26 เม.ย. เวลา 04:13 • นิยาย เรื่องสั้น

EP.3 ตายแล้วก็ฟื้นคืน

เมื่อสุดยอดอาวุธของเวนทูล่า แทงทะลุเข้าเนื้อหนังของปีศาจร้าย ไฟแห่งโทสะของผู้กระหายเลือด ก็เพิ่มมากเป็นทวี ความโกรธแค้น ส่งผลให้มันร้องคำรามออกมา เสียงร้องนั่นได้แผดดังสนั่นไปทั่ว แต่เพียงอึดใจเดียว ปากที่กว้างยาวของมัน ก็บังเกิดเปลวไฟ ที่ลอยพุ่งออกมา เปลวไฟนั่น ได้พุ่งตรงไปยังร่างของเวนทูล่า ที่กำลังบินลอยอยู่กลางอากาศ เเต่ความเป็นนักรบ เวนทูล่าได้เบี่ยงตัวหลบการจู่โจมนั้น ได้อย่างฉับไว
จิตใจแห่งความอาฆาต ทำให้อสรพิษร้าย ใช้เปลวเพลิงอันทรงพลัง จู่โจมบรรดาผู้พิทักษ์อย่างบ้าดีเดือด ไฟมรณะของจอมปีศาจ เป็นเหตุให้ฝ่ายพระเอก ต้องหลบไปทางนั้นทีทางนี้ที
"เจ้างูบ้านี่ มันไม่ธรรมดาจริงๆ เห็นที่คงจะโค่นมันลงยากซะแล้ว" เบนัสพูดขึ้นมาด้วยสีหน้า ที่เเสดงถึงความอับจนหนทาง ขณะที่กำลังยืนอยู่บนแท่นหิน
"แต่ข้าว่าเจ้านี่ จะต้องมีจุดอ่อน อยู่ตรงไหนซักที่" ถ้อยคำของประโยค ที่เกิร์สพูดขึ้น ถึงความเป็นไปได้ ที่จะนำพาปีศาจตนนี้ลงสู่ขุมนรก
ค๊ากกกกก!!!! เสียงร้องคำรามของงูใหญ่ร่างยักษ์ ได้ดังจนก้องกังวานไปทั่ว แต่ดูเหมือนว่าเสียงคำรามคราวนี้ จะดังมากกว่าครั้งไหนๆ แต่ในระหว่างที่มันกำลังส่งเสียงร้อง จู่ๆ ก็ได้มีลูกธนูดอกหนึ่ง พุ่งตรงเข้ามา ลูกธนูดอกนั้น ได้ปักเสียบเข้าที่ส่วนท้ายทอยของมัน มันร้องออกมา เพราะรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
ฝีมือการยิงที่แม่นยำ ราวกับจับวางนี้ ก็ไม่ใช่ของใครอื่น แต่เป็นผลงานการเล็งยิงของมาเดส มือธนูฝีมือชั้นเยี่ยมในกองทัพ เขาอาศัยช่วงที่เจ้างูร้าย กำลังเผลอขู่ร้อง หวดยิงลูกธนูตรงไปยังร่างของมัน
มาเดสเล็งคันธนูไปยังร่างสีดำทมิฬ โดยหมายจะยิงให้เข้าไปยังเนื้อหนังของมัน ด้วยลูกธนูอีก 1 ดอก แต่ตอนที่มือของเขา กำลังจะปล่อยลูกธนู ออกจากคันศร ที่กลางลำตัวของเขา ก็ถูกปลายหางของงูนรก ฟาดเข้าใส่อย่างแรง ร่างที่ใหญ่และกำยำของเขา ได้ลอยไปกระแทกเข้ากับโขดหิน ที่อยู่ห่างจากตัวของเขา ในระยะเพียงไม่กี่เมตร
บรรดาผู้นำดินแดน ยังคงจู่โจมอสรพิษร้ายกันแบบไม่คณามือ พวกเขาหมายจะปลิดชีวีของปีศาจตนนี้ให้ดับสูญ แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง เพราะไม่ว่าจะโจมตีมันด้วยอีท่าไหน หรือว่าในรูปแบบใด อาวุธอันทรงพลัง ก็ไม่อาจส่งสัตว์ร้ายผู้กระหายหิว ลงสู่หุบเหวแห่งนรก ได้เลยแม้แต่น้อย
