหน
วันนี้จะเป็นยกสุดท้าย เค้าพร่ำบอกตัวเองขณะก้าวเท้าขึ้นเวที ดวงตาช้ำของเขาแม้จะดูล่องลอยแต่ก็ยังมองทะลุถึงปลายทาง เขารู้แล้วว่า ศึกครั้งนี้จะไม่มีผู้ใดชนะและความฝันที่ตั้งไว้จะไม่มีผู้ใดได้ไปครอบครอง
แต่เรื่องที่เหนือการคาดหมายกว่านั้น คือ มิใช่เป็นเขาที่โยนผ้ายอมแพ้ ผ้าผืนนั้นกลับเป็นของชายวัยกลางคนตรงหน้า
"ไอ้ห่า! เมียอั๊วแม่งไม่ยอมให้เอาที่ไปทำโครงการ"
เขายิ้มรับและนึกไปถึงดวงตาอ่อนล้าคู่นั้น คู่ที่มองมาอย่างเศร้าๆทุกคราวที่เดินมาเปิดประตูรับชายหนุ่มให้ก้าวขึ้นสังเวียน เธอเคยเอ่ยกระซิบขอบคุณเขาที่ยอมเป็นคู่ชกให้กับสามีของเธอและมักพูดทิ้งท้ายไว้ว่า
"น้อยคนที่จะทนเค้าได้"
ขณะก้าวเท้าลงจากเวที ใจหนึ่งเขารู้สึกโล่งอก แต่อีกใจกลับหนักอึ้งอย่างยากจะอธิบาย ความคิดที่เขาใช้หลอกตัวเองว่าจะไปถึงความฝันด้วยชัยชนะบนเวทีนี้นั้นถูกความจริงสอยร่วงอยู่ตรงหน้า แต่ช่างเถอะ! เขายังพอมีเรี่ยวแรงเหลือ ตอนนี้เขาเพียงห่วงเธอผู้มีนัยน์ตาเศร้าผู้เดินมาส่งเขาที่ประตูรั้ว เขาได้แต่หวังว่าเธอจะเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์และตัดสินใจดีแล้วที่จะตัดหางปล่อยความฝันลมๆแล้งๆของสามีทิ้งไป
. . . . . . . . . . . . . . . .
นั่นเป็นเรื่องราวเมื่อห้าปีก่อน ทุกวันนี้ทิมมีทีมงานเล็กๆของตัวเอง ปลายปีนี้อาจเช่าห้องเล็กๆบนตึกสำนักงานใกล้บ้านและจะได้จดทะเบียนบริษัทเสียที
ขณะก้าวลงจากรถคันเล็กที่ซื้อต่อมาจากเพื่อน เขาเผลอคลำรอยแผลเป็นเล็กๆเหนือคิ้วเหมือนทุกคราวที่เกิดภาวะเครียด รอยแผลที่เกิดจากการหลับในระหว่างการศึกครั้งนั้น
อาจจะเพราะหัวค่ำ งานศพจึงมีคนไม่มากนัก
ดวงตาคู่นั้นยังคงเหมือนเดิม ชายหนุ่มบีบมือที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นเพื่อแสดงความเสียใจ
เจ้าของมือพยักหน้ารับรู้และพูดกลับมาด้วยเสียงแหบพร่า
"เอ็งเตรียมพร้อมให้ดี เฮียได้ที่มาแล้ว"
"ตอนนี้มีไอเดียใหม่ๆในหัวเพียบ"
. . . . . . . . . . . . . . . .
เรื่องสั้นลำดับ 3 'ความฝัน'
ในชุด 'ข้างหลัง Facade'

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา