15 มิ.ย. เวลา 03:00 • ธุรกิจ

DEI & B ความแตกต่างที่หลากหลายบนความเท่าเทียมขององค์กรยุคใหม่

[#FutureofWork]: องค์กรที่สื่อสารให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองได้รับการให้ความสำคัญจะทำให้พนักงานมีระดับความเครียด ภาวะวิตกกังวล และภาวะหมดไฟลดลง
ส่งผลให้สุขภาพจิต สุขภาวะองค์รวม ระดับความพึงพอใจต่องาน และระดับความสุขดีขึ้น ปัจจุบัน 76% ของพนักงานองค์กรและคนที่กำลังหางานมองว่าการยอมรับความหลากหลายขององค์กรเป็นประเด็นสำคัญในการตัดสินใจเลือกงาน
การให้ความสำคัญกับความหลากหลาย ความเสมอภาค การมีส่วนร่วม และการเป็นส่วนหนึ่งในองค์กร (Diversity, Equity, Inclusion, and Belonging: DEI & B) ไม่เพียงเป็นความรับผิดชอบเชิงจริยธรรม แต่ยังเป็นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่องค์กรต้องให้ความสำคัญเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีให้แก่พนักงาน
องค์กรที่ส่งเสริมและบริหารความแตกต่างหลากหลายได้ดีมีบทบาทสำคัญในการเป็นพื้นที่ปลอดภัยทางจิตวิทยาให้กับสมาชิกในทีม ทำให้สมาชิกรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับทีมและองค์กร ทั้งยังมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการเกิดความคิดเชิงนวัตกรรม (เพิ่มขึ้น 1.7 เท่า) ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ไขปัญหา การมีส่วนร่วม การปรับตัว และการทำงานร่วมกันภายในทีม
นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ผลิตผลการทำงาน ความจงรักภักดีต่อองค์กร และระดับความพึงพอใจของผู้บริโภคมากถึง 81% รวมไปถึงชื่อเสียงขององค์กรต่อสาธารณชน การสำรวจชี้ให้เห็นว่าองค์กรที่มีพนักงานที่มีความหลากหลายมีโอกาสเข้าถึงสัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้น 70% และมีแนวโน้มได้รับผลตอบแทนทางการเงินเพิ่มขึ้นถึง 35% เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
การให้ความสำคัญกับความหลากหลายยังมีบทบาทในการส่งเสริมศักยภาพของประเทศและของโลก World Economic Forum ประเมินว่าการลดความเหลื่อมล้ำทางเพศจะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ทั้งโลกได้อีก 28 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2025 ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะมีการลงทุนเพื่อให้ทำให้องค์กรยอมรับและเป็นมิตรกับความหลากหลายเพิ่มขึ้นจาก 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี ค.ศ. 2020 เป็น 1.54 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี ค.ศ. 2026
การยอมรับและส่งเสริมความแตกต่างหลากหลายจึงไม่เพียงส่งผลโดยตรงต่อสุขภาวะของพนักงานเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในการส่งเสริมปัจจัยเชิงบวกให้กับพนักงานองค์กรในฐานะประชากรประเทศและพลเมืองโลกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอคติที่ผู้คนมีต่อกัน ซึ่งนำไปสู่การเลือกปฏิบัติทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ มีการคาดการณ์ว่าทั่วโลกอาจต้องใช้เวลาอีก 151 ปีในการปิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำเฉพาะในเรื่องเพศให้ในทุกระดับ
นัยยะสำคัญที่มีต่ออนาคต:
- การบรรจุความรู้เรื่องแนวคิดสตรีนิยม ความหลากหลาย และความเท่าเทียมทางเพศในหลักสูตรการศึกษาและโครงการบังคับก่อนเข้าทำงานเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมากขึ้นอย่างจริงจัง
- เกิดการตั้งคำถามและหาข้อแตกต่างระหว่างแนวคิด “ความเท่าเทียม” (Equality) และ “ความเสมอภาค” (Equity) ในสังคมเพิ่มขึ้น
- เกิดการเปิดเผยและประณามองค์กรที่ประกาศสนับสนุนสิทธิเสรีภาพและความหลากหลายเพียงเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ฉาบฉวยและสร้างยอดขายจากการทำตลาดมากขึ้น สร้างแรงกดดันให้องค์กรต้องศึกษาและให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าวอย่างจริงจัง และมีโครงการที่วัดผลได้และสร้างผลกระทบทางบวกให้กับสังคมได้อย่างแท้จริง
อ่านเพิ่มเติม: Future 2030, Who Run The World - Girls! https://www.futuretaleslab.com/articles/whoruntheworld
อ้างอิงจาก
-The New DE&I Playbook—5 Key Actions to Create Sustained, Systemic Culture Change https://www.kincentric.com/insights/dei-playbook
อยากรู้จักเรามากขึ้น คลิก www.futuretaleslab.com หรือติดตามที่ https://www.facebook.com/FutureTalesLABbyMQDC
#FutureTalesLAB #Wellbeing #DEIandB #MQDC
โฆษณา