แต่เสี้ยววินาทีหนึ่ง นัยตาอันเฉียบคมของเกิร์ส ก็เหลือบไปเห็นลูกธนูของมาเดส ที่เสียบปักอยู่บนท้ายทอยของงูตัวร้าย และแล้วภาพตอนที่ลูกศรเสียบทะลุ ลงบนร่างของมารใจอำมหิต แล้วมันก็แสดงความเจ็บปวด ออกมาให้เห็นเล็กน้อย ก็ได้เเล่นเข้ามาในความคิดของเกิร์ส แบบที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว และนั่นก็พอจะทำให้เขาเดาได้ว่าจุดอ่อนของเจ้าวายร้ายนี่ น่าจะอยู่ที่ศีรษะหรือไม่ก็บริเวณท้ายทอยแน่ๆ
"นี่พวกเจ้าพยายามโจมตีเข้าที่ส่วนหัว หรือไม่ก็ตรงบริเวณท้ายทอยของมันนะ ข้าว่า..." เกิร์สตีลังกากลางอากาศไป 1 ครั้ง เพื่อหลบลูกไฟของจอมเขมือบ ที่พุ่งตรงเข้ามา "ข้าว่าตรงนั้นจะต้องเป็นจุดอ่อนของมันแน่ๆ" เกิร์สได้พูดต่อจนจบประโยค
ฉึก!!! เสียงของลูกศร ที่หลุดออกจากคันศรของมือธนู ได้แทงทะลุ เข้าที่กลางลำคอของจอมวายร้ายอย่างจัง และมันก็ได้ร้องครวญคราง ด้วยความเจ็บปวด แต่มันก็ยังคงมีลมหายใจอยู่ เสียงครวญครางที่มันร้องออกมา ทำให้บรรดามือสังหาร ต่างพากันรู้ว่าจุดอ่อนของหมอนี่ มันอยู่ตรงนี้นี่เอง
"อ๋อ ที่แท้จุดอ่อนของเจ้านี่ ก็อยู่ตรงนั้นนี่เอง เล่นทำเอาซะพวกข้าแทบแย่" เบนัสพูดพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย ที่มุมปาก ทันทีที่เบนัสพูดจบ ไฟแห่งความพินาศของจอมปีศาจ ได้พุ่งเข้าใส่ฝ่ายพระเอกของเราอีกครั้ง แต่เปลวไฟในรอบนี้ กลับมีขนาดใหญ่ขึ้น และรุนแรงมากกว่าเดิม ฝ่ายตัวเอกผู้พิทักษ์ ก็พากันหลบเปลวเพลิงบ้าๆ นั่น หลบไปทางโน้นทีทางนี้ที ส่วนจอมปีศาจ มันได้พ่นเปลวเพลิง ใส่ศัตรูคู่อริอย่างบ้าคลั่ง ทำให้พื้นที่ตามแนวชายฝั่งทะเล ล้วนอาบท้วมไปด้วยไฟที่ลุกโชน
"เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะปีศาจชั่ว ค่ำคืนนี้คือวันตายของเจ้า" เกิร์สตะโกนออกมา ด้วยใจที่เอ่อล้นด้วยความหวัง ขณะที่ร่างกายยังคงหลบไปซ้ายทีขวาที
แต่แล้วความซวยก็มาเยือน ปีศาจผู้อำมหิต มันนำพาร่างที่น่าขยะแขยง เลื้อยตรงไปยังเขตป่าอาบัสเนีย มันคือบ้านที่พวกสัตว์ในดินแดน ใช้เป็นที่อยู่อาศัยและหลับนอน ซึ่งอยู่ห่างจากริมทะเลไปแค้ไม่กี่ก้าว
"พวกเรารีบไปดักหน้ามันเอาไว้" เกิร์สตะโกนออกมาอย่างลนลาน ต่อความซวยที่บังเกิดขึ้น เหล่านักรบรีบเข้าไปดักหน้าของปีศาจร้ายเอาไว้ โดยใช้ฝีเท้าวิ่งกันแบบสับตีนแตก ปากของงูร้ายร่างดำทมิฬได้อ้ากว้าง มันคิดที่จะพ่นไฟออกมา เพื่อเผาทำลายป่าทั้งผืนให้วอดวาย
ฉับ!!! จู่ๆ ที่กลางศีรษะของมัน ก็ถูกแทงด้วยดาบสีเงินวาล์วเล่มหนึ่ง ที่พุ่งลอยเข้ามา และนั่นก็เป็นดาบของเกิร์ส เขาปาดาบในมือ ไปยังร่างของอสูรชั่ว ในขณะที่มันกำลังชูคอแผ่แม่เบี้ย
ฉึก ฉึก ฉึก!!! เสี้ยววินาทีเดียว ที่กลางลำคอของตัวโกง ยังถูกลูกศรอีก 3 ดอก แทงทะลุเข้าไปแบบเต็มๆ แถมยังเป็นลูกดอกอาบยาพิษซะด้วย โอ้!!! ซวยซ้ำซวยซ้อน
เมื่อจุดอ่อนของงูตัวร้าย ถูกอาวุธอันทรงพลัง โจมตีซะเละขนาดนั้น เสียงแห่งความเจ็บปวด ก็ได้ดังออกมาจากลำคอของมัน ร่างสีดำสนิทของจอมมาร ได้ดิ้นไปดิ้นมา ด้วยความทรมาน แต่เวนทูล่าอาศัยวินาทีอันเหมาะเจาะ ก้าวเท้าวิ่งเข้าไป พร้อมกับในมือที่ถือสามง่าม พอวิ่งมาในระยะประชิดกับร่างของงูใหญ่ เขาก็รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมด แทงสามง่ามเข้าที่บริเวณปากของสัตว์ร้าย ในขณะที่ร่างของมัน กำลังดิ้นไปมา เพราะความเจ็บปวด
"ไปสู่สุคติซะเถอะนะ เจ้างูบัดซบ" เวนทูล่ากล่าวคำเยาะเย้ย พร้อมกับถอนหายใจยาว ก่อนจะดึงสามง่าม ออกจากร่างที่อาบไปด้วยเลือด
เกิร์สที่ยืนอยู่ข้างๆเบนัส เขาก็ไม่รีรอ เขาได้ง้างดาบและฟันเข้าที่ศีรษะของปีศาจผู้กระหายหิว ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
เมื่อจุดอ่อนสำคัญถูกทำลาย ด้วยดาบที่ตัดก้อนหินให้ขาดได้ ชีวิตของศัตรูคู่อาฆาต ก็เป็นอันต้องเด๊ดสะมอเร่ลง ร่างที่ใหญ่ยักษ์ได้นอนแน่นิ่ง และไม่ขยับไหวติง เกิร์สเก็บดาบเอาไว้ในฝัก และถอนหายใจยาว
"จบกันสักทีกับเจ้าบ้านี่" เกิร์สพูดและถอนหายใจยาวอีกรอบ ด้วยจิตใจที่โล่งอก เหมือนภูเขาทั้งลูกได้ถูกยกออก จากนั้นเขาก็เอนตัวนั่งลงกับพื้น
"ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่กว่าจะฆ่ามันลงได้ เล่นเอาซะแทบแย่ เจ้านี่มันฤทธิ์เยอะไม่ใช่เล่น" เบนัสเอ่ยขึ้น ด้วยสีหน้าที่ดูซีดเซียว สภาพของเขาตอนนี้ ไม่ต่างไปจากคนที่หมดแรง เขาค่อยๆ เอนร่างที่เหนื่อยอ่อน นั่งลงที่ข้างๆเกิร์ส
"ว่าเเต่เจ้างูบ้าพวกนี้ มันมาจากไหนกัน ข้าเองก็อยู่ที่นี่มาช้านาน ก็ยังไม่เคยเห็นว่าจะมีงูที่ไหนบุกเข้ามาในดินแดน ข้าอยากจะรู้นักว่าใครกันที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องบ้าๆ พวกนี้" มาเดสพูดอย่างสงสัย พร้อมกับใช้นิ้วชี้เกาเข้าที่คาง
"ข้าก็คิดไม่ต่างกับเจ้าหรอกมาเดส ข้าว่ามันชักจะมีอะไรแบบไม่ชอบมาพากล" เกิร์สแสดงความสงสัยผ่านทางสีหน้า ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแบบปริศนา
"แต่ข้าว่าพวกเรากลับไปทางเหนือกันก่อนดีกว่า เพราะภารกิจทางนี้ของเราก็สำเร็จแล้ว เจ้างูเถื่อนนี่มันก็เด๊ดสะมอเร่ ไปชดใช้กรรมในนรกแล้ว ข้าว่าถึงเวลาที่เราจะต้องกลับกันได้แล้ว" เวนทูล่าที่กำลังเอนกายนอนอยู่ที่ริมชายหาด ได้บอกแก่พรรคพวกด้วยน้ำเสียงที่ดูเหน็ดเหนื่อย
"แล้วจะทำยังไงกับร่างของเจ้างูโสโครกนี่ จะปล่อยทิ้งไว้แบบนี้หรือ?" เบนัสตั้งคำถาม พร้อมสบสายตาจ้องไปยังร่างที่ปราศจากวิญญาณ ที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด
"ก็คงจะต้องปล่อยให้ร่างของมันย่อยสลาย เหลือแต่โครงกระดูก ไปตามกาลเวลา เพราะเจ้านี่มันเป็นงูธาตุไฟ ข้าว่าเนื้อหนังของมันน่าจะไม่ติดไฟ คงต้องปล่อยเอาไว้แบบนี้แหละ แต่ข้าว่าได้เวลาแล้วที่เราจะต้องกลับไปหาพวกพ้องเราสักที ป่านนี้พวกเขาคงจะเป็นห่วงเราแทบแย่"
"ดะ.....เดี๋ยว พวกเราดูนั่น" มาเดสพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังทางทิศเหนือของผืนฟ้า เหล่าผู้พิทักษ์ต่างรีบแหงนหน้าขึ้นไปมอง ตามที่มาเดสได้ชี้นิ้วบอก และสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาทุกคู่ มันคือร่างๆ หนึ่งที่มีปีกยาวสลวย ร่างๆนั้นได้บินมายังเหล่านักรบผู้กล้า พอร่างที่กำลังกระพือปีกบินเข้ามาใกล้ ในระดับที่แววตาแต่ละคู่ สามารถมองเห็นได้ถนัด สิ่งๆนั้นได้ทำให้พวกเขา อดที่จะแปลกใจไม่ได้
"นั่นมันบีเอล น้องชายของบาเอลนี่ แล้วนั่นนายท่านเค้ามาทำอะไรที่นี่ ปกติเขาจะต้องคอยเฝ้ารักษาการณ์อยู่ทางตอนเหนือกับบาเอล พี่ชายของเขาไม่ใช่รึ?" สิ่งที่ถูกถามขึ้น จากเบนัส นักขี้สงสัยในแก๊ง
เพียงแค่วูบเดียว เรือนร่างสีขาวอันสง่างามของบีเอล ก็สัมผัสลงสู่พื้นดิน "นี่พวกท่านทั้งหลาย ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว" บีเอลแสดงสีหน้า และท่าทางที่ดูรุกลี้รุกรน
"ใจเย็นๆ ตั้งสติ แล้วค่อยๆ พูดน้องชายข้า" เกิร์สย่างเท้าเดินเข้าไปหา แล้วใช้มือซ้าย ค่อยๆ ตบลงบนไหล่ของเบนัสแบบช้าๆ
"ก็ทางเหนือหนะสิ ได้มีฝูงมังกรไฟบุกเข้ามา ตอนที่ข้ากับพี่ข้า กำลังเฝ้าระวังภัยกันอยู่ที่ชายแดน แล้วจู่ๆ มังกรบ้าพวกนั้น มันก็ยกโขยงแห่กันบุกเข้ามา แล้วช่วงที่พวกข้ากับพวกทหาร ต่อสู้ตั้งรับกับพวกมัน พี่ชายข้าเลยใช้ให้ข้า นำเรื่องนี้มาบอกกับพวกท่าน" บีเอลเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ภายใต้จิตใจ ที่แฝงไว้ด้วยความร้อนรน
"ฮ่ะ!!! นี่ท่านว่าอะไรนะ นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหมเนี่ยพวกมังกรบุกเข้ามางั้นรึ โอ้แม่เจ้า" เบนัสกล่าวอุทาน และทำสีหน้าที่ดูตกใจ
"เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอกเบนัส เจ้าเองก็น่าจะรู้เกี่ยวกับพวกมันดี พวกมันเป็นสัตว์ร้าย ที่กระหายในทองคำ พวกมันถึงได้ไล่ยึดเอาดินแดน ไปทั่วทุกแห่งหน เพื่อที่จะได้ครอบครองทองคำพวกนั้น” ขณะที่เล่าเรื่องราวของสัตว์ร้าย เกิร์สก็มีแววตา ที่ดูกังวล อย่างเห็นได้ชัด
"สงสัยดินแดนพวกนั้น คงจะถูกพวกมันยึดเอาไว้หมดแล้ว เวสอาเนียคงจะเป็นแห่งสุดท้าย ที่พวกมันเล็งเอาไว้" เวนทูล่าขมวดคิ้ว บวกกับความเครียด ที่ประเดประดังเข้ามา
"แล้วไม่ใช่แค่นั้นนะ ในกองกำลังของพวกมัน ยังมีพวกงูยักษ์ ที่คอยติดตามพวกมันมาด้วย ข้าว่างูพวกนั้นคงจะเป็นลูกสมุนของพวกมัน"
“อะไรนะบีเอล มีงูยักษ์ด้วยงั้นรึ? ข้าว่าจะต้องเป็นงูฝูงเดียวกับที่ถูกพวกเราล้างบางลงแน่ๆ พวกมันคงวางแผนบุกเข้ามาแบบเงียบๆ เพราะทางใต้ไม่มีใครประจำการ และไม่ว่าที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น ก็จะไม่มีใครล่วงรู้ แล้วงูพวกนั้น มันคงจะกินเนื้อเป็นอาหาร แล้วที่นี่คงเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของพวกมัน พวกมังกรมันเลยส่งลูกสมุนลุกล้ำเข้ามา" เกิร์สคาดเดาถึงเหตุการณ์ ที่กำลังเกิดขึ้น
"พูดง่ายๆ ก็คือมันต้องการเล่นตลบหลังเรา โดยไม่ให้พวกเรารู้ตัว นี่มันเป็นวิธีของหมาลอบกัดชัดๆ แต่ข้าสงสัยนะ แล้วพวกมันรู้ได้ไงว่าทางใต้ไร้ผู้ประจำการ แล้วที่ข้าสงสัยกว่านั้น คือพวกมันรู้ได้ยังไงว่าที่นี่เป็นที่ที่พวกสรรพสัตว์เขาอยู่กัน ข้าว่ามันจะต้องมีใครในดินแดน แอบคาบเอาเรื่องนี้ไปบอกกับพวกมัน แน่ๆ" เบนัสพูดระบายความสงสัยออกมา อย่างโกรธเคือง เพราะเขาอดคิดไม่ได้ว่าจะมีผู้ที่คิดคตทรยศ ต่อแผ่นดิน
"อ่าวเฮ้ย!!! นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ไหนว่าร่างของมันไม่ติดไฟ แล้วนี่มัน....? มาเดสที่ยืนอยู่ห่างๆ จากกลุ่มเพียงไม่กี่ก้าว ได้ร้องแหกปากซะดังลั่น เพราะความตกใจ เมื่อทุกสายตาตวัดหันไปมอง ก็พบเข้ากับเปลวไฟ ที่กำลังลุกไหม้ลามไปตามร่างอันไร้วิญญาณของปีศาจร้าย เปลวไฟนั่นได้กลายเป็นกองเพลิงขนาดใหญ่ ที่ปะปนไปด้วยควันสีดำ ที่ลอยขึ้นไปสู่ผืนฟ้า เพียงแค่วูบเดียว จู่ๆ จากร่างที่ไม่มีวิญญาณ ทั้งหัวและลำตัวที่ทอดยาว ก็กระดุกกระดิก และขยับไปไปมา ในสภาพที่เรือนร่างถูกครอก ไว้ด้วยไฟแห่งความตาย
"อะ...อะไรเนี่ย อยู่ดีๆ ร่างของมันก็เกิดขยับ อย่าบอกนะว่า... " ปากของเวนทูล่าหยุดชะงักพูดไปชั่วขณะ สายตาของเขาเบิกกว้างไปกับเหตุการณ์ ที่เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ เพราะจู่ๆ สัตว์ร้าย มันได้เอนกายขึ้นมา พร้อมกับแผ่แม่เบี้ย เพียงชั่วพริบตาเดียว ไฟที่กำลังลุกลามไปทั่วร่างของมัน ก็มลายหายไป เหลือให้เห็นแต่เพียงร่างที่ดำสนิท และดวงตาสีเลือด เหตุการณ์อันน่าสะพรึงนี้ เล่นเอาทำจิตใจของเหล่าผู้พิทักษ์ ร่วงหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
โฆษณา