10 ก.ค. เวลา 08:00 • ท่องเที่ยว
ลอสแอนเจลิส

เก็บตก Highlight ใน L.A. ที่ไม่ควรพลาด

Chapter 71/10: L.A. Iconic, From Hollywood Sign to The Beautiful Beach Santa Monica
มาถึง Blog สุดท้ายสั่งลา Road Trip อเมริกาปี 2024 ของเราแล้ว เขียนกันมาอย่างมาราธอนถึง 10 ตอนเลยเพราะมันมีที่เที่ยวน่าสนใจเยอะมากๆ และทุกที่ที่ไปก็ประทับใจสุดๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Glen Canyon, Antelope Canyon, Horseshoe Bend, Grand Canyon, Sedona ดีใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มาเห็นสถานที่ที่สวยเกินบรรยายขนาดนี้
2
สำหรับ Blog สุดท้ายนี้เราจะฝังตัวกันอยู่แต่ในเมืองเพราะยังไม่ค่อยได้ไปเดินเที่ยวในเมืองเท่าไหร่ กะว่า 2 วันสุดท้ายจะหาอะไรทำชิลๆ แต่น้องที่ L.A. ดั๊นนน แนะนำ Outlets ที่นึงบอกว่าไปเหอะ เจอของดีเพียบ อ่ะ…ไปเก๊าะด๊ะ 😁
Outlets นี้ชื่อ Desert Hills Premium Outlets เป็น Outlets ในเครือเดียวกันกับ Woodbury Common ที่ New York เพราะฉะนั้นไว้ใจได้เลยว่าของน่าซื้อแน่ๆ ขับรถจากบ้านที่ Whittier ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงค่ะ
ถึงแล้ว
แต่ที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็นวิวของที่นี่นั่นแหละ สวยมากเลย
โลเคชั่นเวรี่กู้ด
วันนั้นก็ใช้เวลาไปกะที่ Outlet ซะจุใจเลย
Desert Hills Premium Outlets
ถ้าใครมีเวลาเหลือและไม่รู้จะทำอะไร แนะนำที่นี่เลยค่ะ น่าเดินน่าดูและน่าซื้อมากๆ
วันสุดท้ายใน L.A. เช้านี้เราจะเข้าไปหาอะไรกินจุ๊บจิ๊บที่คาเฟ่สไตล์เกาหลีที่ร้าน About Time อยู่ที่ Wilshire Boulevard ค่ะ
About Time
ร้านน่ารักขนมน่ากินมาก คนเยอะพอสมควร ส่วนใหญ่เป็นคนไปนั่งทำงานกันร้านเลยจะเงียบๆ ดี
ขนมอร่อย กาแฟดี เท่านี้แหละที่ต้องการ
ตึกด้านนอกของร้านนี้ก็เก๋มากเลย เดินเล่นถ่ายรูปก็สวยดีค่ะ
จากร้านกาแฟเราก็ขับรถขึ้นไปถ่ายรูปกับ Hollywood Sign สัญลักษณ์ของ L.A. ที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ Griffith Park, Mount Lee ใน Hollywood Hills ค่ะ
เจ้า Hollywood Sign เนี่ย เดิมที่เขาสร้างเป็นชื่อ "HOLLYWOODLAND" (ฮอลลีวูดแลนด์) มาก่อนตั้งแต่ปี 1923 สร้างขึ้นมาใช้งานชั่วคราวเพื่อเป็นการโปรโมทโครงการอสังหาริมทรัพย์ในท้องถิ่น โดยสร้างเป็นตัวอักษรพิมพ์ใหญ่สีขาวทั้งหมดเพื่อให้ดูโดดเด่น มีความสูง 13.7 เมตร และยาว 106.7 เมตร
ต่อมาป้ายนี้ได้รับความนิยมและทำให้เกิดการจดจำมาก จึงไม่ได้มีการรื้อถอนออกและในปี 1949 ก็ได้เอาคำว่า LAND ออกจนเหลือแค่ "HOLLYWOOD" อย่างที่เห็นจนถึงปัจจุบัน
Hollywood Sign
ความโด่งดังของป้ายนี้เกิดขึ้นในช่วงยุคทองของวงการภาพยนตร์อเมริกันที่ผู้ชมจะเห็นมันไปปรากฎอยู่ในภาพยนตร์มากมายหลายเรื่อง จนมันกลายเป็นที่รู้จักจดจำและกลายเป็นสัญลักษณ์ของวงการภาพยนตร์ในเวลาต่อมา ใครที่ได้มาเยือน L.A. ก็มักจะต้องไปถ่ายรูปร่วมกับป้ายนี้เพื่อเป็นที่ระลึกเสมอๆ รวมทั้งพวกเราด้วย 😁
การจะหาที่จอดรถเพื่อจะถ่ายรูปที่นี่ยากพอสมควร เพราะบริเวณนี้เป็นบ้านที่มีคนอยู่อาศัยเพราะฉะนั้นเราจะจอดมั่วตั้วไม่ได้นะ ต้องจอดในที่ที่อนุญาติให้จอดได้เท่านั้นไม่งั้นจะโดนใบสั่งได้นะจ๊ะ เพราะจะมีรถตำรวจคอยขับมาตรวจตลอดเวลา
เราขับรถไปต่อที่ย่าน Beverly Hills (เบเวอร์ลี ฮิลส์) อยากเห็นย่านไฮโซว่าเป็นยังไง
แค่ขับผ่านป้ายก็รู้สึกรวยละ 🤑
Beverly Hills เป็นย่านที่มีชื่อเสียงมากของ L.A. เพราะเป็นย่านที่มีไลฟ์สไตล์หรูหรา มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านช้อปปิ้งระดับไฮเอนด์ และก็เป็นที่พักอาศัยของดารานักแสดงและคนดังมากมาย
ส่วนพวกเราแค่นั่งรถโฉบเข้าไปไม่กล้าถ่ายรูปบ้านมาให้ดูเพราะเป็นที่ส่วนบุคคลเลยคิดว่าไม่ถ่ายดีกว่า แต่แค่เห็นรั้วบ้านเห็นถนนสวยๆ แบบนี้ก็คงรู้แล้วเนอะว่าย่านนี้เค้าไฮโซของจริง
จาก Beverly Hills เราขับรถไปหาข้าวเที่ยงกินที่ Santa Monica (แซนตา มอนิกา) ต่อค่ะ
รถคลาสสิกเก๋ๆ ใน L.A.
Santa Monica เป็นเมืองชายหาดที่อยู่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกและอยู่ติดกับ L.A. ด้วยความที่เป็นเมืองท่าและอากาศอบอุ่นกว่าเมืองอื่นๆ Santa Monica ก็เลยเป็นที่นิยมของคนอเมริกันและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
แถวนี้กลางคืนน่าจะสวย
โชคดีที่จองร้านอาหารที่เค้ามีที่จอดรถให้ด้วย เลยไม่ต้องตามล่าหาที่จอดรถ
The Lobster
ร้าน The Lobster อยู่ที่ถนน Ocean Avenue ติดกับทางเข้าท่าเรือเลย เดี๋ยวขอกินให้อิ่มก่อนค่อยไปเดินชมวิวกันนะ
ร้านวิวดีมาก
สั่งมากินจุ๊บจิ๊บนิดหน่อย หอยนางรมสดมากแต่เสียดายตัวเล็กไปหน่อย
อิ่มละก็ไปเดินเล่นต่อ ฝั่งตรงข้ามร้านอาหารมีสวนสาธารณะเล็กๆ พอดีเลยเดินเข้าไปดู
ส่องดูแล้วชายหาดอยู่ไกล๊ไกล ท่าจะไม่มีเวลาให้เดินลงไปเพราะเดี๋ยวต้องฝ่าการจราจรกลับเข้าบ้านแล้ว เลยขอถ่ายรูปอยู่ข้างบนนี้แทน
ดูรถที่อยู่ในลานจอดรถเยอะมากๆ
เท่าที่เห็นชายหาดไม่ได้ขาวเหมือนบ้านเราแต่พื้นที่ชายหาดกว้างมากๆ และตรงท่าเรือมีสวนสนุกชื่อดัง Pacific Park อยู่ด้วยซึ่งคนเยอะสุดๆ เสียดายไม่มีเวลาลงไปเดินเก็บภาพให้ดูได้แต่มองจากบนนี้แทน
Pacific Park
ชอบ Graffiti ภาพนี้สวยมากเลย
เห็นพระจันทร์มั้ยคะ
จาก Santa Monica เราก็ขับรถกลับเข้าบ้านไปเตรียมตัวเดินทางกลับไทยกันแล้วค่า
รถเยอะมากนี่ขนาดเป็นช่วงประมาณ 15.30 เองนะ
เห็นความรถติดของที่นี่มะ สาหัสอย่างที่บอกเลย แต่มันไม่ได้จอดแช่สนิทแบบบ้านเรานะ มีเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ บ้าง แต่รถเยอะมากจริงๆ
ถนนแถวบ้านเค้าเก็บรักษาต้นไม้ไว้อย่างดี ต้นใหญ่มากๆ
ถ่ายรูปกะวิวหน้าบ้านสวยๆ อีกซักครั้ง
สนามบิน LAX
ที่สนามบินหลังจากเรา Check-in ได้บัตรที่นั่งเสร็จเรียบร้อย ก่อนขั้นตอนผ่าน Security Check เราจะเจอกับสุนัขตำรวจที่จะมาตรวจเราและสัมภาระที่จะถือขึ้นเครื่อง
โดย จนท. จะจัดผู้โดยสารเป็นแถวๆ แถวละ 4 คนเดินเรียงหน้ากระดานไปแล้วน้องหมาก็จะเดินวนๆ รอบทุกคน ถ้าเค้าหยุดที่ใครก็แปลว่านั่นแหละฮะ แต่ไม่ช้าเลยนะแถวเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ เพราะน้องทำงานเร็วมาก ดูละน่ารักมากกว่าจะเครียด ไม่เหมือนที่เมลเบิร์นอันนั้นดูซีเรียสมากๆ เลย
1
ครั้งนี้เราได้มีโอกาสไปใช้ Star Alliance Lounge ที่สนามบิน LAX เป็น Lounge ที่เราชอบมากเพราะมีส่วนที่เป็น Outdoor ด้วย
ด้านนอกบรรยากาศดีมาก
เราเข้ามาประมาณ 3 ทุ่มกว่าใน Lounge คนเยอะมากกกก แต่ยังดีที่ข้างนอกไม่ค่อยมีใครมาใช้บริการคงเพราะอากาศเย็น แต่เขาก็มี Heater ติดไว้ให้ตามโต๊ะสร้างความอบอุ่นให้ด้วย
ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว
ลาแล้วนะอเมริกา แต่ๆๆ ทริปนี้ยังไม่จบสนิทค่ะ เพราะเราจะแว๊บไปหาอะไรกินในสิงคโปร์ระหว่างรอต่อเครื่องซักเล็กน้อย ปกติเราจะจองไฟล์ทที่ใช้เวลาต่อเครื่องไม่นานแต่คราวนี้มีภารกิจที่อยากทำ 2 อย่างเลยหาเวลาต่อเครื่องแบบยาวๆ 8 ชั่วโมงมันไปเลย
หยดน้ำที่อยู่ตรงหน้าต่างเครื่องบิน มันดูเหมือนเกล็ดหิมะมากเลย
เครื่องถึงสิงคโปร์พร้อมกับสายฝนเล็กๆ อากาศช่างอบอ้าวซะเหลือเกินเป็นการบอกให้รู้ว่าเรามาถึงโซนเอเชียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพักร้อนจบแล้วเด้อกลับไปทำงานทำงานทำงาน
2
ภารกิจแรกในสิงคโปร์ เรานั่งรถไปร้าน Cédric Grolet ก่อนเลย เพราะคุณพี่สาวอยากชิมขนมร้านนี้มาก
ร้าน Cedric Grolet จะอยู่ใน Club 21
ร้านนี้ดังมากเพราะเจ้าของร้าน Cedric Grolet ผู้ได้รับฉายาว่าเป็นเชฟขนมหวานที่ดีที่สุดในโลก เขาโด่งดังมากๆ ในโลก online เรียกได้ว่าเป็น Influencer สายขนมหวานที่ดังโฮกๆ ท่านหนึ่งเลย มีผู้ติดตาม IG เขามากถึง 11 ล้านคนแน่ะ
บรรดาครัวซองต์
และเค้ก
ส่วนขนมของแกก็เรียกว่าเป็นงานศิลปะดีกว่า อะไรจะต้องสวยขนาดนี้ !!! เหมือนผลไม้เด๊ะๆ สวยซะจนไม่อยากกินเลย คุณพี่สาวชิมแล้วบอกอร่อยมาก ส่วนเราไม่ได้ชิมเพราะมัวแต่เดินดูของเค้ากินกันหมดเกลี้ยงเลย 🥲
ข้างๆ ร้านขนมเป็น shop ของ Club 21 ที่กำลังโชว์งานรองเท้าล้ำๆ อยู่ เห็นละเลยขอถ่ายรูปมาให้ดูว่าล้ำขนาดไหน
ล้ำขนาดคนขายบอกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะใส่เดินได้จริงมั้ย 😂
จากร้านขนมเราไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านนี้เลย Wolfgang's Steakhouse
Wolfgang's Steakhouse
เป็นสาขาที่ 3 ประเทศที่ 3 ที่ตามมากินละ สุดยอดแฟนพันธุ์แท้จริงๆ
เมนูที่สั่งก็ตามเดิมเป๊ะๆ Wedge Salad, Sizzling Bacon, Porterhouse Steak for 3
จบลงที่อร่อยเกลี้ยงแบบจุกๆ
เมื่อ Mission completed คราวนี้ก็ได้เวลาไปสนามบิน Changi ขึ้นเครื่องกลับไทยละค่ะ
The Jewel
The Jewel ได้เห็นของจริงซักที สวยมากค่ะ
ไปละสิงคโปร์
ก็จบกันไปแล้วนะคะกับ Road Trip อเมริกาปี 2024 ทริปไม่สั้นไม่ยาว 15 วันของพวกเรา หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่อาจจะกำลังวางแผนไปเที่ยวอเมริกาฝั่งตะวันตกบ้างนะคะ เราอาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดการเดินทางมากเท่าไหร่ แต่จะเน้นไปในเรื่องของประสบการณ์การเดินทางและสถานที่ซะมากกว่า หวังว่าจะชอบกันนะคะ แล้วพบกันใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไปค่ะ สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 😊
โฆษณา