15 มี.ค. เวลา 23:22 • หุ้น & เศรษฐกิจ

หากจะลงทุนในหุ้นที่พักหรือโรงแรมต้องรู้จักตัวชี้วัดเหล่านี้

การลงทุนในหุ้นกลุ่มที่พักหรือโรงแรมนั้น เฉกเช่นการลงทุนในหุ้นประเภทอื่นๆ จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์และศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบ
ในครั้งนี้จะพามาทำความรู้จักกับตัวชี้วัดที่นักลงทุนมือใหม่ควรรู้และควรศึกษาเพิ่มเติม หากสนใจที่จะลงทุนในหุ้นที่พักหรือโรงแรม
  • ADR (Average Daily Rate)
เป็นตัวชี้วัดอุตสาหกรรมที่พักหรือโรงแรม ที่บ่งบอกอัตรารายได้เฉลี่ยที่ได้รับต่อห้องที่มีคนครอบครองหรือห้องที่ขายได้ต่อวัน
คำนวณโดยการนำ รายได้รวมของห้องพัก / จำนวนห้องที่ขายได้
ตัวอย่างเช่น โรงแรมแห่งหนึ่งสร้างรายได้จากห้องพักได้ 10,000 ดอลลาร์และขายห้องพักได้ 50 ห้องในหนึ่งวัน
ADR = 10,000 ดอลลาร์ / 50 ห้อง = 200 ดอลลาร์
ซึ่งหมายความว่าโรงแรมมีรายได้เฉลี่ย 200 ดอลลาร์ต่อห้องที่มีคนเข้าพักในวันนั้น
หากอัตรารายได้เฉลี่ยสูงก็หมายความว่า ที่พักหรือโรงแรมนั้นๆสามารถสร้างรายได้ได้สูงเมื่อเทียบกับจำนวนห้องที่ขายได้
  • RevPAR (Revenue Per Available Room)
RevPAR หรือรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมด เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญของธุรกิจที่พักหรือโรงแรม วัตถุประสงค์เพื่อวัดประสิทธิภาพด้านต่างๆของสถานที่ให้บริการ
เช่น ประสิทธิภาพด้านราคา ด้านการเข้าพัก และยังจำเป็นในการใช้ประเมินกลยุทธ์ทางธุรกิจของที่พักหรือโรงแรมอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น หาก RevPAR ลดลง นั่นแสดงว่ามีลูกค้าเข้ามาพักน้อยลง ซึ่งอาจมาจากการตั้งราคาห้องพักที่สูงเกินไปทำให้ลูกค้าไม่เข้ามาพัก หรืออาจเพราะมีการแข่งขันในตลาดมากขึ้น โรงแรมอาจจำเป็นต้องลงทุนในการปรับปรุงห้องพักหรือพัฒนากลยุทธ์การตลาดใหม่อีกครั้ง
หรือหาก RevPAR เพิ่มขึ้น อาจแสดงว่ามีการท่องเที่ยวในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น หรือที่พักและโรงแรมกำลังดึงดูดลูกค้าใหม่ได้
RevPAR ที่สูงขึ้น → หมายถึงอัตราการเข้าพักที่สูง และ/หรือราคาที่สูงขึ้น
RevPAR ที่ต่ำลง → หมายถึงอัตราการเข้าพักที่ลดลง และ/หรือราคาที่ต่ำกว่า
ซึ่งคำนวณโดยการนำ รายได้รวมจากห้องพักที่ขายได้ / จำนวนห้องพักทั้งหมดที่มี หรือนำ อัตรารายวันเฉลี่ย (ADR) × อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate)
ตัวอย่างการคำนวณ RevPAR โดยใช้สูตร รายได้รวมจากห้องพักที่ขายได้ / จำนวนห้องพักทั้งหมดที่มี
สมมติว่าคุณมีจำนวนห้องพักทั้งหมด 50 ห้อง ขายได้ 40 ห้อง (80%) ค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) 100 ดอลลาร์
ห้องที่ขายได้ x ค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) = รายได้รวม หรือคิดเป็น 40 x 100 = 4000 ดอลลาร์
และนำรายได้รวมไปหาค่า RevPAR ต่อดังนี้ 4000 ดอลลาร์ / 50 ห้อง = ค่า RevPAR คือ 80 ดอลลาร์
ซึ่งหมายความว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ห้องพักแต่ละห้องในโรงแรมของคุณ สร้างรายได้ 80 ดอลลาร์ (ไม่ว่าจะว่างหรือไม่ก็ตาม)
ตัวอย่างการคำนวณ RevPAR โดยใช้สูตร อัตรารายวันเฉลี่ย (ADR) × อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate)
สมมุติว่าโรงแรมของคุณมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 70% และมี ADR อยู่ที่ 100 ดอลลาร์ จะได้สูตร 100 x 70% = 70
หมายความว่า โรงแรมของคุณทำรายได้ 70 ดอลลาร์ ต่อห้องพัก (ไม่ว่าจะว่างหรือไม่ก็ตาม)
