HR ก็มักจะเอาเปอร์เซ็นต์ที่ได้รับการอนุมัตินี้มาอิงกับผลการปฏิบัติงานของบริษัทที่แบ่งออกเป็น 5 เกรดคือ A B C D E (หรือบางบริษัทอาจกำหนดเป็นตัวเลข เช่น 5 4 3 2 1)
อย่างนี้คนที่ถูกประเมินผลงานในเกรด B เป็นคนที่มีฝีมือมีความสามารถในการทำงาน รับผิดชอบงานได้ตามเป้าหมายดีกว่าเกณฑ์เฉลี่ยคือเกรด C จะได้รับการขึ้นเงินเดือนสูงกว่าคนที่ได้เกรด C เพียง 5% (5.25 ลบ 5 หาร 5 คูณ 100)
หรือคนที่ถูกประเมินว่าทำงานเยี่ยมที่สุดคือเกรด A ได้ขึ้นเงินเดือนมากกว่าเกรด B เพียง 4.8% (5.5 ลบ 5.25 หาร 5.25 คูณ 100) เช่นเดียวกัน
ลองคิดดูสิครับว่าคนที่ได้รับการประเมินผลในเกรด B จะดีใจหรือไม่ถ้ารู้ว่าเขาได้รับการขึ้นเงินเดือนมากกว่าเกรด C แค่ 5% ในขณะที่คนที่ได้รับการประเมินผลในเกรด A ก็คงรู้สึกไม่ต่างอะไรกับเกรด B ที่รู้สึกเปรียบเทียบงานของตัวเองกับเกรด C
หรือถ้ากำหนดให้ C=5% B=7% A=10% อย่างนี้ก็จะทำให้เกรด B ห่างจาก C=40% และ A ห่างจาก B=43% แบบนี้ก็ยิ่งจะทำให้คนที่ถูกประเมินผลงานในเกรด B และ A เกิดแรงจูงใจที่ดีมากขึ้นไหมล่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์และจุดประกายความคิดให้กับ HR สาย Com & Ben เพื่อให้เกิดไอเดียและนำไปต่อยอดดัดแปลงปรับปรุงระบบ Rewards ของท่านให้สอดคล้องกับระบบประเมินผลงานบ้างแล้วนะครับ