6 ก.ค. เวลา 11:41 • ความคิดเห็น
สิ่งที่พวกเราอาจจะไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ก็คือว่า
สิ่งที่ถามถึงนั้น เราจะได้มาด้วยการ
*ฝึกตามลำดับ
การฝึกสติ *ต้อง ทำตามลำดับ
*แทรก, นอกเรื่อง
ถ้าไม่ฝึกตามลำดับ มันก็ไม่ได้หรอกนะ
แต่เรามักคิดกันไปเอง ว่ามันได้
ได้มาง่ายๆ ด้วยการนั่งนิ่งๆ แล้วหลับตา
คือพวกเราคิดกันไปเอง, หรือไม่ก็หลวมตัวไปเป็นศิษย์ของพราหมณ์(ห่มเหลือง) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างชนิดที่ว่าถอนตัวกันไม่ขึ้นเลยทีเดียว
สติที่ถูกฝึกมาอย่างดี, ตามลำดับ มันนำไปสู่การมีสมาธิ
สมาธิที่ว่า รู้ตัวทั่วพร้อม, รู้ว่าขณะนี้ มีอะไรที่กำลังกระทบเราอยู่ และเรารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
มันก็ต้องฝึกแบบเปิดหูเปิดตา คือรับสัมผัสทุกอย่าง แล้วก็ฝึกไปกับมัน โดยมีลำดับในใจมาอย่างถูกต้อง เป็นพื้นฐานเสียก่อน
ส่วนการฝึกแบบไม่มีลำดับ, แถมยังให้เรานั่งหลับหูหลับตาหลับใจ อันนั้นเป็นพวกพราหมณ์, พวกฤาษีชีไพร, ปริพาชกนอกศาสนา เมื่อสี่พันกว่าปีก่อนโน้น อยู่มาก่อนพระพุทธเจ้าตั้งสองพันปี
แต่เขาก็อยู่มาได้จนถึงบัดนี้ ป้วนเปี้ยนอยู่โดยทั่วไป เขาเรียกตัวเองว่าชาวพุทธ เอ่ยถึงพระพุทธเจ้า ทุกประโยค
ไม่เคยแยแสเวรกรรมที่ว่า ตัวกำลังจะทำให้พระพุทธเจ้ากลายเป็นทรัพย์สินทางอุบายของพราหมณ์ ที่ต้องการแย่งชิงมวลชนกลับคืนมา เพื่ออามิส
พุทธะ แปลว่า
ผู้ตรัสรู้, ผู้ตื่นแล้ว, ผู้เบิกบานแล้ว
แต่คนพวกนี้กลับชวนคนเข้าป่า ไปนั่งหลับตา บอกว่าจะฝึกสติ, เพิ่มบุญบารมี, ชาตินี้, ชาติหน้า อะไรของเขานั่นแหล่ะ
นี่มันพราหมณ์ 100% เต็ม ไม่ขาดไม่เกิน
ในพระไตรปิฎก เราพบคำว่าพราหมณ์เอย..ๆ
นั่นคือพระพุทธเจ้าของเรา ใจดี, และพูดจาไพเราะ
2
เหนื่อยยากเท่าไหร่ พาฝูงคนออกจากความงมงาย ก็สู้อุตส่าห์เริ่มต้นแบบเพราะๆ พราหมณ์เอย..ๆ
*แต่เปล่าประโยชน์สำหรับคนบางคน ลองสังเกตุดู
ทีนี้เราตั้งใจที่จะถามแล้ว ก็ขอให้ลองฝึกตามนั้นดู
"ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า"
ตัวก็ตรง ไม่เอกเขนก
ตาก็ตรง สัมผัสภาพในปัจจุบัน
หูก็ตรง สัมผัสเสียงในปัจจุบัน
จมูกก็ตรง สัมผัสกลิ่นในปัจจุบัน
ลิ้นก็ตรง สัมผัสรสในปัจจุบัน
ตัวก็ตรง รู้สัมผัสทางกายในปัจจุบัน
ใจก็ตรง รู้ทันความคิดในปัจจุบัน
แบบนี้เรียกว่า *ตั้ง "กาย"ตรง
ดำรงสติเฉพาะหน้า
ถ้าหลับตาเมื่อไหร่ "กาย" ก็หมดไป
*นั่นเป็นวิธีของพราหมณ์
แล้วก็ฝึกๆๆๆ
ฝึกบนพื้นฐานที่ทำตามลำดับมาแล้วว่า
ไม่โลภ, ไม่โกรธ, ไม่หลง ๆลๆ
ตามคลิปที่ให้ไว้
โฆษณา