พี่ฟลุค นักศึกษาป.โท Com.Science ICT Mahidol กับทุนสนับสนุนฝึกงาน ต่างประเทศที่ AIST ประเทศญี่ปุ่น

LAB MVIT 🐰 ขอนำเสนอพี่บัณฑิต ป.โท สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ “พี่ฟลุค” ที่ได้รับทุนสนับสนุนการฝึกงาน ณ ต่างประเทศ ที่ AIST ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างเรียนที่คณะ ICT กันครับมาดูกันว่า ระหว่างที่ไป Internship ได้ฝึกงาน ทำวิจัยและใช้ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมที่ต่างประเทศ น่าสนใจขนาดไหนครับ...
P Fluke ICT Mahidol @ AIST Tokyo Japan
สวัสดีครับพี่ชื่อฟลุคครับ ผมเป็นนักศึกษาปริญญาโท ที่ได้รับทุน MUIR สำหรับ Internship ไปแลกเปลี่ยนความรู้ และ หาประสบการณ์ ที่ Digital Architecture Research Center ที่สถาบัน AIST (National Institute of Advanced Industrial Science and Technology) ช่วง12เมษายน-7มิถุนายน2567ครับ จริงๆแล้วการไปฝึกงานเป็น option นึงที่เราสามารขอไปฝึกได้ ไม่ได้เป็นวิชาบังคับในหลักสูตรปริญญาโท แต่ด้วยที่ MVIT Lab มี collaboration กับ AIST เลยสามารถติดต่อเรื่องไป Intern กับ AIST ได้โดยตรงครับ
หลายปีก่อน ก็มีพี่บัณฑิต ป.โท/ป.เอก ของ LAB MVIT เราไปวิจัยร่วม ที่ AIST เปิดทางไว้แล้วได้แก่
*พี่ปุณ2019
พี่ได้ไปฝึกที่ AIST สำนักงาน Tsukuba แต่ด้วยการปรับเลี่ยนทางสถาบัน ผมเลยได้มาฝึกที่ Tokyo ครับ แถว Odaiba ถ้าสังเกตง่าย ๆ คือเลย ห้างกันดั้ม (DiverCity Tokyo Plaza) มาหน่อยครับ
AIST สำนักงาน Tokyo
ปัจจุบันทำ Thesis วิจัย เกี่ยวกับอะไร
ตัววิจัยที่ทำอยู่ปัจจุบัน ทำเรื่อง Automatic detection of nostril and key markers in images ครับ เป็นวิจัยที่เป็นการร่วมมือกันกับโรงพยาบาลศิริราช พัฒนาโปรแกรมเพื่อสร้างเฝือกจมูกสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ครับ โดยส่วนที่ผมทำจะเป็นการทำ CNN model ขึ้นมา ใช้ควบคู่กับ Image processing เพื่อสามารถสร้างเฝือกจมูกได้จากภาพถ่ายของผู้ป่วยครับ ตอนนี้ตัว journal ของโครงการก็ได้ปล่อยมาละครับ ตามไปอ่านกันได้ที่ลิงค์นี่เลย555 https://doi.org/10.1016/j.iswa.2024.200327
Automatic detection of nostril and key markers in images
งานวิจัยที่ได้ไปทำร่วมกับการไป Internship ที่AIST ใช้ความรู้เกี่ยวข้องกันอย่างไร
เรื่องที่ไป intern กับ thesis จะคล้าย ๆ กันครับ เป็นแนว Computer vision, image processing กับ AI แต่ว่าจะเน้นไปใช้จริงบน edge device ครับ เช่น ให้ใช้งานได้บน Jetson Nano ครับ ความท้าทายของงงานนี้คือ Computational resource ครับ เป็นที่รู้กันว่า AI ใช้ resource เยอะมากๆ แล้วเราเอาไปลงบน limited resource เลยต้องมีการ optimize ให้มันทำงานตามที่วางแผนไว้ครับ55555 ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่ และ คิดว่าไม่น่ามีใครเคยลองทำครับ5555
ได้มีโอกาสทำงานเรื่องที่น่าสนใจอะไรบ้าง
ด้วยโปรเจคของปริญญาโทของผม ทำเกี่ยวกับแนว Computer vision, image processing กับ AI อ.วรพันธ์ อาจารย์ที่ปรึกษาโปรเจคผม จึงแนะนำให้ทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อนำไปต่อยอด จึงได้รู้จักกับ อ. 2 คนที่แลปครับ Jason Haga เป็น Senior Research Scientist กับ Peng Chen เป็น Researcher เพื่อปรึกษาจนได้เป็นหัวข้อ Real-time Driver Fatigue Detection with edge device and AI
ซึ่งเป็นการพัฒนา core technology ในระบบ ADAS โดยใช้บน Jetson Nano ซึ่งจะใช้การประมวลผลของ CPU และ GPU เหมือนเป็นการนำความรู้จากการเรียนมาใช้บนอุปกรณ์จริงครับ Jason Haga เป็นคนที่แนะนำในเชิงเก็บ data ครับ การทำ statistic และเป็นคนจัดการเรื่องเอกสารให้ด้วยครับ Peng chen จะเป็น head project ครับ แนะนำและเสนอไอเดียในการทำโปรเจค และเป็นคนให้ resource และ tool ต่างๆ ในการทำโปรเจคครับ
Internship ที่AIST
ได้อะไรจากการไปฝึกงานครั้งนี้
แน่นอนว่าเป็นประสบการณ์ทำงานใหม่ ๆ ครับ พวกรูปแบบการทำงานที่นี่ การแลกเปลี่ยนภาษา วัฒนธรรม กับ การใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นครับ คนที่นี่เค้าค่อนข้างจริงจังกับการทำงานมาก การนำเสนอข้อมูลหรือการนำข้อมูลไปใช้ เลยเข้มงวดมากตามไปด้วย ถือเป็นการทบทวนเรื่องที่เรียนและได้นำไปใช้จริงเยอะเลยครับ
ส่วนอีกเรื่องคือ programming knowledge ครับ เพราะ โปรเจคที่ทำที่นี่ ใช้ programming language บน platform ที่ไม่คุ้นและไม่เคยใช้ครับ5555 ปกติผมจะทำงานโดยใช้ python เป็นหลัก ส่วนงานที่นี่จะใช้ C กับ C++ แล้วใช้ บน ARM processing อีก มาแรก ๆ ค่อนข้างหัวหมุนเลยครับ5555
A Day in AIST with P Fluke ใน 1 วันระหว่างการฝึกงานที่ญี่ปุ่นได้ทำอะไรบ้าง
AIST Tokyo water front Annex building
AIST เป็นหนึ่งในสถาบันวิจัยที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีทำงานร่วมกันกับรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ด้านอุตสาหกรรมและสังคม AIST เป็นสถาบันวิจัยขนาดใหญ่โดยมีหลายสาขาทั่วญี่ปุ่น โดยสาขาใน Tokyo ตั้งอยู่เมือง Koto เมืองท่าติดทะเลของ Tokyo จะมี 2 ตึก main building กับ annex building ซึ่งสาขาที่ผมทำงานประจำจะชื่อ AIST Tokyo water front Annex building ครับ
หลายๆ คน อาจจะสงสัยว่าทำงานที่ญี่ปุ่นคุยภาษาอะไร ซึ่งที่ AIST นั้น คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ เป็นส่วนใหญ่เพราะ มีชาวต่างชาติมาทำงานค่อนข้างมาก และนักเรียนแลกเปลี่ยนมาฝึกงาน ในแต่ละแผนก รวมถึงคนญี่ปุ่นที่ทำงานที่นี่ก็พูดภาษาอังกฤษได้ครับ โดยช่วงที่ผมมาฝึกคือ ไม่มีนักแลกเปลี่ยนเลย หมายความว่า ผมเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนคนเดียวในขณะนั้น 55555 เลยทำให้ผมมาทำงาน ที่ตึก annex building แทนที่จะไปทำงานที่ demo room ใน main buildingเพราะมี พี่ๆที่ออฟฟิศและอาจารย์ เข้ามาดูตลอด
บรรยากาสสถานที่ฝึกงาน
ผมจะทำงานที่ ชั้น 9 ครับ มี 2 แผนก Artificial Intelligence Research (AIRC) กับ Digital Architecture Research Center (DigiARC) ซึ่งผมจะทำงานที่ห้อง DigiARC ครับ
โดยบรรยากาศในออฟฟิศ จะเงียบๆ ชิวๆ ไม่ค่อยมีคนครับ เพราะ คนที่นี่เค้าไม่ได้เข้าออฟฟิศทุกวัน ทำงาน work from home ครับ จะมีมุมชงกาแฟ หรือ ไมโครเวฟให้ใช้ สะดวกสบายมากครับ
ส่วนเรื่องมุมรับประทานอาหาร จะมีตึกข้างๆชื่อ Telecom center มี cafeteria กับ family mart แล้วก็พวกร้านข้าวกล่องครับ มีหลายมุมให้เราทานอาหารเลยครับ จะทานใน cafeteria ก็ได้ หรือซื้อมาทานไปชมวิวไปก็ได้ครับที่อยู่ข้างๆ cafeteria ครับ ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ชั้น 10 กับ 11 ก็มีมุมเงียบๆให้ทานข้าวไปชมวิวไปได้ครับ
พื้นที่โดยรอบ และใกล้เคียง
สนับสนุนโดย MVIT Research Lab x AIST JAPAN
ทุนสนับสนุนการฝึกงาน ณ ต่างประเทศ (MUIR Partial Scholarships) มหาวิทยาลัยมหิดล https://op.mahidol.ac.th/ir/th/scholarship-for-internship/
📝กิตติคุณ ทองกัญชร

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา