21 มิ.ย. เวลา 15:09 • ความคิดเห็น

อย่างนี้ก็ได้เหรอ ตอน ” อย่างนี้ก็ไม่ยอมรับความจริงสิ “

วันหนึ่งเราเข้าไปคุยกับแม่ในห้อง แม่เป็นคนที่มีความสามารถในการเล่าเรื่องให้ตัวเองเหมือนเป็นนางเอกเจ้าน้ำตาได้เสมอ ฟังแล้วเราจะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ รันทด สลดใจมากตามไปด้วยเวอร์ชั่นที่แม่เล่ามันจะเป็นอย่างนั้นเสมอ
บางทีเราก็เลยไม่ค่อยอยากฟังความรันทดของแม่ พราะว่าฟังแล้วเราก็อดรันทด ทดท้อ ไปด้วยไม่ได้ แล้วก็คิดว่าถ้าเป็นเรา เราจะ ไม่ทำอย่างแม่
มันกลายเป็นชนวนให้ความคิดเรากับแม่ไม่เคยตรงกัน เรามีปากเสียงกับเสมอ แต่ก็ดูเหมือนแม่เค้าจะพอใจที่เรามีความเห็นเป็นของตัวเองนะ เพราะว่ารอบตัวเค้า เค้าจะเป็นคนที่พูดจาฟังดูดี มีเหตุมีผลที่สุด ฟังดูน่าเชื่อตามเป็นที่สุด
แต่เราสามารถหักล้างได้ไง ความคิดของแม่ ความมีเหตุผลของแม่ สำหรับเราแล้วมันเหมือนกับบิดเบี้ยวมาตั้งแต่ต้นแล้วพยายามทำความบิดเบี้ยวนั้นให้มีเหตุผล มันไม่ใช่อ่ะ
วันที่เราไปคุยกับแม่ในห้องก็เหมือนกัน แม่เริ่มที่จะเล่าอดีตอันรันทดให้เราฟังอีก เราบอกไปว่าไม่เป็นไร เราไม่อยากฟัง แม่ก็เลยพูดย้อนกลับมาว่า
“ อ้อ อย่างนี้ก็ไม่ยอมรับความจริงสิ”
คำพูดนี้มันกวนใจเรานะมันเหมือนจะใช่แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่ เพราะมันเป็นแค่ความจริงของแม่แล้วฟังแล้วก็มีแต่ความรันทด มันไม่มีความสว่างหรือเหตุผลใดใดในการตัดสินใจอย่างนั้นเลย แต่มันคือการตัดสินใจของแม่ไง มันผ่านมาแล้ว แล้วแม่อยากให้เรารับรู้ว่าแม่ลำบากนะแม่เจ็บปวดขนาดไหน เราควรจะรับรู้ด้วยหรือเปล่า
บางทีเราก็อยากไม่รับรู้เหมือนกันนะ เพราะว่าถ้ารับรู้แล้วมันจะทำให้จิตเราตกต่ำ ดาวน์ไปด้วยก็ไม่ไหว แม่เค้ามีวิธีการพูดให้ตัวเองเหมือนเป็นนางเอกเจ้าน้ำตาไง คำพูดทุกอย่างเหตุการณ์ทุกอย่างทำร้ายแม่หมด แม่เป็นเหยื่อ น่าจะเศร้าใจทีเคียดแค้นตลอดมา
อย่างนี้เราควรจะฟังไหม เราปฏิเสธการรับฟังเพราะเรารู้ว่าถ้าฟัง แม่ก็จะเอาเวอร์ชั่นของแม่มาเล่าให้เรารู้สึกดาวน์ไปด้วยอีก
เราว่าเราไม่ผิดนะในการที่จะปกป้องจิตใจและความนึกคิดของตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องไปเจ็บปวดหรือเศร้าเพราะความบิดเบี้ยวในความคิดของใครนี่ ใช่ไหม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา