8 พ.ค. เวลา 12:44 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 114

เหตุเกิดที่เติงโจว (1) อสรพิษสองหัว แมงป่องสองหาง
ริมฝั่งทะเลตงไห่ 东海 เป็นที่ตั้งของเมืองเติงโจว 登州 นอกเมืองเติงโจวมีเขาลูกหนึ่งมักมีสัตว์ร้ายพวกเสือสางสุนัขป่าหมาไนออกทำร้ายชาวบ้านอยู่เนืองๆ เจ้าเมืองเติงโจวจึงเรียกประชุมเหล่าพรานทั้งหลายในเมือง ออกหนังสือกำหนดโทษโบย 杖限文书 (เอกสารราชการโบราณออกคำสั่งจำกัดเวลาให้ปฏิบัติภารกิจ หากพ้นกำหนดยังไม่บรรลุจักต้องโทษโบย) ให้เหล่าพรานจับเสือร้ายตัวหนึ่งบนเขาเติงโจว 登州山 และสั่งการให้เหล่าผู้ใหญ่บ้าน 里正 โดยรอบเขาต้องรับผิดชอบด้วย หากพ้นกำหนดยังไม่อาจบรรลุภารกิจ จะมีโทษหนักไม่มีละเว้น
1
บนเขาเติงโจวมีครอบครัวพี่น้องพรานป่าคู่หนึ่ง คนพี่ชื่อเซี่ยเจิน 解珍 คนน้องชื่อเซี่ยเป่า 解宝 ทั้งสองใช้สามง่ามเหล็กเป็นอาวุธ มีทักษะการต่อสู้อันยอดเยี่ยม เหล่านายพรานในเมืองต่างยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่ง
เซี่ยเจินมีฉายาว่า อสรพิษสองหัว 两头蛇 ส่วนเซี่ยเป่ามีฉายาว่า แมงป่องสองหาง 双尾蝎 บิดามารดาเสียไปแล้ว และทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงาน เซี่ยเจินผู้พี่กายสูงกว่าเจ็ดฉื่อ ใบหน้าแดงปลั่ง เอวคอดไหล่กว้าง เซี่ยเป่าผู้น้องน่าเกรงขามยิ่งกว่า กายสูงกว่าเจ็ดฉื่อเช่นกัน ใบหน้ากลมตัวดำ สองขาสักลายยักษาเหินฟ้า ยามอารมณ์เสีย โลกธาตุหวั่นไหว สะเทือนฟ้าดิน
世本登州猎户,生来骁勇英豪。
穿山越岭健如猱,麋鹿见时惊倒。
手执莲花铁镗,腰悬蒲叶尖刀。
豹皮裙子虎筋绦,解氏二难年少。
ถือกำเนิดเติงโจวเป็นพรานป่า
กิริยาองอาจกล้าหาญ
ขึ้นเขาเข้าป่าวานรปาน
เก้งกวางพานพบตระหนกทรุด
ใช้ตรีศูลสัณฐานบัวละม้าย
เอวสะพายมีดใบกกเป็นอาวุธ
ห่มเสือดาวเอ็นเสือมัดกันหลุด
สองบุรุษหนุ่มทระนงสกุลเซี่ย
(莲花铁镗 ตรีศูล หรือสามง่าม มีสองง่ามด้านนอกโค้งดูคล้ายบัวตูม)
สองพี่น้องรับคำสั่งจากทางการแล้ว กลับถึงบ้านเตรียมหน้าไม้ยางน่อง สวมกางเกงหนังเสือดาว หนังเสือโคร่งสวมหัวคลุมท่อนบน ถือสามง่ามขึ้นเขาเติงโจว หาจุดเหมาะวางหน้าไม้ไว้ซ่อนยิง ขึ้นต้นไม้รออยู่ตลอดวัน เสือไม่ผ่านมาจึงลงมาเก็บหน้าไม้กลับบ้าน
วันรุ่งขึ้นนำอาหารแห้งติดตัวกลับขึ้นไป พอฟ้าใกล้ค่ำวางหน้าไม้ขี้นต้นไม้ซุ่มแบบเดิมอยู่จนกระทั่งยามห้า ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงย้ายหน้าไม้ไปวางที่ฟากตะวันตกของภูเขาบ้าง รอจนกระทั่งฟ้าสางก็ยังไม่มีอะไร ทั้งคู่เริ่มกระวนกระวาย คุยกันว่า “กำหนดเวลาไว้เพียงสามวันให้จับเสือ หากพ้นกำหนดจะถูกลงโทษ จะทำอย่างไรดี”
คืนที่สาม ทั้งสองมาซุ่มรออีกจนถึงยามสี่เริ่มเพลียจึงหันหลังชนกันตั้งท่าจะงีบ ยังไม่ทันหลับตาลงก็ได้ยินเสียงหน้าไม้ลั่น จึงฉวยสามง่ามพากันไปดูเห็นเสือถูกศรยางน่องกลิ้งอยู่กับพื้น เสือเห็นคนใกล้เข้ามาก็ลุกขึ้นวิ่งหนี ทั้งสองไล่กวดไม่ทันข้ามเขา ยาพิษออกฤทธิ์ เสือคำรามได้ครั้งหนึ่งก็กลิ้งหลุนๆ ตกเขาไป
เซี่ยเป่าว่า “ดี ข้าจำได้ว่าตรงนี้เป็นสวนหลังบ้านของเหมาไท่กง 毛太公 พวกเราไปรับเสือที่บ้านเขากัน”
สองพี่น้องถือสามง่ามลงเขามาเคาะประตูบ้านเหมาไท่กง ขณะนั้นฟ้าเพิ่งเริ่มสาง บ่าวในบ้านจึงไปแจ้งแก่เหมาไท่กง เป็นพักใหญ่ เหมาไท่กงจึงออกมาพบ
เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าวางสามง่ามลง ขานคารวะแล้วว่า “ท่านลุง ไม่ได้พบกันนาน วันนี้จำต้องมารบกวน”
เหมาไท่กงว่า “หลานเรามาแต่เช้า มีอะไรหรือ”
เซี่ยเจินว่า “หากไม่มีเรื่องคงไม่กล้ารบกวนเวลานอนของท่านลุง แต่ตอนนี้ผู้หลานได้รับหนังสือกำหนดโทษให้จับเสือ พวกเรารอกันมาแล้วสามวัน วันนี้ยามห้ายิงได้ตัวหนึ่ง มิคาดกลับกลิ้งตกหลังเขาลงมายังสวนของท่านลุง จึงใคร่รบกวนขอผ่านทางไปเก็บเสือ”
เหมาไท่กงว่า “ไม่เป็นไร ถ้าตกลงมาอยู่ในสวนบ้านข้า ท่านทั้งสองนั่งก่อน คงหิวกันแล้ว กินข้าวเช้าแล้วค่อยไปเอาเสือ” แล้วสั่งให้บ่าวในบ้านจัดอาหารเช้ามาให้
พอทานเสร็จ เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าก็กล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านลุง รบกวนช่วยนำทางไปเก็บเสือคืนให้ผู้หลาน”
เหมาไท่กงว่า “อยู่หลังบ้านข้า จะกลัวอะไร ดื่มน้ำชากันก่อนแล้วค่อยไปเก็บยังไม่สาย”
ทั้งสองไม่กล้าขัด จึงจำนั่งลงดื่มน้ำชา
พอดื่มเสร็จ เหมาไท่กงจึงว่า “ทีนี้หลานเราก็ไปเก็บเสือได้แล้ว”
“ขอบพระคุณ ท่านลุง”
1
เหมาไท่กงนำทั้งสองไปหลังบ้าน บอกให้บ่าวไขกุญแจประตูสวน แต่กุญแจกี่ดอกต่อกี่ดอกก็ไขไม่ได้
เหมาไท่กงว่า “สวนนี้ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว กุญแจคงเป็นสนิมจึงไขไม่ได้ ไปเอาค้อนเหล็กมาทุบเข้าไป”
บ่าวจึงไปนำค้อนเหล็กมาทุบกุญแจทิ้ง เปิดประตูเข้าไปเดินเลียบเขาหาดูไม่เห็นมีเสือ เหมาไท่กงว่า “หลานเรา เจ้าสองคนจำผิดละมัง หรือดูไม่ละเอียด อาจจะไม่ใช่ตกลงมาในสวนบ้านข้า”
เซี่ยเจินว่า “เราสองคนจะดูผิดได้อย่างไร โตมาที่นี่ ทำไมจะจำไม่ได้”
เหมาไท่กงว่า “เจ้าก็หาเอาเอง ถ้าเจอก็แบกเอาไป”
เซี่ยเป่าว่า “พี่ มาดูนี่สิ หญ้าตรงนี้ราบเป็นแถบ และมีคราบเลือด ทำไมว่าไม่อยู่ที่นี่ ท่านลุงคงให้บ่าวแบกไปไหนแล้ว”
เหมาไท่กงว่า “อย่ามาพูดอย่างนี้ คนในบ้านข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามีเสือตกลงมาแล้วแบกหนีไป เจ้าก็เห็นว่าเพิ่งทุบกุญแจแล้วเข้ามาหาพร้อมกันอยู่นี่ มาพูดเช่นนี้ได้อย่างไร”
เซี่ยเจินว่า “ท่านลุง ท่านควรจะคืนเสือมาให้พวกข้านำไปส่งทางการ”
เหมาไท่กงว่า “เจ้าสองคนนี่ไม่มีเหตุผล ข้าหวังดีเลี้ยงข้าวเช้าพวกเจ้า กลับมากล่าวหาข้าขโมยเสือ”
เซี่ยเป่าว่า “กล่าวหาอย่างไร บ้านท่านก็เป็นเจิ้งหลี่ 正里 (ผู้ใหญ่บ้าน) ได้รับหนังสือกำหนดโทษจากทางการมาเช่นกัน จึงแอบอ้างเอาผลงานของพวกเราไปเป็นของตัว ปล่อยให้พวกเราต้องรับโทษโบย”
เหมาไท่กงว่า “เจ้ารับโทษโบยเกี่ยวอะไรกับข้า”
เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าถลึงตากล่าวว่า “ท่านกล้าให้พวกเราค้นไหมเล่า”
เหมาไท่กงว่า “บ้านข้าไม่เหมือนบ้านเจ้า มีระเบียบบ้านอยู่ เจ้าขอทานสองคนนี่ไม่ทีมารยาท”
เซี่ยเป่าชิงเข้าไปหาในห้องโถงหน้าแต่ไม่เห็น โทสะพลุ่งทำลายข้าวของ เซี่ยเจินก็พังรั้วเข้าไปในโถงหน้า เหมาไท่กงจึงตะโกนว่า “เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า ชิงทรัพย์กลางวันแสกๆ”
สองพี่น้องพังโต๊ะเก้าอี้ในห้องโถงแล้วเห็นพวกบ่าวไพร่เตรียมพร้อมรับมือพวกตนอยู่จึงเดินออกประตูมา ชี้กลับไปด่าว่า “เจ้าโกงเสือข้า ข้าจะฟ้องทางการ”
解氏深机捕获,毛家巧计牢笼。
当日因争一虎,后来引起双龙。
สกุลเซี่ยวางกลจับเสือร้าย
บ้านเหมาเจ้าอุบายวางกับดัก
ในวันนั้นแย่งชิงหนึ่งพยัคฆ์
วันหลังจักกำเนิดสองมังกร
ขณะยืนด่าอยู่นั้น มีคนขี่ม้ามาถึงหน้าบ้านสามคน มีเจ้าพนักงานของเมืองติดตามมาด้วย เซี่ยเจินจำได้ว่าเป็นบุตรชายของเหมาไท่กงชื่อว่า เหมาจ้งยี่ 毛仲义 จึงบอกไปว่า
“บ่าวในบ้านท่านเอาเสือของพวกเราไป พ่อของท่านก็ไม่ยอมคืนมาให้ กลับมาไล่ตีพวกข้าสองพี่น้อง”
เหมาจ้งยี่ว่า “พวกบ้านนอกนี่ไม่รู้ความ พ่อข้าคงถูกพวกนั้นตบตาเอา ท่านทั้งสองอย่าเพิ่งโมโห ตามข้าเข้าไปในบ้านก่อน เดี๋ยวข้าเอาเสือมาคืนให้”
เซี่ยเจิน เซี่ยเป่ากล่าวขอบคุณ
เหมาจ้งยี่เรียกให้เปิดประตูแล้วให้เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าเข้าบ้านไป พอทั้งสองเข้ามาแล้ว ก็สั่งให้ปิดประตูบ้านแล้วตวาดลั่น “ลงมือ”
บ่าวไพร่ในบ้านโผล่ออกมาจากสองฝั่งระเบียงยี่สิบกว่าคนสมทบกับเจ้าพนักงานที่มาด้วยกรูกันเข้าจับเซี่ยเจิน เซี่ยเป่า สองพี่น้องรับมือไม่ไหวจึงถูกจับมัด
เหมาจ้งยี่ว่า “เมื่อคืนนี้ทางบ้านข้าเองยิงเสือได้ตัวหนึ่ง อยู่ๆ จะมาชุบมือเปิบจะได้หรือ แล้วที่มาทุบทำลายข้าวของเสียหายจะว่าอย่างไร จับส่งทางการเสียนับว่าเป็นการกำจัดเภทภัยให้กับเมืองนี้”
ที่แท้เมื่อยามห้า ขณะที่เซี่ยเจิน เซี่ยเป่ามาขอเก็บศพเสือ เหมาจ้งยี่ได้นำเสือที่ตกเขามาไปส่งให้ทางการแล้ว และยังพาเจ้าพนักงานกลับมาจับตัวเซี่ยเจิน เซี่ยเป่าด้วย สองพี่น้องไม่ทันรู้จึงหลงกล เหมาไท่กงนำสามง่ามของทั้งสองและข้าวของที่ถูกทุบเสียหายรวบรวมเป็นของกลาง จับสองพี่น้องถอดเสื้อผ้าออกมัดมือไขว้หลัง นำไปส่งยังที่ว่าการ
ข่งมู่ (ตุลาการ) เมืองนี้ชื่อ หวางเจิ้ง 王正 เป็นลูกเขยของเหมาไท่กงปั้นเรื่องรายงานท่านเจ้าเมืองไว้ก่อนแล้ว เมื่อสองพี่น้องถูกนำตัวส่งมาถึงที่ว่าการ จึงไม่ไต่สวนอะไรมาก ให้โบยถามให้รับสารภาพ ทั้งสองทนไม่ได้จึงยอมรับตามที่กล่าวหาว่าอ้างเป็นผู้ยิงเสือ และถือสามง่ามบุกรุกหมายชิงทรัพย์ เจ้าเมืองจึงสั่งให้ใส่คาหนักยี่สิบห้าชั่ง นำตัวไปขังคุกมหันตโทษ
พอกลับถึงบ้าน เหมาไท่กงกับเหมาจ้งยี่หารือกันแล้วเห็นตรงกันว่า “สองคนนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ ควรกำจัดเสียจะได้ไม่เป็นภัยในภายหลัง”
จึงกลับมายังที่ว่าการกำชับกับข่งมู่หวางเจิ้งว่า “ช่วยพวกข้าขุดรากถอนโคนเสีย ส่วนเรื่องทางเจ้าเมือง ข้าจะวิ่งเต้นติดสินบนเอง”
ทางด้านเซี่ยเจิน เซี่ยเป่าถูกนำตัวมายังคุก พัศดีชื่อเปาจี๋ 包吉 ได้รับสินบนมาจากเหมาไท่กง และรับคำสั่งมาจากหวางข่งมู่แล้ว ตอนรับตัวนักโทษจึงตะคอกถามว่า “เจ้าสองคนนี่น่ะหรือ อสรพิษสองหัว แมงป่องสองหาง”
เซี่ยเจินว่า “แม้เขาจะให้ฉายาพวกข้าฟังดูดุร้าย แต่พวกเราไม่เคยทำร้ายใคร”
เปาจี๋ว่า “พวกเจ้าเดรัจฉาน ตกอยู่ในมือข้า ข้าจะกุดหัวงูให้เหลือหัวเดียว แมงป่องเหลือหางเดียวเสียก่อน เอาตัวไปขังไว้”
พัศดีน้อยนำตัวทั้งสองไปจำขัง พอเห็นว่าไม่มีคนจึงว่า “ท่านทั้งสองจำข้าได้หรือไม่ ข้าคือน้องเมียของพี่ชายพวกท่าน”
เซี่ยเจินว่า “พวกข้าเป็นพี่น้องกันอยู่แค่สองคนนี่ ไม่มีพี่ชายที่ว่า”
พัศดีน้อยว่า “ท่านทั้งสองคงเป็นน้องชายของซุนถีเสีย 孙提辖”
เซี่ยเจินว่า “ซุนถีเสียเป็นพี่ชายของพี่เขยพวกเราแต่พวกข้าไม่เคยเห็นท่าน ท่านคงเป็นท่านน้าเยว่เหอ 乐和”
พัศดีน้อยว่า “ถูกต้อง ข้าแซ่เยว่ ชื่อเหอ เป็นชาวเมืองเหมาโจว 茅州 ย้ายตามปู่มาอยู่เมืองนี้ พี่สาวได้แต่งงานเป็นภรรยาซุนถีเสีย ตัวข้าเองรับราชการอยู่เมืองนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ คนเห็นข้าร้องเพลงดี เลยให้ฉายานกหวีดเหล็กเยว่เหอ 铁叫子乐和 พี่เขยเห็นข้าพอมีทักษะการต่อสู้ดี จึงสอนเพลงทวนให้หลายกระบวน”
玲珑心地衣冠整,俊俏肝肠语话清。
能唱人称铁叫子,乐和聪慧自天生。
บุคลิกปราดเปรียวแต่งกายเท่
มีเสน่ห์อารมณ์ดีพาทีคล่อง
นกหวีดเหล็กเชี่ยวชาญการขับร้อง
พื้นเพของเยว่เหอนั้นหลักแหลม
เยว่เหอผู้นี้เป็นคนฉลาดหัวไว เครื่องดนตรีชนิดใดได้ฝึกหน่อยก็เล่นได้ งานการเสมอต้นเสมอปลาย รักฝึกเพลงอาวุธดังเสพติดของหวาน เห็นเซี่ยเจิน เซี่ยเป่าโดนรังแกก็อยากช่วย
有心要救他,只是单丝不成线,
孤掌岂能鸣,只报得他一个信
มีใจช่วยแท้เทียว
ด้ายใยเดียวใช่เชือกไม่
มือเดียวตบดังไฉน
ได้แต่ช่วยเขาส่งข่าว
เยว่เหอว่า “มีเรื่องต้องบอกให้ท่านทั้งสองรู้ ตอนนี้พัศดีเปารับทรัพย์จากเหมาไท่กง คงคิดร้ายหมายชีวิตท่านทั้งสองแน่ พวกท่านจะทำอย่างไร”
เซี่ยเจินว่า “ท่านไม่พูดถึงซุนถีเสียก็แล้วไป แต่พอพูดขึ้นมา ข้าใคร่วานท่านให้ช่วยส่งหนังสือสักฉบับ”
เยว่เหอถามว่า “ท่านจะให้ข้าส่งหนังสือถึงใคร”
เซี่ยเจินว่า “ข้ามีพี่สาวคนหนึ่ง บิดาข้ายกนางให้แต่งงานกับน้องชายของซุนถีเสีย อาศัยอยู่นอกเมืองทางประตูตะวันออกตรงหลักสิบลี้ นางเป็นบุตรสาวของอาหญิงของข้าเรียกกันว่า แม่เสือกู้ต้าเส่า 母大虫顾大嫂 นางเปิดร้านอาหาร โรงฆ่าสัตว์และเปิดบ่อน ฝีมือดี คนสามสิบคนก็เข้าใกล้ตัวนางไม่ได้ พี่เขยข้าซุนซิน 孙新 ยังสู้นางไม่ได้
พี่สาวคนนี้สนิทกับเราสองพี่น้อง อาหญิงของซุนซิน ซุนลี่ 孙立 ก็คือแม่ของเราสองคน ข้าจะวานท่านส่งหนังสือให้พี่สาวข้า เล่าเรื่องให้นางรู้ พี่สาวคงหาทางช่วยข้าเอง”
เยว่เหอว่า “ญาติเรา เจ้าวางใจ” แล้วไปหาชุยปิ่งกับเนื้อแอบเอามาให้กิน ปิดประตูคุกแน่นหนาป้องกันคนอื่นแอบมาลงมือ ฝากฝังเพื่อนพัศดีที่สนิทให้ช่วยระวัง แล้วตรงมายังหลักสิบลี้นอกประตูตะวันออก เห็นร้านอาหารร้านหนึ่ง หน้าร้านแขวนเนื้อแพะเนื้อวัว หลังร้านมีบ่อนคนเล่นพนันกันอยู่ สตรีนางหนึ่งนั่งเฝ้าร้าน
眉粗眼大,胖面肥腰。
插一头异样钗环,露两个时兴钏镯。
有时怒起,提井栏便打老公头;
忽地心焦,拿石锥敲翻庄客腿。
生来不会拈针线,弄棒持枪当女工。
ตาโตคิ้วหยาบหนา
ใบหน้ากว้างเอวอวบใหญ่
ปิ่นผมประหลาดใคร
สองกำไลสมัยนิยม
 
ยามโมโหขี้นมา
คว้ากรงตีหัวผัวข่ม
ยามที่เสียอารมณ์
เอาลิ่มหินทิ่มขาบ่าว
งานเย็บปักของหญิงสาว   ไม่ได้เรื่องราว
มาเอาดีทวนกระบอง
ตอนก่อนหน้า : ปิ่นงามอีจ้างชิง
ตอนถัดไป : ระดมคนปล้นคุก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา