29 มิ.ย. เวลา 00:00 • หนังสือ

บทความ Blockdit ตอน 10 ฉากสามก๊กที่น่าจดจำ

1 ทรยศต่อคนทั้งโลก
2
เมื่อตั๋งโต๊ะครองตำแหน่งสมุหนายก กุมฮ่องเต้ในมือ ขุนนางจำนวนหนึ่งประชุมลับที่บ้านของขุนนางอ้องอุ้น ร้องไห้คร่ำครวญ โจโฉที่ยังเป็นนายทหารหนุ่มหัวเราะ บอกว่าปัญหานี้แก้ได้อย่างเดียวคือลอบสังหารตั๋งโต๊ะ
4
เขารับอาสา เพราะเป็นทหารคนสนิทของตั๋งโต๊ะ อ้องอุ้นจึงมอบกระบี่โบราณให้เขาไปฆ่าตั๋งโต๊ะ
1
แต่โจโฉทำการไม่สำเร็จ ต้องเผ่นหนีออกจากเมืองหลวงลกเอี๋ยง หนีไปได้ไม่กี่วัน ก็เห็นประกาศจับเขา
2
โจโฉถูกจับที่เมืองจงพวน ตันก๋งเจ้าเมืองสอบสวนโจโฉ ถามว่าทำไมจะฆ่าตั๋งโต๊ะ โจโฉตอบว่าชาวฮั่นผู้รักชาติมีหน้าที่กำจัดทรราช
1
ตันก๋งถามว่าจะทำอย่างไร โจโฉว่าตนจะไปที่ตองกุ๋น ชักชวนขุนศึกเมืองต่างๆ ไปร่วมกันปราบตั๋งโต๊ะ
ตันก๋งหลงเชื่ออุดมการณ์ของโจโฉ ก็ปล่อยตัวออกจากคุก ตนเองก็ตามโจโฉไป
2
เดินทางไประยะหนึ่ง โจโฉก็แวะหาเพื่อนของบิดาชื่อ แปะเฉีย เพื่อพักแรมหนึ่งคืน และขอเสบียงอาหารเดินทางต่อไป
1
แปะเฉียต้อนรับโจโฉอย่างดี สั่งคนในบ้านให้เตรียมทำอาหารเลี้ยงแขก ตนเองไปตลาดเพื่อซื้อเหล้า
โจโฉเผลอหลับไป สะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงลับมีดและคนพูดกัน คนหนึ่งว่า “เราควรมัดมันก่อน แล้วค่อยฆ่า”
อีกคนกล่าวว่า “แทงมันเลยดีกว่า”
1
โจโฉเห็นชายสองคนถือมีดยาว เชื่อว่าแปะเฉียเข้าเมืองไปแจ้งเจ้าหน้าที่ ขณะที่คนของเขาเตรียมฆ่าเขา ก็ชักดาบไปที่ครัว ฆ่าคนทั้งสอง แล้วฆ่าบุตรและภรรยาของแปะเฉียตายหมดทั้งบ้าน รวมแปดคน
3
ตันก๋งชี้ไปที่สุกรตัวหนึ่งถูกผูกเชือกคล้องคอที่ครัว ความจริงคือชายสองคนนั้นกำลังจะฆ่าหมู โจโฉระแวงจนฆ่าคนบริสุทธิ์
3
ทั้งสองรีบหนีจากบ้านแปะเฉียไป สวนทางกับแปะเฉียแบกเหล้าหนึ่งไห ถามว่าโจโฉจะรีบไปที่ใด เขาซื้อเหล้ามาเลี้ยง
โจโฉโกหกว่าได้ข่าวว่าทางการกำลังตามมาใกล้ จึงต้องรีบหนี ว่าแล้วขี่ม้าออกไป แต่แล้วก็ชักม้ากลับ ชักดาบแทงแปะเฉียตาย
ตันก๋งไม่เชื่อตาตนเอง โจโฉบอกว่าตนไม่มีทางเลือก เขาบอกตันก๋งว่า “ข้าฯยอมทรยศต่อคนทั้งโลก แต่ไม่ยอม ให้โลกทรยศต่อข้า”
3
ฉากนี้โจโฉแสดงให้เห็นว่า เขาตัดสินฉับไว และรู้ว่าจะทำการใหญ่มีราคาที่ต้องจ่าย ราคาที่แพงที่สุดคือมโนธรรม
5
แต่เมื่อต้องการเป็นใหญ่ ก็ต้องยอมจ่าย
1
2 บุญคุณต้องทดแทน
1
ช่วงหนึ่งของชีวิต ชะตากรรมพลิกผัน กวนอูไปทำงานกับโจโฉ โดยมีข้อแม้ว่า หากเล่าปี่ยังมีชีวิต จะกลับไปหาเล่าปี่
โจโฉตกลง สัญญาไว้ก่อนเพราะเชื่อว่าจะซื้อใจกวนอูได้ แต่ต่อมาเมื่อกวนอูรู้ว่าเล่าปี่ยังมีชีวิต ก็กลับไปหาเล่าปี่อีกจริงๆ
2
แปดปีต่อมา ฝ่ายเล่าปี่และซุนกวนจับมือกันเผชิญหน้าโจโฉที่ยุทธการผาแดง กองทัพเรือของโจโฉพินาศ โจโฉกับทหารจำนวนหนึ่งหนีไปพบด่านของกวนอูขวางอยู่
1
โจโฉถามกวนอูว่า “เจ้าจะฆ่าเราหรือ?”
แน่นอน กวนอูปล่อยตัวโจโฉไป บุญคุณต้องทดแทน
2
ความจริงขงเบ้งวางตัวกวนอูไว้ที่ด่านที่เชื่อว่าโจโฉจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนี ขงเบ้งรู้ดีว่ากวนอูไม่มีวันฆ่าโจโฉ เพราะเป็นผู้รู้คุณคน ดังนั้นจึงให้กวนอูแทนคุณโจโฉให้เรียบร้อย ในอนาคตจะไม่มีข้ออ้างที่จะไม่จัดการกับโจโฉอีก
4
อีกเหตุผลหนึ่งคือ ขงเบ้งเห็นว่าโจโฉยังเป็นหมากสำคัญที่มีไว้คานอำนาจซุนกวน ฆ่าตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไร
2
ในมุมมองของกวนอู มันคือการตอบแทนบุญคุณ ในมุมมองของขงเบ้ง มันคือยุทธศาสตร์ทางการเมืองอย่างหนึ่ง
3
3 เล่าปี่ไม่เรียนรู้บทเรียน
หลังจากซุนกวนสั่งประหารกวนอู พระเจ้าเล่าปี่ก็แก้แค้น ทำศึกกับง่อก๊ก ลกซุนแม่ทัพง่อก๊กวางแผนตั้งรับอย่างเดียว เล่าปี่จึงประมาทว่าลกซุนเป็นแม่ทัพอายุน้อย รบไม่เป็น
ม้าเลี้ยงทูลขออนุญาตส่งแผนการรบของพระเจ้าเล่าปี่ให้ขงเบ้งดูก่อน แม้ไม่พอพระทัย แต่ก็ไม่ทรงห้าม
ขงเบ้งดูแผนการตั้งทัพแล้ว บอกว่าการตั้งค่ายเป็นแนวยาวเรียงรายไปตามสองฝั่งน้ำ ระยะทางเจ็ดร้อยลี้ จะซ้ำรอยเซ็กเพ็ก ถ้าข้าศึกจุดไฟเผา ทั้งกองทัพจะพินาศ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับโจโฉ
3
ม้าเร็วส่งข่าวจากขงเบ้งไปที่แนวหน้า แต่ไม่ทันการ
ในคืนหนึ่งที่ลมพัดจัด ลกซุนสั่งให้เรือรบกังตั๋งอาศัยความมืดแล่นเลียบข้างค่ายพระเจ้าเล่าปี่ ยิงธนูเพลิงเผาค่ายกองทัพเล่าปี่ ทุกแนวรบพร้อมกัน ปิดกั้นทุกทางหนี
กองทัพพระเจ้าเล่าปี่พินาศทั้งหมดในคืนเดียว
1
พระเจ้าเล่าปี่กับทหารติดตามหนี เอาตัวแทบไม่รอด โชคดีที่ขุนพลจูล่ง นำทัพบุกฝ่าวงล้อมศัตรูมาช่วย
มันคือเซ็กเพ็กครั้งที่สองทุกประการ เล่าปี่ไม่ได้จดจำบทเรียนของโจโฉนั้นเลย
3
สิ่งเลวร้ายที่สุดของผู้นำคือไม่เรียนรู้ความผิดพลาด ทั้งของตนและผู้อื่น แล้วซ้ำรอยความผิดพลาดนั้น ผลก็คือบ้านเมืองถึงขั้นสิ้นชาติ
6
ผ่านไป 1,800 ปี ผู้นำโลกก็ยังคงทำผิดซ้ำซาก เช่น สงครามอัฟกานิสถานก็คือการซ้ำรอยความผิดพลาดของสงครามเวียดนาม
3
4 โจโฉซื้อใจคน
ทัพสิบแปดหัวเมืองกำลังเผชิญทัพตั๋งโต๊ะ ณ ด่านเฮาโลก๋วน ห่างจากเมืองลกเอี๋ยงห้าสิบลี้ กองทัพตั๋งโต๊ะนำโดยแม่ทัพฮัวหยง กองทัพสิบแปดหัวเมืองนำโดยอ้วนเสี้ยว
โจโฉโน้มน้าวใจอ้วนเสี้ยวให้ระดมทัพสิบแปดหัวเมืองมาปราบตั๋งโต๊ะ โดยปลอมพระบรมราชโองการ
อ้วนเสี้ยวส่งทหารไปสู้กับฮัวหยงกี่คนๆ ก็ถูกฮัวหยงฆ่าตายหมด จนไม่มีใครอาสาไปสู้ สุดท้ายมีแต่กวนอูที่อาสา
1
อ้วนสุดน้องชายอ้วนเสี้ยวดูหมิ่นกวนอูว่า “เป็นแค่ทหารเลว”
1
โจโฉกล่าวว่า “ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เรามิควรคำนึงเรื่องชาติตระกูลและยศของเขา”
2
โจโฉก็รินสุราจอกหนึ่งให้กวนอู แต่กวนอูบอกว่า “กำจัดฮัวหยงสำเร็จ ข้าพเจ้าค่อยกลับมาดื่มยังมิสาย”
1
‘ทหารเลว’ กวนอูขี่ม้าออกไปไม่นานก็กลับมาพร้อมศีรษะของฮัวหยง
โจโฉยื่นจอกสุรานั้นให้ กวนอูก็รับมาดื่ม
โจโฉฉลาดซื้อใจทหารคนหนึ่ง โจโฉเป็นผู้นำประเภทที่สายตาแหลมคมในการมองเห็นคุณค่าของคน ในกาลต่อมา กวนอูก็ยอมไปทำงานกับโจโฉช่วงหนึ่ง
2
คนเป็นใหญ่พูดจากับเด็กดีๆ ก็ซื้อใจเด็กได้ แต่หากพูดจาดูหมิ่น ก็เสียโอกาสได้คนดี
3
ผู้นำอยู่ไม่ได้หากไม่มีลูกน้องที่ดี แต่ผู้นำจำนวนมากไม่เข้าใจความจริงข้อนี้
2
5 ขงเบ้งเล่นพิณ
ครั้งที่ขงเบ้งตั้งทัพที่ด่านยังเบงก๋วน สุมาอี้ยกทัพยี่สิบหมื่นมาประชิดเมือง ขงเบ้งรู้ว่ากำลังน้อยกว่า หนีก็ไม่ทัน จึงสั่งทหารรื้อธงบนกำแพงเมืองทั้งหมดออกไป เปิดประตูเมืองไว้ทั้งสี่ จัดหาชาวบ้านไปกวาดพื้นทุกประตู ประตูละยี่สิบคน ห้ามพูดจาใดๆ
ขงเบ้งให้จัดหาเด็กสองคน แต่งกายด้วยชุดสะอาด คนหนึ่งถือกระบี่ คนหนึ่งถือแส้ ตั้งพิณและกระถางธูปขนาดใหญ่บนเชิงเทินหน้าประตูกำแพงเมือง จุดธูป
ขงเบ้งเองสวมชุดใหม่เสื้อคลุมสีน้ำเงิน ขึ้นไปนั่งดีดพิณโบราณ เด็กทั้งสองยืนคนละข้างของขงเบ้ง
มันก็คือการจัดฉากลวงศัตรู
1
กองทัพของสุมาอี้เคลื่อนมาหยุดหน้าประตูเมืองที่เปิดกว้าง ทั้งกองทัพเงียบสนิท ได้ยินเสียงดนตรี ทหารฝ่ายสุมาอี้มองภาพประหลาดนั้นด้วยความไม่เข้าใจ
และยิ่งไม่เข้าใจเมื่อสุมาอี้สั่งถอยทัพ
ตำนานนี้อาจเป็นแค่เรื่องแต่งเพิ่มสีสัน แต่ประเด็นคือการบลัฟฟ์เป็นส่วนหนึ่งของเกมสงคราม นี่เป็นสงครามจิตวิทยา การบลัฟฟ์จะมีน้ำหนักหรือไม่ ขึ้นกับความน่าเชื่อถือของคนบลัฟฟ์
1
มองในอีกมุมหนึ่ง สุมาอี้อาจแกล้งถูกหลอก เพราะเห็นว่าขงเบ้งยังเป็นหมากที่มีประโยชน์
3
6 คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต
ช่วงหนึ่งสุมาอี้ถูกปลดจากตำแหน่ง ไปใช้ชีวิตอย่างชาวบ้านที่เมืองอ้วนเสีย เมื่อเมื่อวุยก๊กพ่ายศึกหลายครั้ง พระเจ้าโจยอยทรงไม่มีทางเลือก เรียกสุมาอี้กลับไปเป็นแม่ทัพอีกครั้ง
ในยุทธการเฮาโลก๊ก ขงเบ้งลวงสุมาอี้และบุตรชายทั้งสองสุมาสูกับสุมาเจียวไปในหุบเขา แล้วจุดไฟคลอก ทั้งทัพติดกับ รอไฟคลอกตาย
แต่ทันใดนั้นก็ปรากฏฝนเทลงมาอย่างหนัก จนดับไฟที่กำลังจะคลอกพวกเขา
พวกเขาฝ่าวงล้อมของทหารจ๊กก๊กออกไปได้ รอดชีวิตอย่างหวุดหวิด เกือบสิ้นชื่อ
1
บางครั้งสงครามและการเมืองก็มีตัวแปรที่อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์
2
ในปลายสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐฯไม่ได้ต้องการทิ้งระเบิดปรมาณูที่นางาซากิ เป้าหมายของพวกเขาคือเมืองโคคุระ แต่สภาพอากาศและควันดำเหนือฟ้าโคคุระทำให้ต้องเปลี่ยนแผนไปทิ้งระเบิดที่นางาซากิ
1
คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต
1
7 อีเกียดลวงโลก
ซุนเกี๋ยนเป็นเจ้าเมืองเตียงสา เป็นหนึ่งในเจ้าเมืองที่ร่วมกองทัพสิบแปดหัวเมืองเพื่อโค่นตั๋งโต๊ะ
หลังจากแยกตัวจากกองทัพสิบแปดหัวเมือง ซุนเกี๋ยนก็ไปตั้งตนเป็นใหญ่ที่กังตั๋ง
หลังจากซุนเกี๋ยนตาย ซุนเซ็กครองอำนาจต่อ เขากับจิวยี่ รวบรวมหัวเมืองต่างๆ เข้าด้วยกัน เป็นอาณาจักรกังตั๋ง
ซุนเซ็กพยายามสร้างฐานอำนาจให้มั่นคง แต่วันหนึ่งเขาเห็นภัยคุกคามใหม่ที่คาดไม่ถึงมาก่อน
เต้าหยินผู้หนึ่งนามอีเกียดตั้งตนเป็นผู้วิเศษ ทั้งชาวบ้าน ชาวเมือง ทหาร ขุนนางก็หลงเชื่อ
1
ซุนเซ็กเห็นว่าต้องกำจัดอีเกียดโดยเร็ว ก่อนที่ความเชื่อนี้จะกลายเป็นอำนาจทางการเมือง
ปีนั้นกังตั๋งเกิดภัยแล้ง อีเกียดทำพิธีเรียกฝน ซุนเซ็กจึงฉวยโอกาสจับอีเกียดมัดไว้บนกองฟืน แล้วจุดไฟเผาทั้งเป็น ให้เหตุผลกับชาวบ้านว่า ถ้าอีเกียดเป็นผู้วิเศษจริง ย่อมสามารถสั่งฝนมาดับไฟ
3
ปรากฏว่าฝนตกลงมาจริงๆ ไฟบนกองฟืนดับ ชาวบ้านชาวเมืองก็คุกเข่ากราบอีเกียด ยิ่งเชื่อว่าอีเกียดเป็นผู้วิเศษ
2
นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง ‘คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต’
8 เถาถั่ว
โจโฉมีลูกชายสี่คนคือ โจผี โจเจียง โจสิดและโจหิม โจผีลูกชายคนโตเชี่ยวชาญการรบ ติดตามบิดาไปรบในสมรภูมิ โจเจียงรู้เรื่องการทหารดีเช่นกัน โจหิมฉลาดพอประมาณ
1
ส่วนโจสิดเป็นปราชญ์มีสติปัญญาเฉียบแหลม เป็นศิษย์ของบัณฑิตเอียวสิ้ว มีความสามารถแต่งบทกวี
เมื่อโจโฉตาย ขุนนางกาเซี่ยงและสุมาอี้เลือกสนับสนุนโจผี โจผีก็ขึ้นครองอำนาจแทนโจโฉ
แต่แม้ได้ครองอำนาจแล้ว โจผีก็ระแวงว่าพี่น้องคนอื่นคิดชิงอำนาจ จึงจัดการลดอำนาจของโจเจียง ยึดกำลังทัพสิบหมื่นของโจเจียง แล้วส่งโจเจียงไปปกครองเมืองเอียงเหลงที่อยู่ห่างไกล
1
ส่วนโจหิมที่ไม่มางานศพบิดา ก็ส่งคนไปจับมาลงโทษ โจหิมชิงฆ่าตัวตาย
1
โจผีสั่งให้จับโจสิดและครอบครัวมาประหาร ขุนนางฮัวหิมเสนอวิธีหาเรื่องฆ่าโจสิด ตั้งโจทย์ให้โจสิดแต่งบทกวีเกี่ยวกับพี่น้องโดยห้ามใช้คำว่าพี่และน้อง และต้องแต่งให้เสร็จภายในช่วงเวลาเดินเจ็ดก้าว มิเช่นนั้นถือว่าหลอกลวงคนอื่นว่าตนเป็นกวี จะฆ่าทิ้ง
โจสิดรู้ว่าตนตายแน่ ก็เดินเจ็ดก้าว พร้อมแต่งบทกวีสดๆ
“เถาถั่วคือเชื้อไฟใช้ต้มถั่ว
คนคลั่กทั่วจนเตาเหลือเถ้าเถา
ถั่วแลต้นต่างร่วมรากเหง้าเรา
ไยเร่งเร้าเผาถั่วทั้งต้นเอย”
3
มันเป็นบทกวีที่กินใจ เปรียบเทียบความเป็นพี่น้องกันดุจเถาถั่ว
โจผีเปลี่ยนใจไม่ฆ่าน้องชาย ส่งโจสิดไปครองเมืองอันเหียนซึ่งอยู่ห่างไกล
อำนาจสูงสุดไร้เยื่อใยแห่งสายโลหิต อำนาจสูงสุดต้องการเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว
1
9 สิ้นชาติ
หลังจากพระเจ้าเล่าปี่สวรรคต พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ครองราชย์ ทรงเป็นฮ่องเต้อ่อนแอ ปกครองไม่เป็น บ้านเมืองก็อ่อนแอลงจนถึงจุดที่ฝ่ายวุยก๊กเห็นว่าถึงเวลายึดจ๊กก๊กแล้ว
วุยก๊กส่งแม่ทัพเตงงายไปบุก จ๊กก๊กมีแม่ทัพจูกัดเจี๋ยม บุตรชายของขงเบ้งต้านรับ จูกัดเจี๋ยมยังนำจูกัดสง บุตรชายออกไปรบด้วย
เตงงายล้อมเมืองกิมก๊กไว้แน่นหนา ทหารจ๊กก๊กสูญชีวิตไพร่พลจำนวนมาก เพราะไร้กำลังทัพเสริม
1
การการรบครั้งหนึ่ง จูกัดเจี๋ยมแพ้ แต่ไม่ยอมถูกจับเป็น ใช้กระบี่เชือดคอตาย จูกัดสงเห็นบิดาเสียชีวิต ก็นำทหารออกไปช่วย ถูกระดมยิงด้วยเกาทัณฑ์ตายกลางสนามรบ
พระเจ้าเล่าเสี้ยนทราบข่าว ก็ทรงเรียกประชุมเสนาบดี ขุนนางใหญ่หลายคนเห็นว่าควรยอมแพ้ “เพื่อประโยชน์ของชาวราษฎร์”
เล่าขำ โอรสพระเจ้าเล่าเสี้ยน ด่าเหล่าขุนนางที่คิดยอมแพ้ บอกว่าเสฉวนยังมีกำลังทหารหลายหมื่นคน เสบียงอาหารเพียงพอรบได้อีกนาน ทำไมยอมแพ้ง่ายๆ แต่ไม่มีใครฟังเล่าขำ
พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงตกลง และสั่งให้ร่างจดหมายยอมแพ้ แต่มีข้อแม้ขอดำรงความสุขสบายตามเดิมที่ใดสักแห่ง
เล่าขำกับครอบครัวฆ่าตัวตาย รู้ว่าเสฉวนล่มสลายแล้ว
2
ทุกยุคทุกสมัยมีผู้นำและข้าราชการแบบนี้ ใจไม่สู้ หวังเพียงเอาตัวรอด ลงเอยที่สิ้นชาติ
2
10 เล่าเสี้ยนก็คิดถึงจ๊กก๊ก
1
เมื่อพระเจ้าเล่าเสี้ยนยอมจำนนต่อทัพวุยก๊ก ทัพวุยก๊กนำโดยแม่ทัพเตงงายก็ยกทัพเข้าเมือง ทำพิธียอมแพ้ ขุนนางเจี๋ยวจิ๋วยกตราแผ่นดินมอบให้แม่ทัพข้าศึก ทหารจุดไฟเผาโลงศพตามพิธี
พิธีมอบเมืองเสร็จสิ้น เล่าเสี้ยนได้รับตำแหน่งใหม่เป็นตันหลิวอ๋อง และต้องไปอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง ป้องกันการแข็งข้อ
1
สุมาเจียวเชิญเล่าเสี้ยนและขุนนางจ๊กก๊กไปกินเลี้ยง สุมาเจียวเห็นเล่าเสี้ยนมีความสุขกับการแสดงฟ้อนรำ ขณะที่ขุนนางจ๊กก๊กคนอื่นไม่มีความสุข จึงถามเล่าเสี้ยนว่า “มาอาศัยอยู่ที่ลกเอี๋ยงนาน คิดถึงจ๊กก๊กบ้างหรือไม่?”
2
เล่าเสี้ยนตอบว่า “มิได้คิดถึงจ๊กก๊กแต่อย่างใด”
1
เมื่อมีโอกาส ขุนนางขับเจ้งกระซิบกับเล่าเสี้ยนว่า “ท่านมิควรตอบเช่นนั้น จะทำให้คนคิดว่าท่านมิไยดีต่อบ้านเกิด ในโอกาสหน้าถ้าใครถาม ให้ตอบว่า คิดถึงบ้านเกิดอยู่ทุกเวลา ปรารถนาจะกลับไปเคารพศพบรรพบุรุษที่จ๊กก๊ก ท่านสุมาเจียวก็อาจอนุญาตให้ท่านกลับเสฉวน”
2
ต่อมาสุมาเจียวถามเล่าเสี้ยน “จริงหรือที่ท่านไม่คิดถึงจ๊กก๊กเลย?”
เล่าเสี้ยนตอบว่า “ข้าฯคิดถึงบ้านเกิดมาก ข้าฯปรารถนาจะกลับไปเคารพศพบรรพบุรุษที่จ๊กก๊ก”
สุมาเจียวยิ้มถาม “ขับเจ้งสอนให้พูดเช่นนี้หรือ?”
เล่าเสี้ยนตอบว่า “ใช่”
2
สุมาเจียวก็รู้ว่าจ๊กก๊กสิ้นชาติแล้วโดยสิ้นเชิง
สูตรของการสิ้นชาติคือผู้นำเห็นแก่ตนเองมากกว่าชาติ ผสมกับอีโก้ การไร้วิสัยทัศน์ ขาดความกล้าหาญ
5
โฆษณา