21 พ.ค. เวลา 02:41 • ท่องเที่ยว
Sedona

สัมผัสอารยธรรม Mexican ที่ Sedona หมู่บ้านที่สุดจะน่ารัก

Chapter 71/3: Exploring the Mexican Heritage In Sedona
จุดหมายปลายทางของวันนี้คือเราจะขับรถขึ้นไปทางเหนือเพื่อไปที่เมือง Flagstaff แต่ระหว่างทางเราจะแวะเที่ยวที่ Sedona เมืองแห่งภูเขาหินสีแดงกันค่ะ
ก่อนออกเดินทางขอแวะกินอาหารเช้าที่ Original Breakfast House หรือ OBH ก่อน เพราะร้านนี้เค้าได้ชื่อว่าเป็น Best Spot for Breakfast in Arizona (ร้านอาหารเช้าที่ดีที่สุดใน AZ) แถมติด 1 ใน 51 ร้านอาหารเช้าที่ดีที่สุดในอเมริกาอีก โห…อะไรจะขนาดนั้น ไหนขอชิมหน่อยจิ๊
ร้านนี้เค้าไม่รับจองด้วยนะต้องมาต่อคิวเอง เมื่อวานซึ่งเป็นวันอาทิตย์ลองโทรมาถาม พนง. บอกต้องรอคิวประมาณ 1 แน่ะ วันนี้เราเลยมาเช้าหน่อยประมาณ 9 โมง เลยได้โต๊ะ ถ้ามาสายอาจจะอดอีก
ร้านตกแต่งด้วยสไตล์ 70's ดูฮิปซะไม่มี แต่ที่แปลกใจอย่างนึงคือ เมือง Phoenix อยู่ท่ามกลางทะเลทรายแต่เห็น surf board ในร้านนี้เพียบเลย…จะได้เล่นเมื่อไหร่เนี่ย
สั่งมาหลายอย่างตามที่ พนง.แนะนำ มา 5 คนเอาแค่นี้ก่อน
ร้านรับแต่เงินสดเท่านั้น No Debit No Credit เด้อ
American Breakfast ของแทร่
อะไรเป็นอะไรก็จำไม่ได้แล้วล่ะ รู้แต่ไข่ที่เหมือนไข่คนมีกุ้งโปะด้านบนอ่ะอร่อยมาก
ได้เวลาจ่ายตังค์ ดี๊ที่มีเงินสดมาด้วย
อิ่มล่ะก็ออกเดินทางกันค่ะ
ขับรถต่อมาอีกเกือบ 2 ชั่วโมงก็ถึง Sedona เมื่อเข้าเขตเมืองเราก็สัมผัสได้ถึงความสวยงามของภูเขาหินข้างหน้าเลย สีของภูเขาที่เห็นมันออกสีแดงๆ ส้มๆ จริงๆ สวยแปลกตามากเลย
Sedona
Sedona (เซโดนา) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างเขต Coconino (โคโคนิโน) และ Yavapai (ยาวาไพ) ใน Verde Valley (หุบเขาแวร์เด) ทางตอนเหนือของรัฐ Arizona
ชื่อเมือง Sedona ถูกตั้งตามชื่อของ Sedona Schnebly (เซโดนา ชเนบลี) สตรีผู้ซึ่งได้รับการยกย่องในเรื่องของความวิริยะอุตสาหะและความมีไมตรีจิตของเธอ
ความโดดเด่นของ Sedona คือเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยหินทรายสีแดงที่เกิดจากการก่อตัวของชั้นหินพิเศษที่เรียกว่า Schnebly Hill ซึ่งจะพบได้เฉพาะในบริเวณ Sedona เท่านั้น
เราจะขับรถขึ้นไปชม Chapel of the Holy Cross โบสถ์เล็กๆ ที่สร้างอยู่บนเขากันค่ะ
Chapel of the Holy Cross
Chapel of the Holy Cross เป็นโบสถ์ในนิกายโรมันคาธอลิก ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1955-1956 ใช้เวลาสร้าง 18 เดือนด้วยราคา 300,000 ดอลลาร์ ซึ่งในการสร้างโบสถ์นี้ไม่ได้ใช้การระเบิดภูเขาเพื่อนำหินมาสร้างโบสถ์เลย แต่ใช้การนำหินกว่า 25 ตันมาจากที่อื่นแทน
ทางเดินขึ้นโบสถ์
โบสถ์ได้รับการออกแบบโดย Marguerite Brunswig Staude เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์และประติมากรชาวท้องถิ่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากตึกเอ็มไพร์สเตตในนิวยอร์ก
ด้านหน้าโบสถ์
ในปี 2008 Chapel of the Holy Cross ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติของอเมริกาอีกด้วย
ตัวโบสถ์ตั้งอยู่บนฐานหน้าผาสูง 457.2 เมตร ล้อมรอบด้วยภูเขาหินทรายสีแดง ภายในโบสถ์มีไม้กางเขนเหล็กสูง 90 ฟุต ซึ่งดูเรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง สามารถรองรับคนได้มากถึง 150 คน
ข้างในโบสถ์เล็กนิดเดียว
ที่มองเห็นไกลๆ นั่นไม่แน่ใจว่าใช่ Cathedral Rock หรือเปล่า
ซึ่ง Cathedral Rock ก็เป็นอีกหนึ่ง Highlight สถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนถ่ายรูปมากที่สุดของ Arizona เลย…แต่เราไปไม่ถึง 🥲
จากโบสถ์เราขับรถต่อไปประมาณ 10 นาทีเพื่อแวะเที่ยวที่ Tlaquepaque Arts & Shopping Village (ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าเป็น Shopping Mall เล็กๆ)
Tlaquepaque North
ข้างในโครงการสวยมาก
เจอร้าน CREAM & Cake Couture ที่ทำไอศกรีมและเค้กหน้าตาน่ารักมาก
คอนเฟิมไอศกรีมอร่อย เค้กก็โคดน่ารักเลย อดใจไม่ไหวซื้อกลับบ้านอีก 3 ชิ้น
ออกจากร้านมองไปฝั่งตรงข้ามก็มีป้าย Tlaquepaque อีกแฮะ ด้วยความสงสัยเลยข้ามถนนไปดู
ปรากฎว่าที่นี่แหละคือ Tlaquepaque Arts & Shopping Village ที่แท้ทรู ฝั่งที่เราเพิ่งข้ามมาเป็นโครงการที่เพิ่งเปิดใหม่ชื่อ Tlaquepaque North
ภายใน Tlaquepaque Arts & Shopping Village น่ารักมากๆ มีความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในฉากหนังเรื่อง The Mask of Zorro ยังไงยังงั้นเลย เพราะมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายของ Mexico ตั้งแต่ชื่อ Tlaquepaque (อ่านว่า ตลาเกปาเก) ที่เป็นชื่อเมืองแห่งหนึ่งในประเทศ Mexico แปลว่า "Best of Everything"
Tlaquepaque สร้างมาตั้งแต่ปี 1970 โดยนักธุรกิจชาวอเมริกันชื่อ Abe Miller ผู้ซึ่งมีความชื่นชอบในศิลปะและวัฒนธรรมของ Mexico และเห็นศักยภาพของพื้นที่บริเวณนี้จึงได้เริ่มทำโครงการนี้ขึ้น
ด้านในมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ แกลเลอรี่ ร้านขายงานศิลปะ ร้านขายของที่ระลึกเพียบเลย
มันสวยไปซะทุกมุม คนที่ชอบถ่ายรูปต้องไม่พลาดมาที่นี่เลยนะคะ ถูกใจสุดๆ
น้ำพุ และดอกไม้สีสันสดใสที่เห็นได้ทั่วไปใน Tlaquepaque
ที่นี่รับจัดงานแต่งงานด้วยนะ เพราะเค้ามีโบสถ์ด้วย
ใครมีโอกาสมาเที่ยวที่ Arizona อย่าลืมแวะมาที่ Sedona และ Tlaquepaque Arts & Shopping Village นะคะ เหมือนได้มาเที่ยว Mexico เพิ่มอีกประเทศนึงเลย
จบความประทับใจที่ค้นพบด้วยความบังเอิญ นี่ถ้าไม่ได้ข้ามถนนไป ก็อดเจอของดีเลยนะเนี่ย 😆
เดินทางต่อไปที่เมือง Flagstaff จุดหมายต่อไปของเราค่า
เข้าเมืองมาก็เย็นเลย
เราเลือกมานอนที่ Flagstaff เมืองเล็กๆ ทางเหนือของรัฐ Arizona เพราะใกล้ที่เที่ยว Highlight เด็ดๆ 3 ที่ที่เราจะไปกันในวันพรุ่งนี้ค่ะ ยังไม่บอกว่าเป็นที่ไหน ต้องติดตามตอนต่อไปนะ 😁
วันนี้มาถึงบ้านไม่ดึก พาเดินชมบ้าน Airbnb หลังที่ 3 กันหน่อยค่ะ
วิวหลังบ้านสวยเนอะ
เจ้าของบ้านบอกว่าเป็นบ้านสไตล์ Nordic ที่ออกมานอกเมืองนิดหน่อย เป็นบ้าน 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ บ้านดู Modern มากแต่ตกแต่งภายในดูอบอุ่นน่าอยู่มากๆ เป็นบ้านที่ชอบที่สุดตั้งแต่เคยเช่า Airbnb มาเลย 😍
โถงทางเข้าบ้าน
ห้อง Master ใหญ่สุดๆ
ทางเดินสู่ห้องนอนที่เหลือ
ห้องนอน 2
ห้องนอน 3 ที่ก็ใหญ่เช่นกัน
ห้องนอนสุดท้ายเป็น Bunk Beds ที่นอนได้ 4 คนเลย
ส่วนของห้องโถงเราว่าน่าจะเป็น Highlight ของบ้านหลังนี้เลยเพราะวิวสุดยอด
ชอบบ้านหลังนี้ที่สุดตั้งแต่เคยนอน Airbnb มาเลย
มาดูบริเวณหน้าบ้านกันมั่ง
หน้าบ้านมีระเบียงที่มีเตาผิงและเตา BBQ ด้วย
เป็นบ้านตากอากาศที่มีเพื่อนบ้านล้อมรอบไม่น่ากลัวเลย
และเจ้าของบ้านน่าจะเป็นคนที่ชอบทำอาหารเพราะมีอุปกรณ์เครื่องครัวให้ใช้ครบครัน ต่างจากบ้านที่ Phoenix ที่ไม่ค่อยมีอุปกรณ์ของใช้ให้เท่าไหร่ (น้ำตาลยังไม่มีเลย 🤣)
ครัวที่แม่ครัวชอบมากกก
ถึงบ้านจะอยู่ออกมานอกเมืองหน่อยแต่ก็มีเพื่อนบ้านเพียบ ไม่ดูอ้างว้างเหมือนตอนไปที่เมือง Hammondsport อันนั้นดูวังเวงคล้ายบรรยากาศหนัง Zombie นิดๆ 🧟‍♂️ (ใครอยากรู้ว่าบรรยากาศเป็นยังไง อ่านได้ที่ Blog ข้างล่างนี้ค่ะ)
ก็จบ Blog นี้กันที่บ้านสวยๆ หลังนี้ของเราค่ะ
วิวจากหน้าต่างที่ห้องนอนของเราเอง 🤩
เป็นยังไงบ้างคะกับที่เที่ยวที่เราพาไปใน Blog นี้ อยู่ๆ ก็ได้ไปเที่ยว Mexico ด้วยโชคดีจัง ประทับใจเมือง Sedona มากเลย มี Chapel of the Holy Cross บนภูเขาหินสีแดง และ Tlaquepaque หมู่บ้าน Mexican ที่น่ารักสุดๆ หวังว่าคงจะประทับใจเหมือนเรานะคะ
แล้วเจอกัน Blog หน้ากับที่เที่ยวที่สวยจนเกือบลืมหายใจ…สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 😊
โฆษณา