Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อิจฉาอิตาลี
•
ติดตาม
11 พ.ค. เวลา 08:19 • ท่องเที่ยว
น้ำพุพยานรัก : Trevi Fountain
เล่าเรื่องงานศิลปะในคาปิโตลิเนมานาน ขอพักสักหน่อย จริงๆแล้วยังมีงานดีๆอีกเยอะอยากจะเขียนถึงแต่ก็ไม่ไหวแล้ว เพราะเดี๋ยวเราจะมีโปรแกรมพาไปไหนต่อไหนอีก
เย็นแล้ว มาเดินเล่นที่กรุงโรมก่อนกลับบ้าน เชื่อไหมว่าถนนสายปกติที่เขาใช้สัญจรกันทั่วไป มีอะไรเก่าๆนับพันปีให้ดูชมระหว่างทางอยู่หลายอย่าง กรุงโรมเป็นเมืองโบราณนับพันปียังคงถูกใช้ในฐานะเมืองหลวงอยู่จนปัจจุบัน เช่นเดียวกับเอเธนส์ของกรีก แบกแดดของอิรัก หรือเยรูซาเล็มของอิสราเอล ก็เลยมีซากเมืองเก่าเมืองโบราณปะปนกับเมืองใหม่
แต่สำหรับที่นี่ เมืองเก่ากับใหม่อยู่ด้วยกันได้รวมกันแบบไม่ขัดกันเลย ขณะที่เดินชมเมือง ดูร้านรวง ซื้อของกิน เราก็จะยังคงรำลึกถึงอาณาจักรยิ่งใหญ่ในอดีตได้อยู่เสมอ มันอยู่รอบตัวเรา เป็นร่องรอยของกาลเวลาอันแสนไกลที่ตกทอด และยังคงส่งอิทธิพลมาถึงเราถึงวันนี้
ตรงริมถนนบางทีก็มีซากเมืองเก่าให้เห็น ชมได้ฟรีไม่เสียเงิน คนเมืองโรมคงได้เห็นจนชินกับพวกของเก่าหลายพันปีอยู่แล้ว ถัดออกไปก็พบกับเสาโบราณต้นใหญ่โต ชื่อเสาโทรจัน ซึ่งก็เป็นสิ่งหนึ่งซี่งมีชื่อเสียง ผมเองได้รู้จักมันตั้งแต่เด็กแล้ว เพิ่งได้มาเห็นของจริงวันนี้
เสาทราจัน เดี๋ยวจะเล่าถึงตอนต่อไปนะครับ
ช่วงเวลานี้เป็นเดือนธันวาคม เดินไปตามร้านรวงและของที่ระลึกต่างๆตกแต่งต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสแล้ว แถมยังเปิดเพลง X-Mas เป็นภาษาอิตาเลียนด้วย นี่เป็นของขวัญในการมาเยือนกรุงโรมโดยแท้
สิ่งสำคัญที่จะต้องมาลิ้มลองก็คือ ไอศกรีมเจลลาโต้ขนานแท้ จริงๆแล้วตอนอยู่เมืองไทยไม่ค่อยจะได้กินหรอกนะ แต่ที่นี่มีร้านขายเยอะมาก เลือกได้แบบโคน แบบถ้วย หลายขนาด หลายราคา และมีหลากหลายรสชาติเสียด้วย มาถึงแล้วจะไม่ลองได้อย่างไร
ร้านขายเจลโตแถวน้ำพุ
เลือกซื้อเจลาโต้รสดาร์กชอกโกแลตแบบโคนไปลามเลีย พลางคิดถึงหนังเรื่องโรมรำลึก (Roman Holiday) ที่กลายเป็นตำนานของกรุงโรมไปแล้ว เรื่องนี้สร้างชื่อเสียงให้นางเอกจอมแก่น ออร์เดย์ แฮปเบิร์น ซึ่งตัวเธอก็เป็นตำนานอีกเช่นกัน
เรื่องย่อก็คือนางเอกเป็นเจ้าหญิงที่มาเยือนกรุงโรม แต่เบื่อภารกิจเดิมๆก็เลยหนีออกมาแล้วปลอมตัวเป็นคนสามัญ จนมาพบกับพระเอกซึ่งเป็นนักข่าว (แสดงโดยพระเอกสุดหล่อมาก ชื่อ เกเกอรี่ เป๊ก) ก็เลยพาไปผจญภัยทำอะไรบ้าๆบอๆกันในโรม ต่างคนก็ทำความรู้จักกัน แต่แล้วทั้งสองก็ต้องตระหนัก ว่าสถานะของเขานั้นต่างกัน ต่างคนต่างมีภารกิจในโลกคนละแบบ จึงจำต้องจากลา ทิ้งการผจญภัยแสนสนุกที่กรุงโรมไว้รำลึกในความทรงจำ
ทุกวันนี้เมื่อเรามาที่กรุงโรม จะยังคงเห็นของที่ระลึกบางชิ้นเป็นภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ หลายภาพเป็นสถานที่ในกรุงโรมที่พระเอกและนางเอกได้ไปถึงเมื่ออยู่ด้วยกัน
ปฏิทิน โปสการ์ด ของที่ระลึกหลายอย่าง มีภาพจากหนังเรื่องนี้
ถือไอติม เอ๊ย เจลาโต้ เดินไปมาตามซอกซอยก็รู้ตัวว่านี่ถึงเวลาค่ำแล้ว ควรจะกลับบ้านได้แล้วละ
ทว่าฉิบหายซะแล้ว เพราะลืมทางกลับ เรามาอยู่ส่วนไหนของโรมก็ไม่รู้ ซอกซอยเยอะจะตาย แล้วผู้คน นักท่องเที่ยวก็เยอะ คิดไปแล้วก็ลองเสี่ยงเดินมั่วๆเอา อธิษฐานเจ้าเทพเจ้าโรมันทั้งหลายขอให้ลูกช้างเดินไปถูกทางด้วยเถิด
กินเจลาโต้พลางใจสั่นไปพลาง นี่เราจะกลับบ้านกี่ทุ่มนี่ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้ว่านี่เป็นการหลงทางที่โรแมนติคเพราะนี่คือกรุงโรมอันสวยงาม คิดไปซะว่าเราอยู่ในหนังโรมรำลึก ตอนที่นางเอกหนีออกมาแล้วเจอกรุงโรมแบบหลงๆก็แล้วกัน
และแล้ว เดินมาถึงลานกว้างที่นึง ความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อได้เจอสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
อ้อ น้ำพุเทรวี นี่เอง
น้ำพุขนาดใหญ่บนผนังตึกเป็นรูปเทพเจ้าเนปจูนหรือโพไซดอน เทพเจ้าแห่งท้องสมุทรขี่ม้าบินสองตัว พร้อมทั้งเงือกผู้ชายผู้ซึ่งเป็นบริวาร ต้อนรับเราอยู่บนโขดหินตะปุ่มตะป่ำมีน้ำไหลซู่ซ่าอยู่ตรงหัวมุมทางสามแพร่งพอดี
น้ำพุของจริงมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก ต้องพยายามถ่ายให้ไม่ติดคน ซึ่งก็ทำได้แบบนี้
มองตาค้างว่าความฝันในวัยเด็กมาถึงตรงหน้าแบบไม่คาดคิด แล้วสติก็มาถึงเมื่อรู้สึกว่า เจลลาโต้เริ่มละลายออกมาเลอะมือ จำได้ว่านี่คือฉากในโรมรำลึกที่เจ้าหญิงเดินมาถึงที่นี่ก่อนที่จะเข้าไปในซาลอนตัดผมจากผมยาวสลายกลายเป็นผมสั้น เพื่อจะปลอมตัว ในขณะที่พระเอกก็รออยู่ด้านนอก เราจะเห็นน้ำพุเทรวี่เป็นฉากหลัง มีเด็กๆปีนป่ายอยู่สนุกสนาน
ตอนที่พระเอกมารอนางเอก จะมีฉากน้ำพุเทรวี่ สังเกตดีๆจะเห็นเด็กๆมาห้อยโหนอยู่
ลองสังเกตดีๆจะเห็นได้ว่าม้าสองตัวที่ขนาบเทพเจ้าเนปจูนนั้นตัวหนึ่งดูสงบนิ่ง แต่อีกตัวกำลังอยู่ในอาการคึกคะนอง นี่เป็นเหมือนฉากละครที่กำลังแสดงเพื่อจำลองความหมายของมหาสมุทร โดยใช้สัญลักษณ์ของเทพเจ้ากรีก-โรมันมาเป็นภาพแทน
เทพเนปจูนหรือชื่อหนึ่งคือโพไซดอนนั้นเป็นเทพแห่งมหาสมุทร ส่วนม้าติดปีกทั้งสองแสดงสภาพของความแปรเปลี่ยนของทะเลที่มีทั้งช่วงสงบและบ้าคลั่งไม่แน่นอน ส่วนบุรุษที่ควบคุมม้าอยู่แท้จริงแล้วคือเทพไทรทัน (Triton) เป็นบุตรชายของเทพเนปจูน ซึ่งท่อนเป็นชายท่อนล่างเป็นหางปลา ว่าไปแล้วก็คือเงือกผู้ชายแหละ บางคนอาจรู้จักคุ้น ๆ ถ้าคุณเคยดูการ์ตูนเงือกน้อย (Little Mermaid) ก็ขอบอกว่าคุณพ่อนางเงือกนั่นแหละใช่เลยละตอนนี้ท่านกำลังถือหอยสังข์ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เป่าเพื่อควบคุมท้องทะเล
ม้าสองตัวกับไทรทันสองตน
ส่วนแม่นางที่อยู่สองข้างเทพเนปจูน คนซ้ายที่ถือตะกร้าดอกไม้ คือเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ส่วนคนขวามือถือชามซึ่งมีงูพาดอยู่ คือเทพีแห่งสุขภาพ เป็นสัญลักษณ์มงคลทั้งคู่
เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ และ เทพีแห่งสุขภาพ
ตำนานเก่าแก่ของน้ำพุเล่าว่าหญิงสาวผู้หนึ่งได้ช่วยเหลือให้ชาวโรมันค้นพบน้ำบริสุทธิ์ซึ่งเป็นแหล่งน้ำของน้ำพุ แม่นางคนนี้มีชื่อว่าทริเวีย เป็นหญิงบริสุทธ์ ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อว่าน้ำนี้บริสุทธิ์จริง (เป็นเหตุเป็นผลกันดีมะ) นำมาหล่อเลี้ยงชาวโรมได้ทั้งเมือง
แต่แรกนั้น น้ำพุเทรวีเป็นแหล่งน้ำที่ชาวเมืองใช้กันนำถังน้ำมาตักไปใช้ที่บ้าน ต่อมาก็เริ่มมีการตกแต่งออบแบบให้สวยงามแล้วก็ออกแบบใหม่อีกหลายหนและมีผู้ออกแบบหลายคน หนึ่งในนั้นคือแบรีนี่ ประติมากรชื่อดังซึ่งที่เราได้เจองานของเขามาหลายชิ้นแล้ว (ถ้าไม่รู้จัก ไปอ่านบทก่อนหน้าในพิพิธภัณฑ์ Borgese ได้) แต่งานของเขาก็ไม่ได้ถูกสร้างจริง
ส่วนผู้ที่ได้สร้างจริงคือ Nicola Salvi ซึ่งก็ไม่ใช่ประติมากรหรือสถาปนิก แต่เป็นกวีและนักปรัชญา (อย่าแปลกใจ ชาวโรมมีพรสวรรค์ด้านศิลปะอยู่ภายในตนหลายอย่าง) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากแบรีนี่ จนทำให้หลายคนเข้าใจผิด
อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งคนบางคนบอกไว้ ว่าที่เราเห็นว่าเป็นเทพเนปจูนจริงๆแล้วไม่ใช่เนปจูนหรอกนะ แต่เป็นเทพอีกองค์ ชื่อว่าโอเชียนัส (Oceanus) สององค์นี้เป็นเทพแห่งท้องทะเลเหมือนกันแต่เป็นคนละองค์กัน ดูไปแล้วก็น่าเชื่อนะ เพราะถ้าเป็นเนปจูนจะมีสัญลักษณ์สำคัญ คือ สามง่ามหรือตรีศูรย์ แต่องค์นี้ไม่มี
จริงๆแล้วโอเชียนัสมีสถานะที่ใหญ่กว่าเนปจูนด้วยซ้ำ เพราะเนปจูนเป็นเจ้าแห่งทะเล แต่โอเชียนัสเป็นเจ้าแห่งมหาสมุทรบนโลก เปรียบเสมือนกับหัวหน้าของเนปจูนอีกที แต่ว่าไม่ค่อยจะดังเท่าไร (เพราะว่าเนปจูนถูกตั้งชื่อเป็นชื่อดาวเคราะห์เลยดังกว่าไง)
ที่ใครๆคิดว่าเป็นเทพเนปจูน จริงๆแล้วอาจเป็นโอเชียนัส
อุ๊ย หลังจากล่องลอยไปกับมหาสมุทรและเหล่าทวยเทพ สติของเราก็กลับคืนมาอีกรอบ น้ำพุเทรวีตอนนี้ไม่เหมือนกับในหนัง นักท่องเที่ยวสารพัดประเทศมาอยู่กันเต็มกันไปหมด นั่งรายล้อมถ่ายภาพสนุกสนาน
และสิ่งสำคัญที่ไม่ทำไม่ได้ นั่นก็คือการโยนเหรียญอธิษฐานนั่นเอง ใครก็ไม่รู้บอกเอาไว้ว่า ถ้าได้มาโยนเหรียญลงในน้ำพุเทรวี คุณจะโชคดี และที่สำคัญก็คือ จะได้กลับมาที่โรมอีก
เรื่องโยนเหรียญนี่มีปรากฏในหนังด้วย แต่เจ้าหญิงออร์เดย์ไม่ได้ทำหรอกนะ ผมขอโดดใจท่านผู้อ่านให้ไปอีกเรื่องนึง คือเรื่อง Three coin in the Fountain มีฉากตัวละครสาวน้อย 3 คนมาที่น้ำพุเทรวี่ หลับตาโยนเหรียญอธิษฐาน ในหนังเรื่องนี้ สาวๆสมหวังดังใจ มีฉากที่คู่รักทั้งสามโอบกอดกันหน้าน้ำพุเทรวี นางเอกกับพระเอกจูบกันตรงนี้ ตรงที่ฉันกำลังยืนอยู่นี่แหล่ะ
แม่สาว 3 คนมาที่น้ำพุเทรวี่ คนซ้ายกำลังโยนเหรียญ
ว่าแต่ตอนนี้มีคนมาทำแบบที่ว่าไม่กี่คนเอง สงสัยธรรมเนียมนี้จะดูเชยไปแล้วละ อย่างไรก็ตามเมื่อข้าพเจ้ามาถึงแล้ว จะไม่ทำแบบนั้นได้อย่างไร (หมายถึงโยนเหรียญนะ ไม่ใช่จะไปจูบกับใคร)
ตามตำราเขาบอกไว้อีก ว่าถ้ายังมีเหรียญเหลือ ให้โยนไปอีก เพราะถ้าโยนสองเหรียญจะทำให้คุณได้พบรัก (ว้าว) และถ้าคุณโยนเพิ่มอีกเป็นสามเหรียญ คุณจะได้แต่งงาน (ว้าว อีกครั้ง)
ไม่ต้องถามนะว่าเราโยนลงไปกี่เหรียญ ไหนๆมาแล้วก็ต้องเอาให้คุ้มสิ พอหามุมดีๆก็เริ่มสนุกได้ แต่ตามตำราเขาบอกท่าโยนด้วยนะ ต้องยืนหันหลังให้น้ำพุและใช้มือขวาโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้าย
ท่านพ่อเทพโอเชียนัสเจ้าเอย ข้าขออธิษฐาน ณ บัดนี้ (อยากจะบอกจัง ว่าถ้ากลับมาที่โรมอีกจะเอานางรำมาแก้บน แต่อย่าดีกว่า เดี๋ยวชีวิตจะยุ่งยากอีกมาก)
เหรียญยูโรกระทบน้ำดังจ๋อม จ๋อม จ๋อม สำเร็จแล้วภารกิจของข้าพเจ้า
ดึงสติมาอีกรอบก็คิดได้ว่าเรากลับมาสู่ความจริงกันเถอะ ความจริงที่ว่าก็คือ ฉันกำลังหลงทาง และเจลลาโต้ก็หมดแล้ว
อันที่จริงทางแก้ปัญหาก็ไม่ยากเย็นอะไร ไปถามคนท้องถิ่นเดี๋ยวเขาก็บอกทางให้เอง แต่เนื่องจากผู้เขียนเป็นคนขี้อายเลยไม่กล้าไปถามใคร แต่ในที่สุดเดินมั่วๆไปก็ไปเจอร้านเจลาโต้ที่เราได้เข้าไปซื้อเลยรู้ว่ามาถูกทาง สุดท้ายก็เดินมาเจอเสาโทรจันที่เดิม ถึงตรงนี้ก็จำทางได้แล้วว่ามีทางเดินไปถึงโคลอสเซียมได้ไม่ยาก
อ้อ ก่อนจะจบตอน ขอเล่าอีกนิดว่าไม่ต้องกลัวนะว่าเหรียญจะล้นอ่างเทรวี เพราะแม้ว่าจะมีเหรียญถูกโยนไปมากแต่ก็จะมีการเก็บขึ้นมาทุกวัน ในแต่ละปีเก็บรวมกันได้มากกว่าล้านยูโรเชียว สิ่งที่น่าชื่นชนก็คือเงินทั้งหมดที่โยนลงไปในน้ำพุจะมอบให้กับองค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือผู้ยากไร้ในกรุงโรม ใครโยนไปก็ถือว่าทำบุญไปในตัว ขอคุณพระคุ้มครองท่านผู้ใจบุญ และขอให้ได้มาโยนเหรียญที่โรมอีกครั้ง
ประวัติศาสตร์
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ
เที่ยวยุโรป
บันทึก
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
อิจฉากรุงโรม
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย