13 ก.ค. เวลา 00:00 • หนังสือ

บทความ Blockdit ตอน 10 สุดยอดการตอแหลในสามก๊ก

1 โจโฉ (จะ) ฆ่าตัวตาย
1
เมื่อขุนศึกอ้วนสุดตั้งตนเป็นฮ่องเต้ โจโฉ ซุนเซ็ก เล่าปี่ ลิโป้ ก็ระดมพลโจมตีอ้วนสุดพร้อมกัน
3
ทัพโจโฉจำต้องผ่านเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน ที่ปรึกษากุยแกแนะนำให้โจโฉซื้อใจชาวบ้าน อย่าให้ชาวบ้านเดือดร้อน ก็จะได้ใจราษฎร
2
โจโฉเห็นด้วย จึงออกคำสั่งห้ามทหารหยียบพืชผลของชาวไร่ชาวนา แม้แต่ต้นข้าวเพียงต้นเดียว หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษถึงขั้นประหาร ป่าวประกาศให้ชาวไร่ชาวนาที่หนีภัยสงคราม เดินทางกลับมาได้ จะไม่ทำอันตรายใดๆ ชาวบ้านก็กลับมา และพากันสรรเสริญโจโฉ
ทัพโจโฉเมื่อผ่านไร่นา ก็จูงม้าเดินไปช้า ๆ ระวังไม่เหยียบต้นข้าวเสียหาย
วันหนึ่งขณะที่โจโฉขี่ม้าเลาะไร่นา ฝูงนกทำให้ม้าตื่น เหยียบพืชผลชาวบ้านเสียหาย
โจโฉจึงชักกระบี่ขึ้นมา บอกว่าในเมื่อตนทำผิด ก็สมควรรับโทษถึงตายเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ว่าแล้วก็ทำท่าใช้กระบี่เชือดคอตนเอง คนรอบตัวก็ตรงเข้าห้าม
1
กุยแกกล่าวว่า “ท่านทำเช่นนี้ย่อมถูกต้องตามกฎที่ตั้งไว้ แต่หากท่านตายไป ชาวบ้านทั้งหลายจะเดือดร้อน บ้านเมืองจะวุ่นวาย”
1
โจโฉฮึดฮัด บอกว่ามิได้ กฎต้องศักดิ์สิทธิ์ บรรดาทหารคนสนิทก็โน้มน้าวใจโจโฉให้คิดใหม่ “เพื่อเห็นแก่ประโยชน์สุขของราษฎร”
4
โจโฉทำท่าถอนใจยาว และยอมอย่างเสียมิได้ กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นก็ขอประหารตนในเชิงสัญลักษณ์ก็แล้วกัน
ว่าแล้วก็ใช้กระบี่ตัดเส้นผมตนออกมากระจุกหนึ่ง
ทหารก็บอกต่อกันว่า โจโฉเป็นชายชาติทหารโดยแท้ ทำผิดก็รับผิด ประชาชนได้ยินเรื่องนี้ ก็พากันสรรเสริญความเที่ยงธรรมของโจโฉ
2
ปัญหาของชาวโลกคือ แม้เห็นผู้นำเล่นละครปาหี่ ก็ยังหลงเชื่อ
11
2 ทวงเมืองคืน
1
หลังจากเล่าปี่ครอบครองแผ่นดินเกงจิ๋ว โดยขอยืมจากซุนกวนมาระยะหนึ่ง กังตั๋งก็ทวงเกงจิ๋วคืน โดยส่งโลซกไปเจรจา
เล่าปี่ได้ยินแล้วก็ร้องไห้ โลซกตกใจ ขงเบ้งอธิบายว่า เล่าปี่ตั้งใจรักษาสัญญาจริง ๆ ปัญหาคือ เล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวน เป็นคนแซ่เล่าเช่นเดียวกัน สืบเชื้อสายราชวงศ์ฮั่นเหมือนเล่าปี่ การชิงเมืองจากคนแซ่เดียวกันมิถูกต้อง อีกประการ หากคืนเกงจิ๋วให้กังตั๋ง ราษฎรทั้งหลายก็ไร้ที่อยู่ เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เล่าปี่จึงกลืนไม่เข้า คายไม่ออก จึงร้องไห้
2
เล่าปี่กับขงเบ้งขอให้ฝ่ายกังตั๋งผ่อนผันให้พวกเขาตั้งหลักที่เกงจิ๋วต่อไปอีก ‘สักระยะหนึ่ง’
เมื่อโลซกทำการไม่สำเร็จ ซุนกวนก็ส่งจูกัดกิ๋น พี่ชายของขงเบ้งไปเจรจา คราวนี้เล่าปี่บอกว่าจะคืนสามเมืองคือ เตียงสา เลงเหลง และฮุยเอี๋ยงให้ซุนกวนทันที ว่าแล้วก็สั่งอาลักษณ์รีบทำหนังสือคืนเมือง มอบให้จูกัดกิ๋น ให้จูกัดกิ๋นไปหากวนอูเพื่อรับเมืองคืน
1
เมื่อจูกัดกิ๋นไปหากวนอู กวนอูก็ไม่คืนเมืองให้
เมื่อจูกัดกิ๋นกลับมาต่อว่า เล่าปี่ก็บอกว่า กวนอูเป็นคนหัวแข็ง ตนเองก็คุมไม่ได้ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน รอให้ฝ่ายตนตีเมืองฮันต๋งได้แล้ว จะส่งกวนอูปกครองเมืองนั้น จึงสามารถคืนเกงจิ๋วให้ได้
2
จนแล้วจนรอด ก็ไม่ตีเมืองฮันต๋งสักที
3 ขงเบ้งไปงานศพจิวยี่
1
แม่ทัพจิวยี่แห่งง่อก๊กตายในวัย 36 ด้วยอาการโลหิตเป็นพิษจากลูกธนู ในศึกเมืองลำกุ๋น ประกอบกับขงเบ้งเขียนจดหมายมายั่วยุ จนกระอักเลือดตาย ก่อนตายจิวยี่เอ่ยว่า “ฟ้าส่งข้าฯมาเกิดแล้ว ไฉนถึงส่งขงเบ้งมาเกิดด้วย”
2
ที่ฝ่ายง่อก๊กคาดไม่ถึงคือ ขงเบ้งไปงานศพจิวยี่ ใครๆ ก็เชื่อว่าหากขงเบ้งไปปรากฏตัวที่นั่น จะถูกฆ่าตาย
ฉากนี้เซอร์เรียลมาก ขงเบ้งตรงไปที่โลงศพจิวยี่ คุกเข่า โขกศีรษะอย่างแรง น้ำตาไหลพราก ร้องไห้คร่ำครวญ เสียใจที่จิวยี่จากไป
2
ผลคือขงเบ้งไม่ถูกฆ่า
แน่นอนฝ่ายซุนกวนย่อมอ่านเกมออก แต่ไหนๆ จิวยี่ก็ตายไปแล้ว ก็ต้องมองภาพกว้างก่อนเรื่องส่วนตัว จับมือกันต่อดีกว่า
สำหรับขงเบ้ง การเข้าถ้ำเสือย่อมมีความเสี่ยง แต่นี่เป็น calculated risk ขงเบ้งรู้ว่าฝ่ายนั้นจะไม่ฆ่าเขากลางงานศพ เพราะฝ่ายซุนกวนยังต้องพึ่งฝ่ายเล่าปี่ พันธมิตรซุนกวน-เล่าปี่ยังมีความจำเป็น
1
4 สุมาอี้ก่อรัฐประหาร
พระเจ้าโจยอยแห่งวุยก๊กทรงแต่งตั้งสุมาอี้เป็นมหาอุปราช หลังจากครองราชย์นานสิบสามปี ก็สิ้นพระชนม์ พระชนมายุเพียงสามสิบหกพรรษา ก่อนสวรรคตรับสั่งฝากฝังให้สุมาอี้ดูแลราชบุตรโจฮอง ชันษาแปดพรรษาขึ้นครองบัลลังก์ โดยให้ขุนนางโจซองเป็นผู้สำเร็จราชการ
1
โจซองต้องการกำจัดสุมาอี้ เพ็ดทูลพระเจ้าโจฮองให้ระแวงสุมาอี้ ลดอำนาจในกองทัพ บีบสุมาอี้และลูกชายสองคน สุมาสูกับสุมาเจียวให้ลาออกจากตำแหน่ง
สุมาอี้รอเวลาสุกงอม เขายังไม่สามารถใช้กำลังทหารเก่าของเขา เพราะกำลังของโจซองมากกว่า เขาค่อยๆ ส่งคนไปแทรกซึมตามจุดต่างๆ
2
วันหนึ่งพระเจ้าโจฮองและโจซองไปเซ่นไหว้พระศพพระเจ้าโจยอยที่นอกเมือง หลังจากนั้นก็ไปล่าสัตว์ สุมาอี้และลูกชายก็ยกกำลังทหารสามพันคนเข้ายึดอำนาจในเมืองหลวงอย่างฉับพลัน
ฮวนห้อม ที่ปรึกษาของโจซองหนีรอดไปได้หวุดหวิด ไปรายงานให้โจซองรู้
โจซองคิดพาพระเจ้าโจฮองไปตั้งหลักที่เมืองหลวงเก่าฮูโต๋ แล้วให้ฮ่องเต้ทรงประกาศว่าสุมาอี้เป็นกบฏ เรียกทหารจากหัวเมืองต่างๆ ไปปราบสุมาอี้ แต่เมื่อรู้ว่าสุมาอี้จับมเหสีและสนมกำนัลทั้งหมดของฮ่องเต้ รวมทั้งญาติพี่น้อง ลูกเมียของโจซองและพวกในเมืองลกเอี๋ยงเป็นตัวประกัน ก็เปลี่ยนแผน
สุมาอี้ส่งสารไปถึงโจซอง ยืนยันว่ามิได้คิดล้มราชบัลลังก์ เพียงต้องการอำนาจการทหารคืนเท่านั้น สุมาอี้รับประกันความปลอดภัยของโจซอง
โจซองกับฮ่องเต้ไม่มีทางเลือก ยอมรับข้อเสนอของสุมาอี้ เดินทางกลับลกเอี๋ยง
สุมาอี้ก็บีบให้พระเจ้าโจฮองออกคำสั่งประหารโจซองกับพวกสามชั่วโคตร และแต่งตั้งสุมาอี้เป็นมหาอุปราช อำนาจหวนคืนสู่ตระกูลสุมา
2
สุมาอี้ไม่รักษาคำสัญญาที่ให้ไว้กับอีกฝ่าย เพราะการโกหกเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การชิงอำนาจ
2
5 เล่าปี่กลัวเสียงฟ้าร้อง
พระเจ้าฮั่นเหี้ยนเต้ทรงรู้ว่าไม่ช้าก็เร็ว โจโฉจะชิงบัลลังก์ของพระองค์ จึงทรงคิดวางแผนกำจัดโจโฉโดยใช้ขุนนางตังสิน
ทรงแทงนิ้ว ใช้พระโลหิตทรงพระอักษรบนผ้าขาว ซ่อนผ้าขาวไว้ที่ชั้นในของเสื้อคลุม เย็บปิดไว้ เมื่อตังสินเข้าเฝ้า ทรงกระซิบสั่งตังสินว่า ถึงบ้านแล้ว ให้เลาะตะเข็บเสื้อคลุมออก
ตังสินกลับถึงบ้าน อ่านจดหมายเลือดแล้ว ก็ชักชวนคนที่เขาวางใจมาร่วมขบวนการ ได้แก่ จูฮก ตันอิบ โงห้วน จูลัน ม้าเท้ง และเล่าปี่ แผนการคือลอบสังหารโจโฉ
1
เล่าปี่เข้าร่วมขบวนการตังสินแล้ว ก็ทำตัวเล็กลง วันๆ ใช้ชีวิตทำสวนปลูกผัก ฝ่ายโจโฉเห็นแล้วก็แปลกใจ วันหนึ่งโจโฉก็ส่งคนมาเชิญไปพบ เล่าปี่ก็ระแวงว่าโจโฉอาจระแคะระคายเรื่องแผนการ
1
โจโฉชวนเล่าปี่ไปดื่มกินที่สวน ขณะนั้นเกิดพายุหนักมืดฟ้ามัวฝน เห็นเมฆมืดมัวไปทั้งฟ้า ได้ยินคนร้องว่ามังกรสำแดงฤทธิ์บนอากาศ ทำให้เกิดพายุหนัก
1
โจโฉแกล้งถามว่า รู้หรือไม่ว่าทำไมมังกรสำแดงฤทธิ์
เล่าปี่ตอบเลี่ยงๆ ว่าไม่รู้
โจโฉว่า รู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้มีผู้ใดมีสติปัญญากว้างขวางเหมือนมังกรสำแดงฤทธิ์
เล่าปี่ก็ตอบว่าไม่รู้ โจโฉว่าทำไมถ่อมตัวนัก
เล่าปี่บอกว่า อ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยงจัดว่าเป็นผู้มีสติปัญญา มีทหารที่มีฝีมือมาก โจโฉหัวเราะ บอกว่า อ้วนสุดนั้นอุปมาเหมือนศพอยู่ในหลุม ไร้สติปัญญา
1
เล่าปี่ว่า ในหัวเมืองฝ่ายเหนือ อ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋วเป็นผู้มีสติปัญญา มีทั้งกองทัพและที่ปรึกษาหลายคน โจโฉว่า อ้วนเสี้ยวเป็นคนบ้ายศ ขี้ขลาด ไม่ใช่คนมีสติปัญญา
เล่าปี่ไล่ชื่อไปอีกหลายคน โจโฉก็บอกว่าไม่มีใครที่มีสติปัญญา
เล่าปี่ว่า ทุกวันนี้จะหาผู้มีสติปัญญาเหมือนมหาอุปราชนั้นยากยิ่ง โจโฉว่า ยังมีอีกคนหนึ่งคือท่าน
เล่าปี่ได้ยินดังนั้นก็สะดุ้ง ตะเกียบพลัดตกจากมือ บังเอิญ เกิดเสียงฟ้าร้องพอดี เล่าปี่ก็ทำท่าตกใจ เอามือปิดหูไว้
1
โจโฉหัวเราะที่เล่าปี่กลัวเสียงฟ้าร้อง ตั้งแต่นั้นก็ไม่คิดระแวงเล่าปี่
ลีลาอุดหูกลัวเสียงฟ้าร้องน่าจะ ‘เว่อร์’ ไป คนระดับโจโฉย่อมดูออก แต่มันก็แสดงว่าทั้งคู่ตอแหลเก่งพอกัน
6
6 โจโฉแต่งตำรา
โจโฉให้เอียวสิ้วลูกน้องของตน อ่านตำราพิชัยสงครามสิบห้าบท เอียวสิ้วประทับใจอย่างยิ่ง โจโฉบอกว่าเป็นตำราที่ตนเขียนเอง
วันหนึ่งเตียวสง ทูตจากเสฉวนนำเครื่องบรรณาการมาคำนับโจโฉที่ฮูโต๋ เอียวสิ้วบอกเตียวสงว่า โจโฉเป็นปราชญ์ เขียนตำราพิชัยสงครามสิบห้าบท
เตียวสงว่า ที่เสฉวนก็มีตำราพิชัยสงครามสิบห้าบทเช่นกัน ว่าแล้วก็ท่องให้เอียวสิ้วฟัง
ข้อความที่ท่องมานั้นตรงกับข้อความที่โจโฉเขียนทุกประโยค
เตียวสงว่า นี่เป็นตำราที่เขียนขึ้นสมัยเลียดก๊ก ใคร ๆ ในเสฉวนก็รู้
2
เอี้ยวสิ้วจึงรู้ว่าเจ้านายของตนเป็นนักละเมิดลิขสิทธิ์ตัวยง คือลอกทั้งเล่ม เข้าข่ายตอแหล
4
7 ตั้งตนเป็นเทพ
กลุ่มสิบขันทีเป็นกลุ่มอำนาจที่ครอบงำราชวงศ์ฮั่น ฉ้อราษฎร์บังหลวง แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน ผู้ใดต่อต้านก็ถูกกำจัด บ้านเมืองระส่ำระสาย ข้าวยากหมากแพง มิหนำซ้ำยังประสบอุทกภัย
ในเวลาเช่นนี้ ชาวบ้านต้องการอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏตัวมีชื่อว่าเตียวก๊ก เขาเคยช่วยเหลือชาวบ้านที่ป่วยไข้หาย ชาวบ้านจึงหลงเชื่อกันมาก
เตียวก๊กคิดการใหญ่ หมายล้มราชวงศ์ฮั่น โดยร่วมมือกับขันทีฮองสี แต่ความแตก ฮองสีถูกจับขังคุก เตียวก๊กจึงตั้งตัวเองเป็นเทียนก๋งจงกุ๋น (เจ้าพระยาสวรรค์) แต่งตั้งเตียวโป้น้องคนกลางเป็นแตก๋งจงกุ๋น (เจ้าพระยาแผ่นดิน) และเตียวเหลียงน้องสุดท้องเป็นยินก๋งจงกุ๋น (เจ้าพระยามนุษย์) แจกผ้าเหลืองให้กองทัพชาวบ้านโพกหัว สวดคาถา “นภาสีฟ้าสูญสิ้น ฟ้าสีหลืองปรากฏ ปฐพีรุ่งเรือง” แล้วบุกยึดเมืองต่างๆ
2
เป็นที่มาของกลุ่มกบฏโพกผ้าสีเหลือง
1
บ่อยครั้งการชิงอำนาจก็ต้องตอแหลด้วยอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ชาวบ้านเชื่อ
การใช้พลังมวลชนทำได้โดยการตอแหล หลอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ฝ่ายตน หรือตอแหลว่าตนเป็นเทพมาเกิดใหม่เพื่อช่วยชาวบ้าน หรือได้รับการมอบหมายจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
2
และแปลกที่มีคนเชื่อเสมอ
8 ตอแหลแบบเสี่ยงตาย
โจโฉส่งเทียหยกไปเชิญตัวสุมาอี้มาทำงานที่เมืองหลวง เหตุผลเพื่อเรียกตัวมาอยู่ใกล้ๆ หากปล่อยไว้ไกลตา อาจก่อการกบฏได้
คนรับใช้พาเทียหยกไปหาสุมาอี้ถึงห้องนอน เพราะสุมาอี้กำลังป่วย เทียหยกบอกว่า โจโฉขอเชิญท่านสุมาอี้ไปรับตำแหน่งหวงเหมินซื่อหลางที่ฮูโต๋
สุมาอี้บอกว่า สังขารตนไม่ไหวแล้ว ข้อและกระดูกของตนเจ็บปวดจนลุกขึ้นเดินเหินมิได้ จึงไม่อาจไปทำงานสนองบัญชาของท่านโจโฉ
เทียหยกกลับไปรายงานโจโฉว่า สุมาอี้ป่วยหนัก เป็นโรคไขข้ออักเสบร้ายแรง เดินเหินมิได้ จึงไม่อาจทำงานที่เสนอให้ได้
โจโฉแค่นหัวเราะ รู้ว่าสุมาอี้ตอแหล บอกว่า “สุมาอี้มิได้ป่วยจริง เขาไม่อยากทำงานกับเราต่างหาก”
1
โจโฉส่งมือสังหารคนหนึ่งไปหาสุมาอี้ มือสังหารแทงมีดใส่ขาของสุมาอี้ สุมาอี้ก็นอนนิ่งๆ ไม่หนี แสดงป่วยจนขยับตัวไม่ได้จริง
1
เมื่อนั้นโจโฉจึงเชื่อ
ความจริงคือสุมาอี้อ่านเกมขาด รู้ว่าโจโฉจะส่งคนมาทดสอบ จึงยอมเสี่ยง
แต่ฉากนี้ต้องอาศัยการตอแหลแบบเสี่ยงตาย
1
9 สุมาอี้แกล้งขี้เยี่ยวราด
เมื่อสิ้นพระเจ้าโจยอย พระเจ้าโจฮองขึ้นครองราชย์ สุมาอี้ก็ถูกปลดจากอำนาจจากการยุยงของแม่ทัพโจซอง
สุมาอี้ก็ก้าวลงจากอำนาจ กลับไปอยู่บ้านเงียบๆ เหมือนคนชราทั่วไป
แต่เขารู้ว่าตนเองถูกพวกโจซองเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา เพื่อดูว่าเขาซ่องสุมกำลังหรือไม่ สุมาอี้จึงแกล้งทำตัวเลอะเลือนเหมือนคนแก่ที่รอวันตาย ขี้เยี่ยวราดเลอะเทอะ จนโจซองเชื่อว่าสุมาอี้หมดพิษสงแล้ว
1
แล้ววันหนึ่งเมื่อฝ่ายโจซองตายใจ สุมาอี้ในวัยเจ็ดสิบก็ยกกำลังยึดอำนาจในเมืองหลวง ฆ่าโจซองและพวกแบบถอนรากถอนโคน
3
การเล่นละครเป็นส่วนหนึ่งของการเมือง
10 เล่าปี่เป็นฮ่องเต้อย่างเสียไม่ได้
โจโฉครองอำนาจในตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีและวุยอ๋องจนวันตาย เพราะเห็นว่าการปราบดาภิเษกเป็นฮ่องเต้จะทำให้ผู้นำก๊กอื่นตั้งตนเป็นฮ่องเต้บ้าง ทำให้รักษาอำนาจยากขึ้น
แต่เมื่อโจโฉตาย โจผีก้าวขึ้นเป็นวุยอ๋องแทนบิดา กลับทิ้งนโยบายของบิดา โจผีต้องการบัลลังก์พระเจ้าฮั่นเหี้ยนเต้
โจผีบีบฮ่องเต้ทุกรูปแบบ จนในที่สุดพระเจ้าฮั่นเหี้ยนเต้ก็ทรงไม่มีทางเลือก สละราชบัลลังก์ ส่งหนังสือและตราหยกให้โจผี
จริงตามที่โจโฉคาด เมื่อขงเบ้งทราบข่าวโจผีแย่งราชสมบัติ สถาปนาราชวงศ์วุย ก็เห็นว่าถึงเวลาที่เล่าปี่จะปราบดาภิเษกเป็นฮ่องเต้บ้าง และมีความชอบธรรมกว่า เพราะเล่าปี่สืบสายมาจากราชวงศ์ฮั่น
1
แต่เล่าปี่ปฏิเสธตลอด
ขงเบ้งจึงแกล้งป่วยหนัก เมื่อเล่าปี่ไปเยี่ยม ขงเบ้งก็บอกว่า ที่ล้มป่วยเพราะเป็นทุกข์ที่โจผีเป็นขบถต่อราชวงศ์ฮั่น เล่าปี่ควรตั้งตนเป็นฮ่องเต้เพื่อไปปราบโจผี แต่กลับไม่ทำ
เล่าปี่จึงยอมเป็นฮ่องเต้ “เพื่อเห็นแก่ประโยชน์สุขของราษฎร”
2
โฆษณา