8 มิ.ย. เวลา 17:22 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ติดตามห่างๆมาตลอดตั้งแต่เข้าตลาด เพราะเห็นเป็นแบรนด์ไทย ที่ดูดีในระดับนึง และมองหาช่องว่างของตัวเองเจอ มีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตจากการสร้างแบรนด์ที่ดีได้
วันนี้หันกลับมาดูอีกครั้งเนื่องจากราคาลงมาเยอะพอสมควรจากจุดสูงสุดที่ 11 บาทเหลือ 5.6 เท่านั้น ในวันนั้นที่ P/E 50 เท่า ยอมรับว่าแพงไปจริงๆ เลยต้องปล่อยผ่านไปก่อน
วันนี้ราคามาเหลือ P/E 25 เท่า และ Forward P/E ที่ดูจากบทวิเคราะห์ก็เหลือแค่ 20 เท่าแล้ว เรียกว่าใกล้เคียงกับเหล่ารุ่นพี่อย่าง Nike Adidas รวมถึงแบรนด์ที่น่าดูเปรียบเทียบด้วยอย่าง Anta และ Li-ning ซึ่งเป็นแบรนด์ Local ที่ประสบความสำเร็จมากจากจีน ก็เทรดกันในระดับนี้
ถามว่า Warrix ควรเทรดเท่าพี่ๆที่เป็น Global Brand เลยรึป่าว ถ้าด้วยแบรนด์ก็ถือว่าน่าจะยังเทียบกันไม่ติด รวมถึงรายได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งนั้นเป็นข้อดีอย่างนึง เนื่องจากรายได้ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับโลกเหล่านั้น ยังมีช่องว่างอีกมากให้ Warrix เติบโต ถ้าเขาสามารถทำการตลาดและทำ Product ออกมาได้ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราลองย้อนไปดู Filling เราจะเห็นว่ามีคู่แข่งหลักๆในไทยที่เป็น Local Brand อยู่ 3 เจ้าคือ FBT Grand Sport และ Ari วันนี้ผมเลยไปอัพเดทข้อมูลรายได้ของทั้ง 4 แบรนด์มาลองเทียบกันให้ดู
รายได้ Warrix เทียบกับคู่แข่ง (ล้านบาท)
จะเห็นได้ชัดเลยว่า เพียงช่วงระยะเวลา 10 ปี ที่ก่อตั้ง Warrix มา คุณวิศัลย์นำพาบริษัทมาได้ถูกทิศทางอย่างยิ่ง โดยแสดงออกมาให้เห็นผ่านตัวเลขยอดขายทำแซงหน้าเจ้าเก่าอย่าง FBT และ Grand Sport ไปแล้ว เรียกง่ายๆว่ากิน Marketshare มาได้อย่างสวยงาม จนปัจจุบันมีรายได้อันดับ 1 เมื่อเทียบกับ Local Brand เลยก็ว่าได้
Marketshare เทียบ 4 แบรนด์หลักของไทย
จุดเปลี่ยนสำคัญก็คงเป็นการได้สัญญาเสื้อฟุตบอลทีมชาติไทยในปี 2018 ซึ่งน่าชื่นชมมากในการกล้าที่จะเข้าไปสู้กับรายเก่าและชนะมาได้ครับ ถึงแม้ปัจจุบันรายได้ที่มาจากทีมชาติจะอยู่ประมาณ 15 - 20% ของรายได้ทั้งหมด แต่ก็นับเป็นความเสี่ยงสำคัญเลยเพราะที่ปี 2028 นี้จะหมดสัญญาทีมชาติแล้ว และต้องบิดสู้กันใหม่ ซึ่งคู่แข่งก็คงสู้เช่นกัน
และถ้าดูยอดขายแบรนด์ไทยทั้ง 3 เจ้าที่มาก่อน Warrix ก็จะติดกันอยู่ที่หลัก 1,000 ล้านบาทกันทั้งนั้น วันนี้ Warrix ทำได้ 1200 ล้าน กับเป้าหมาย 2700 ล้านที่ตั้งเป้าไว้ตั้งแต่เข้าตลาดมา ถือว่าท้าทายถ้าเทียบกับแบรนด์ Local ด้วยกัน แต่ถ้าเทียบกับแบรนด์นอกอื่นๆ Warrix ก็ยังถือว่าเล็กมากครับ
งบกำไรขาดทุนของ Warrix
อย่างไรก็ตามด้วยราคา P/E 25 เท่า ทำให้ Warrix น่าสนใจขึ้นเยอะเลยครับ Q1 รายได้ยังโตได้ 30% แต่มีค่าใช้จ่าย SG&A เยอะ ถ้ายอดขายโตได้จริงๆในระยะยาวผมเชื่อว่าค่าใช้จ่ายตรงนี้จะลดลง เพราะ Warrix ผ่านช่วงเพิ่มคนหนักๆไปแล้วครับ
สำหรับผม Warrix เป็นหุ้นไทยที่ถือว่าน่าติดตามมากครับ จินตนาการต่อไปสำหรับ Warrix คือการได้เป็นแบรนด์ที่จะอยู่บนอกเสื้อของนักกีฬาทีมชาติไทยในกีฬา Olympic เหมือนกับแบรนด์รุ่นพี่ทั้งหลายอย่าง
Lululemon -> แคนาดา
On Running -> สวิตเซอร์แลนด์
Anta -> จีน
ในวันนั้นถ้าทำได้ดี ทั้งโลกจะได้เห็นภาพแบรนด์และยอดขายน่าจะไปได้อีก (ย้ำว่าจินตนาการนะครับ) จริงๆนอกจากเสื้อกีฬาแล้ว Warrix พยายามจะออกไปทาง Life style มากขึ้น อย่างล่าสุดมีกางเกงยีนส์ด้วย อันนี้ก็ต้องรอดูผลตอบรับว่าจะเป็นยังไง ถือว่าไม่ได้เดินตามแบรนด์รุ่นพี่ซะทีเดียว พยายามหาแนวทางของตัวเองที่บริษัทมองว่าน่าจะเข้ากับคนไทย ลุ้นกันต่อไปครับ
ถ้าชอบบทความแนวนี้ ช่วยกดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้ผมได้มากเลยครับ
หรือจะเลี้ยงกาแฟผมสักแก้วที่ buy me a coffee ลิงค์ด้านล่างก็ได้เช่นกันครับ 😊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา