26 ก.ค. เวลา 15:34 • นิยาย เรื่องสั้น

จองจำเจตจำนง

ม่านตาเบิกโพลง ร่างกายสะดุ้งโหยง พลิกนาฬิกาข้อมือจ้องจด ปรากฏว่าบ่ายโมงกว่า ๆ ตัวเธอผวาหันซ้ายแลขวา เธอค้นพบว่าร่างกายและจิตใจติดอยู่ในห้องขังภายในสถานีตำรวจแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง สาวชำเลืองมองห้องขังฝั่งตรงข้าม ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นวะ”
เธอตั้งคำถามกับตนเองพร้อมนำมือทั้งสองข้างดึงผมผสมกับครุ่นคิดถึงเรื่องราวเมื่อวันก่อน เนื้อหนังของเธอไร้ร่องรอยความบอบช้ำ ความทรงจำล่าสุดที่เธอนึกได้คงเป็นการนั่งไขว่ห้างพร้อมมือซ้ายคีบบุหรี่รอแกร๊บแท็กซี่มารับ มือขวาจับโทรศัพท์ไถอินสตราแกรมตามภาษาวัยรุ่นตอนปลาย
ไม่กี่อึดใจรถโดยสารไม่ประจำทางมาจอดรับ เธอเปิดประตูรถพร้อมกับก้าวเท้าซ้ายเข้าไปในแท็กซี่คันสีส้ม มือซ้ายโยนก้นบุหรี่ลงท่อแม่นอย่างกับสตีเฟน เคอร์รี่ ชู้ดสามแต้ม ประตูรถปิดลง เธอนั่งเบาะหลังฝั่งซ้าย
“ไปที่ไหนครับ” โชเฟอร์หนุ่มถาม
“ไปที่ไหนก็ได้ค่ะ มันเรื่องของฉัน” สาวตอบด้วยความรำคาญ
“เอ่า เป็นอะไรของคุณครับ คุณเรียกผมให้มารับนะเฮ้ย”
“ก็ฉันปักหมุดในแอปแล้วไงว่าให้ปส่งที่ไหน ทำไม่ไม่ดูหละ” ท่าทางและน้ำเสียงของเธอพร้อมจะมีเรื่องได้เสมอ
“โอเคครับ” โชเฟอร์หนุ่มตอบรับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
แท็กซี่ออกตัวขับไปตามจุดมุ่งหมายดั่งความปรารถนาของสาวขี้โมโห สภาพจราจรเมื่อเข้าตัวเมืองใหญ่ไม่เป็นที่พอใจจากผู้ใช้ท้องถนนนัก เวลาพลบค่ำของวันศุกร์ไม่เหลือที่ให้มอเตอร์ไซค์ลัดเลาะได้ง่ายดาย เธอนั่งจ้องโทรศัพท์สอดส่องชีวิตคนอื่นผ่านแฟลตฟอร์มเข้าสังคม รอบข้างจะมืดมนหรือสว่างไสว อรไทก็ไม่ใฝ่ใจ กระทั่งเสียงแม่ค้ามาขายพวงมาลัยหรือสี่แยกจะมีรถชนท้ายก็มิสามารถดึงดูดอนงค์ให้สงสัยแม้แต่น้อย
ยานพาหนะแล่นไปถึงก่อนสี่แยกแห่งหนึ่งที่มีรถไฟฟ้าสองสายไขว้กัน หญิงสาวผละใบหน้าออกมาจากจอโทรศัพท์ ประกอบกับสาดส่องสายตาไปทางซ้ายขวับ ภาพตรงหน้าคือซอยสถานที่บันเทิงเฉพาะกลุ่มรายล้อมไปด้วยชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวผงะเมื่อเธอคนนั้นเห็นเด็กสาวอายุน้อยนั่งยองพูดพึมพำคนเดียวกับดอกไม้
อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเมืองหลวงที่มากพร้อมไปด้วยผู้คนที่ยังไม่พร้อมกับการยืนหยัดของสถานะทางสังคมและความมั่นคงทางการเงิน ตอนเช้าแทบทุกคนเร่งรีบที่จะไปทำบางสิ่งที่ผูกมัดพวกเขาไว้ด้วยปากท้อง ตอนเย็นก็คล้ายเคียงเพียงต่างเหตุผลด้วยอำนาจนำ ยามราตรีจึงเป็นช่วงผ่อนคลายของผู้เบื่อหน่ายจากแสงอาทิตย์และแสงประดิษฐ์ รวมทั้งตัวหญิงสาวเองก็เป็นดั่งพวกเขาเหล่านั้น
ทันใดนั้นสัญญาณไฟจราจรอนุญาตให้รถแท็กซี่ขับไปส่งเธอถึงที่หมาย สาวเปิดแอปธนาคารสแกนจ่าย จากนั้นสาวลงจากรถปิดประตูเป็นที่เรียบร้อย โชเฟอร์หนุ่มตะโกนเรียก “เฮ้ย คุณอะ” สาวหันไปมองด้วยความสงสัยในทันใดชายผู้นั้นชูนิ้วกลางและใช้นิ้วโป้งชี้ไปที่คอด้านซ้ายไปขวาก่อนจะขับรถไปอย่างรวดเร็ว
“เหี้ยไรของมันวะ พวกขับเอาแต่เงินเป็นอย่างกันหมดรึไง?”
หญิงสาวด่าทอรวมดูถูกโชเฟอร์แกร๊บแท็กซี่คนนั้นกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปยังสถานที่บันเทิงแห่งหนึ่งของย่านซอยที่ผู้มีอันจะกินมักไปเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง เธอเดินเข้าไปพบกับเพื่อนอีกสองคนตรงโต๊ะใกล้กับเวทีดนตรี สถานที่นั้นเต็มไปด้วยแสงสีและเสียงดังกังวาน ผู้คนในร้านแต่งตัวดูมีฐานะและหน้าที่การงานที่ดี ความเมามันในค่ำคืนประกอบกับแอลกอฮอล์หลากหลายแบรนด์ให้ได้เลือกชิม เวลาผ่านไปน้ำเมาไหลผ่านลงคอรอกำเริบฤทธิ์ของสุรา สาวเจ้าเริ่มลุกขึ้นสยายท่วงท่าราวกับไม่ได้เต้นมาเป็นปี ผู้คนโดยรอบก็เป็นเยี่ยงเธอ
“กูว่าแค่นี้ยังไม่ถึงเลยหวะ” เพื่อนของหญิงสาวกล่าวขณะกำลังร่อนร่างอันบางกรอบ
“มึงจะหาจัดอีกแล้วอ่อ?” เพื่อนรูปร้างอวบอั๋นถามเพื่อนอีกคนด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เอาดิวะ กูอยากลองเหมือนกัน เห็นมึงเล่นแล้วดูหลุดเหี้ยๆ” หญิงสาวตอบกลับด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เปิดโลกอีกใบ
ชั่วขณะที่สามสาวกำลังฉวัดเฉวียนพร้อมกับถือแก้วสุรา มีผู้ชายท่านหนึ่งปรี่เข้ามาทักทายประกอบกับขอชนแก้วกับทั้งสาม รูปร่างหน้าตาหล่อตี๋ แต่งตัวดี น้ำเสียงนุ่มละมุน ตามสไตล์คนเมือง บรรยากาศตลบอบอวนด้วยเสียงดนตรีสังเคราะห์ ดีเจยืนเต้นหัวเราะเพิ่มอรรถรสให้กับแขกผู้มาเยือน เสียงเตือนรถกู้ภัยไม่อาจเล็ดรอดผ่านแผ่นซับเสียงของทางร้านได้
ชายผู้นั้นเริ่มสนทนาไปสักพักใหญ่ ทั้งสามสาวเกินกรึ่มกว่าจะยับยั้งคารมคมคายของชายผู้เพิ่งปรากฏ ถ้อยคำหว่านล้อมโลมเร้าขนาดขุนแผนยังต้องจด ปลดเปลื้องปลดล็อคใจจิตสตรี เสมือนพ่อพลายมีสายบอกเล่าว่าสามสาวต้องการสิ่งใด
“ผมมีนะ ผมเขารู้จักกับผู้จัดการร้าน ตามผมมา”
สองสาวไม่รีรอที่จะตามชายหนุ่มไป มีแต่สาวร่างอวบที่ปฏิเสธและจะรอพวกเธออยู่ที่เดิม เมื่อมาถึงโต๊ะของผู้ชายประกอบกับเพื่อนของชายหนุ่มอีกสองท่าน สองสาวสนทนาแนะนำตัวไปชั่วครู่ หนุ่มตี๋คนนั้นได้หยิบถุงซิปที่เต็มไปด้วยผงสีขาวพร้อมกับเปิดถุงเทลงบนโต๊ะ ต่อมาเขาใช้บัตรเครดิตระดับพรีเมี่ยมเกลี่ยผงสีขาวให้เป็นแถวเรียงกันประมาณสองถึงสามแถวพร้อมผยักหน้าให้สองสาวลิ้มลองความมหัศจรรย์ของเคมีแห่งความสุขี
“มันจะดีจริงอ่อวะ” หญิงสาวพลางถามเพื่อนสาวที่มาด้วยกันขณะในมือกำลังถือหลอดที่ถูกดัดแปลงมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
“ไม่รู้ก็ต้องลองสิคะอีดอก สักครั้งจะเป็นไรไป” หลังเพื่อนสาวกล่าวจบเธอก็หยิบหลอดจ่อไปที่จมูกและสูดผงอัศจรรย์เข้าไปอย่างไม่รีรอ ชายหนุ่มอีกคนยื่นเม็ดสีเขียวรูปตุ๊กตาแบรนด์ดังให้พวกเธอได้ลิ้มลอง และแน่นอน พวกไม่อาจปฏิเสธได้
ความเดียวดายดาษดื่นโดดเดี่ยวท่ามกลางสังคมอโคจร ธรณีเปิดแยกยกยอดาราพลุ่งโพรยสู่ท้องนภา กลองมโหระทึกตีตึงตังต่อรับแตรติดตรึง เสียงรำพึงจึงก่อบ่ได้พักหักห้ามใจ สนามหญ้าลุกเป็นไฟล้อมรอบเปรียบดั่งฟลอร์รอเยาว์มาลเข้าไปฟ้อน ความลุ่มร้อนจากผลพวงของน้ำจัณฑ์ประกบคู่กับฤทธิ์พลังยาวิเศษ
ไม่มีอีกแล้วหญิงสาวผู้โกรธเกรี้ยว ไม่มีอีกแล้วหญิงสาวผู้ทะนงตนจากครอบครัวชนชั้นกลางค่อนบน ไม่มีอีกแล้วหญิงสาวผู้ขับเคลื่อนสังคมผ่านโซเชี่ยล ไม่เหลืออีกแล้วสติสตังไว้ประคองตน เจ๊กลาไปไทยลากมา เพื่อนสาวบางกรอบของเธอเข้าห้องน้ำไปกับหนุ่มตี๋เรียบร้อย เหลือเพียงเธอที่ยืนย่อกับพ่อหนุ่มโต๊ะถัดไป ถูกจับจูบลูบคำไม่สนหฤทัย โชคดีทันใด เพื่อนสาวร่างอวบใหญ่เข้ามาดึงแขนขาที่เธอไม่รู้สึกว่ามีมันอยู่กับตัว
“มึงทำบ้าไรของมึงวะ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวขนาดนี้ได้ยังไง” เพื่อนสาวเตือนพลางตบหน้าเบา ๆ
เธอไม่สนใจรีบผลักแขนเพื่อนของเธอและเติมเหล้าผสมกับน้ำอัดลมดื่มจนหมดแก้ว ชายฉกรรจ์จากแห่งหนตำบลใดไม่ทราบดึงร่างของเธอไปโยกย้ายท่ามกลางฝูงคนมากมาย ความสุขชั่วครู่ข้ามคืนคงหาย ความเมามายหลับไปตื่นฟื้นมาจิบน้ำชาร้อนๆ คงผ่อน แต่การกระทำในห้วงรัตติกาลมิอาจลบล้าง
ประตูร้านเปิดออกโดยหนุ่มทรงลีนพร้อมจูงแขนของเธอเพื่อไปขึ้นรถกลับ ค่ำคืนแห่งการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์คงไม่จบลงเพียงเท่านี้แน่ หญิงสาวเตรียมตัวจะขึ้นรถเก๋งยุโรปป้ายแดง ทันใดนั้นเองมีผู้หญิงสาวสวยปรี่เข้าจากถนนฝั่งตรงข้ามพร้อมกับกระชากตัวเธอที่ค่อนข้างไร้สติลงกับพื้นรวมทั้งเตะไปที่ใบหน้าอย่างแรง สาวสวยโยนกระเป๋าฟาดหน้าหนุ่มลีน จากนั้นเกิดการโต้เถียงกันเกิดขึ้นระหว่างหนุ่มลีนและสาวสวยอย่างแว่ว ๆ
“มึงคิดจะลากสาวไปกับมึงอีกแล้วหรอ? มึงจะนอกใจกูอีกใช่มั้ยไอ้เหี้ย?”
“ก็มันเมาเละขนาดนั้นกูก็แค่ใจดีจะไปส่งให้ปลอดภัยแค่นั้นเอง”
“แค่ไปส่งเหี้ยอะไรหละ ถ้าเพื่อนกูไม่ส่งข่าวมาให้ กูคงเป็นอีโง่ให้มึงหลอกได้ตลอดหรอกนะ”
เสียงเลือนรางและจางหาย จิตของเธอกำลังสั่งให้ลากสังขารคลานคืบออกจากปูนอย่างกับหมา ความทรมานจากผลของกรรม จนแล้วจนรอดเธอพยุงตัวเองลุกขึ้นได้อีกครั้ง หญิงสาวใช้แรงทั้งหมดยกแขนขวาโบกเรียกแท็กซี่ โชคดีของนงคราญ รถแท็กซี่สีส้มจอดรับตัวเธอขึ้น หญิงสาวพยายามเปิดประตูขึ้นแบบทุลักทุเล เมื่อเข้าไปนั่งในรถได้ หัวและแผ่นหลังนาบไปกับเบาะหลังทันที สายตาพร่าเบลอ มีรอยปลายรองเท้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทำให้เธอผู้นั้นละทิ้งความพยายามที่จะกลับบ้าน รถแท็กซี่ออกตัวไปอย่างรวดเร็วเพื่อรีบทำยอดช่วงเวลายอดนิยม
“ไปพระรามเก้าค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ
“กูไม่ไป!” โชเฟอร์ตอบด้วยน้ำเสียงโมโหและหันหน้ามาจ้องหญิงสาวอย่างยักษา
หญิงสาวสะดุ้งด้วยความตกใจกลัวสุดขีด พร้อมกับเห็นใบหน้าของคนขับเป็นคนที่เธอพูดจากวนส้นเท้าเมื่อตอนขามา อะดรีนาลีนจากต่อมหมวกไตของเธอหลั่งสุดขีดสั่งการให้มือซ้ายของเธอตบไปที่ใบหน้าของหนุ่มคนขับอย่างจัง
“มึงตบกูทำเหี้ยอะไร” คนขับพูดจบพร้อมใช้มือซ้ายดึงผมของหญิงด้วยแรงผู้ชายต่อด้วยใช้มือขวาต่อยไปที่ใบหน้าของหญิงสาว
ด้วยตำแหน่งการนั่งของคนขับไม่อาจต่อยเข้าเป้ามากนัก เกิดการต่อสู้ในสังเวียนรถแท็กซี่ สวนไปสวนมาทั้งสองฝ่าย หยิงสาวได้โอกาสพุ่งไปหน้ารถเพื่อแย่งพวงมาลัย ความชุลมุนชุลเกพารถที่สองนั่งพลิกคว่ำชนกับเสาไฟฟ้า ทุกอย่างสงบนิ่งยกเว้นควันที่พวยพุ่งจากเครื่องยนต์
เธอคลานออกมาจากรถ พื้นถนนเต็มไปด้วยเศษกระจกและเศษซากรถบางส่วน ร่างผู้ชายกระเด็นออกมานอนอยู่ข้างรถใกล้กับร่างอันปวกเปียกจากการต่อสู้ ใครเล่าจะคิดว่า มาเที่ยวสังสรรค์จะเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ หญิงสาวท้าวแขนเพื่อลุกขึ้น ทันใดนั้นโชเฟอร์พุ่งขึ้นมาบีบคอหอยอย่างแน่น ดวงตาเบิกโพรงเตรียมขย่ำเหยื่อเสมือนนักล่า สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเธอทำงาน มือซ้ายของเธอขว้าเศษแหลมของรถยนต์เข้าไปแทงที่คอโชเฟอร์หนุ่ม และดึงมันออกมาแทงเข้าไปที่หัวใจของเขา ย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคู่กรณีได้จากโลกนี้ไปแล้ว
ร่างกายของเธอแบกรับความบอบช้ำไม่ไหว สลบไสลแน่นิ่งอยู่ข้างร่างหนุ่มไร้วิญญาณ
ใบหน้าของเธองุนงงกับเรื่องราวสุดแสนจะเกินความเป็นจริง เนื้อตัววูบวาบ ไม่นานนักมีคู่สามีภรรยาแต่งตัวดูมีทรัพย์สินเป็นสิบเป็นร้อยล้านได้ อายุอานามน่าจะห่าง 3 รอบ
“เป็นไงบ้างลูกแม่ เป็นอะไรมากเนี่ยฮะ” เสียงของแม่เธอสะอื้นด้วยความห่วงใย ประกอบกับเข้ามาโผกอดผ่านลูกกรงห้องขัง
“หนูไม่เป็นอะไรค่ะแม่” เธอตอบพลางน้ำตาคลอ
“พ่อกับแม่มาประกันตัวหนูแล้วนะ” คุณพ่อเอ่ยขึ้นมา
“หนูจะได้ออกจากแห่งนี้แล้วหรอคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงดีใจ
“ใช่จะ หนูจะไม่ทุกข์ทรมานแล้วนะ”
สิ้นเสียงคำที่คุณแม่เอ่ยจบ หญิงแก่ท่านนั้นก็คว้ามีดจากกระเป๋าหลุยส์วิตตองและแทงใต้คางของหญิงสาวมิดด้าม เธอนอนดิ้นจมกองเลือด พ่อและแม่ของเธอรีบเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงร่างกายของผู้เป็นลูกอย่างเลือดเย็น
ไม่มีคำตอบจากทางเจ้าหน้าที่ ไม่เห็นผู้คนออกมาเรียกร้อง ไร้ซึ่งสำนักข่าวตีแผ่เรื่องเล่า มีแค่เรื่องราวเป็นบทความเรื่องหนึ่งบนเว็บไซต์เขียนเรื่องสั้น มีเพียงเท่านั้น แค่นั้น แค่นั้นจริง ๆ
ศิรอนปก๊ะ
26/07/2567
โฆษณา