สรุปหนังสือ The Why Café คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ คนที่กำลังสับสนกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เครียดกับงานคนรอบตัว กดดันตัวเองอยู่บ่อยครั้ง จนต้องหยุดทบทวนตัวเอง ชาร์จพลัง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ คือ จอห์น สเตรเลกกี เกิดเมื่อ 13 กันยายน 1969 ที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะเขียนหนังสือเล่มนี้ จอห์นก็เป็นคนธรรมดาทั่วไป ทำงานหนักเพื่อการเติบโตในหน้าที่การงาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป จอห์นที่อายุก้าวเข้าสู่เลข 3 ตัดสินใจออกเดินทางสำรวจโลก และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้จอห์นได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ ได้ข้อคิด ตกตะกอนกับความคิดตนเองจนกลายมาเป็นหนังสือ The Why Café นั่นเอง
ตัวละครในหนังสือมีอยู่ด้วยกัน 4 คน ได้แก่
จอห์น ชายหนุ่มที่เหน็ดเหนื่อยกับชีวิต
เคซีย์ บริกรหญิงของร้านคาเฟ่
ไมค์ เจ้าของร้านและพ่อครัว
แอนน์ ลูกค้าประจำของคาเฟ่
เริ่มด้วยจอห์นชายหนุ่มที่เหน็ดเหนื่อยกับชีวิต ตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่า ชีวิตมีอะไรมากไปกว่าการนั่งทำงานวันละ 10-12 ชั่วโมง ทำงานหนักเพื่อที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง และหากย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเรียน ที่พวกเราต้องตั้งใจเรียน สอบให้ติดมหาวิทยาลัย จบมาก็ทำงาน ตามแนวคิดที่ส่งต่อกันมา
จอห์นจึงตัดสินใจลางาน หนีจากทุกอย่าง ในระหว่างที่กำลังแล่นรถบนทางด่วน ก็มีปัญหารถติด จอห์นจึงตัดสินใจเดินทางในทิศทางใหม่ ขับไปเรื่อย ๆ บ้านหรือผู้คนน้อยมาก น้ำมันก็จะหมดและหิวมาก
จนในที่สุดก็เจอกับคาเฟ่ที่มีชื่อว่า The Why Are You Here Café และได้พบกับเคย์ซี่บริกรหญิง โดยเธอยื่นเมนูให้ แต่ที่น่าประหลาดคือ ในปกหลังของเมนูมีคำถาม 3 ข้อ ได้แก่
เหตุใดคุณจึงมาที่นี่
คุณกลัวตายไหม
คุณพึงพอใจกับชีวิตหรือยัง
จอห์นก็มองว่าคาเฟ่นี้แปลกมาก แต่พอเห็นว่ามีลูกค้าในร้านก็เลยอยู่ต่อ และมีเคย์ซี่ ไมค์และแอนน์ ที่ช่วยไขคำตอบของคำถามด้านหลังเมนูนั้นและสิ่งที่เป็นคำถามหรือปัญหาของจอห์นได้ในที่สุด
อ่านแล้วได้อะไร
เปิดเรื่องมาก็จี้จุดของใครหลายๆคน นี่คือปัญหาที่แก้ได้ยาก บางคนไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร จึงไม่รู้ว่าชีวิตต้องดำเนินไปทางไหน ก็เลยตัดสินใจเลือกตามกระแสสังคม สุดท้ายก็สับสนในตัวเองในที่สุด ระบบการศึกษาไม่เคยให้เราได้สำรวจภายในจิตใจตัวเอง มีแต่จะผลิตแรงงาน คนคล้ายเครื่องจักรมีชีวิต
คำถาม เหตุใดคุณจึงมาที่นี่ จริงๆแล้วมันคือการถามว่า เป้าหมายของชีวิตของเราคืออะไร เพราะคำตอบของคำถามจะทำให้เราไม่เกิดการสับสน หมดแรง หมดหวังในชีวิต
การมีเป้าหมาย ในบางครั้งมันต้องใช้เวลาและเงิน ซึ่งแน่นอนว่ามันกดดันแน่นอน อย่างนี้เราก็ไม่มีความสุขน่ะสิ ในหัวข้อนี้ ไมค์เป็นคนออกมาตอบคำถามนี้ โดยเล่าเรื่องชายตกปลาที่มีความสุข แม้ไม่ได้เป็นเศรษฐีแต่การตกปลาคือความสุขของเขา และบางครั้งเราจำเป็นต้องทำงานที่ทำให้ได้เงินเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต แต่ขอให้อย่างน้อยในหนึ่งวันได้ทำสิ่งที่เป็นเป้าหมายในชีวิตเราไปด้วย
ปัจจุบันหลายคนมีความสุขยาก ซ้ำร้ายให้ค่านิยมว่า การมีเงินเยอะคือความสุข ถ้ายังไม่มีเงินเยอะก็แสดงว่าไม่มีความสุขอย่างนั้นเลยหรือ เอาจริงๆความสุขมันง่ายมากเลยขึ้นอยู่กับเรามองโลกยังไงต่างหาก บางคนตื่นเช้ามาได้ยินเสียงนกร้องก็มีความสุข นั่งจิบกาแฟใต้ร่มไม้ก็มีความสุข แค่นี้เอง
ตัวละครที่น่าสนใจอีกก็คือ แอนน์ เธออยู่ในวงการโฆษณา เธอรู้ดีว่าต้องทำยังไงให้คนสนใจสินค้าหรือบริการ นั่นก็คือ เล่นกับความกลัว ความสุขและความปลอดภัยของเรา จนทำให้เชื่อว่าเราจำเป็นต้องมีของสิ่งนั้น สิ่งที่แอนน์สอนก็คือ ระวังข้อความทางการตลาด ทำให้เราเสียทั้งเงินและเวลา ยกตัวอย่าง บางคนใช้เงินเก็บซื้อบ้าน ทำงานสายตัวแทบขาด แต่กลับไม่ค่อยได้อยู่บ้านสักเท่าไหร่เพราะต้องทำงาน เลิกปรนเปรอตนเองด้วยสิ่งของ แต่จงปรนเปรอด้วยการทำสิ่งที่อยากทำ
สุดท้ายเป้าหมายของเรา มีเพียงเราคนเดียวที่จะรู้ว่าคำตอบคืออะไร บางครั้งเราจึงจำเป็นต้องหลบจากผู้คน โดยสิ่งที่จะช่วยตามหาเป้าหมายได้อีก ไม่ว่าจะเป็นหนังสือและการเดินทาง เมื่อรู้เป้าหมายแล้วเราก็จะไขคำตอบว่า ทำไมคุณถึงมาที่นี่
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