แม้ว่าทั้ง RevPAR และ ADR จะเกี่ยวข้องกับรายได้ของห้องพักและดูคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีการวัดที่แตกต่างกัน และเราควรที่จะต้องคำนวณ ADR ของที่พักหรือโรงแรมก่อน แล้วจึงจะเริ่มคำนวณ RevPAR
ADR จะบ่งบอกว่าห้องที่ขายแต่ละห้องมียอดขายโดยเฉลี่ยเท่าใด ในขณะที่ RevPAR จะบ่งบอกว่าที่พักหรือโรงแรมมีรายได้เท่าไรสำหรับห้องแต่ละห้อง
ซึ่งเราสามารถนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งเพื่อนำมาปรับปรุงกลยุทธ์ได้
  • TrevPAR (Total Revenue Per Available Room)
คือ รายได้รวมต่อห้องพักทั้งหมด ซึ่งคล้ายกับ RevPAR แต่ TrevPAR จะครอบคลุมรายได้ทั้งหมดรวมถึงห้องพัก อาหาร และบริการอื่นๆของที่พักหรือโรงแรม
วัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจถึงประสิทธิภาพของธุรกิจโดยรวม
คำนวณโดยการนำ รายได้รวม / จำนวนห้องพักทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น รายได้รวมของโรงแรม A ในหนึ่งวันคือ 15,000 ดอลลาร์ และโรงแรม A มี 110 ห้อง
TRevPAR จะคิดเป็น 15,000 / 110 หรือเท่ากับ 136 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ห้องพักแต่ละห้อง (ไม่ว่าจะมีคนอยู่หรือไม่ก็ตาม) จะสร้างรายได้รวม 136 ดอลลาร์ให้กับโรงแรม A ในวันนั้น
โดยปกติแล้ว TRevPAR จะบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ย อัตราการเข้าพัก หรือทั้งสองอย่าง ดังนั้นการที่ตัวชี้วัดนี้เพิ่มขึ้น จึงถือเป็นผลดีต่อธุรกิจ
  • GOPPAR (Gross Operating Profit Per Available Room)
เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ประเมินกำไรจากการดำเนินงานรวมต่อห้องพัก ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ควรจะติดตามเป็นประจำ เพื่อให้เราสามารถทราบถึงสถานภาพของธุรกิจโดยรวม เช่น รายได้และค่าใช้จ่าย เป็นต้น ซึ่งจะนิยมใช้ในการประเมินรายไตรมาสหรือรายปี
คำนวณโดยการนำ กำไรจากการดำเนินงานขั้นต้น (GOP) / จำนวนห้องพักทั้งหมด
GOP คือ การนำรายได้รวมซึ่งรวมถึงรายได้จากแหล่งอื่นๆ เช่น ห้องพัก อาหาร เครื่องดื่มและแหล่งอื่นๆ มาลบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด เช่น ค่าแรง ค่าสาธารณูปโภค ค่าบำรุงรักษา และอื่นๆ
ตัวอย่างเช่น หากโรงแรม A มีจำนวนห้อง 100 ห้อง และต้องการวัดค่าในช่วงเวลาหนึ่งปี
จะคิดได้ดังนี้ 100 ห้อง x 365 วันในหนึ่งปี = ห้องพัก 36,500 ห้องต่อปี
สมมุติรายได้รวมที่รวมถึงรายได้ค่าห้องพัก อาหารและเครื่องดื่ม ฯลฯ ของโรงแรม A เท่ากับ 6 ล้านดอลลาร์ และค่าใช้จ่ายรวมทั้งวัสดุสิ้นเปลืองและเงินเดือนพนักงาน ฯลฯ เท่ากับ 2.5 ล้านดอลลาร์
GOP ของโรงแรม A จะคิดเป็น 6,000,000 - 2,500,000 ซึ่งเท่ากับ 3,500,000
เมื่อได้ค่า GOP มาแล้วนำมาคำนวณเป็น GOPPAR ก็จะคิดเป็น 3,500,000 / 36,500 = 96 ดอลลาร์
ซึ่งหมายความว่า ในช่วงเวลาหนึ่งปีของโรงแรม A จะมีกำไรเฉลี่ยเท่ากับ 96 ดอลลาร์ ต่อห้องนั่นเอง
อีกทั้งระยะเวลาการเข้าพัก (LOS) และระยะเวลาการเข้าพักเฉลี่ย (ALOS) ก็เป็นอีกตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนมือใหม่พึ่งติดตามอย่างเป็นประจำ
และทำความเข้าใจ ปัจจัยที่ส่งเสริมตัวชี้วัดเหล่านั้นร่วมกับตัวชี้วัดที่กล่าวไว้ข้างต้น และที่ไม่ได้กล่าวในบทความนี้ซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ด้วยตนเอง
เพื่อให้เราตัดสินใจลงทุนในอุตสาหกรรมที่พักและโรงแรมได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา