Ralph Lauren คงเป็นชื่อที่เราอาจจะเคยได้ยินกันจนคุ้นหูมาอย่างยาวนาน เป็นแบรนด์ที่หากเราอยากปรับเปลี่ยนลุคหรือแต่งกายให้ดูมีภูมิฐานและดูหรูหราแต่เรียบง่าย แบรนด์ Ralph Lauren ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกแรกๆของใครหลายคน
ครั้งนี้เราจะมาย้อนประวัติความเป็นมาของ Ralph Lauren แบรนด์ที่ใครหลายคนยกให้เป็นสัญลักษณ์ของความ "Old Money" มาตั้งแต่อดีตกัน
ย้อนกลับไป 85 ปี Ralph Lauren เกิดขึ้นโดยเด็กหนุ่มในเขตบรองซ์ของเมืองนิวยอร์กที่มีชื่อว่า Ralph Lifshitz เขาเกิดในปี 1939 ในครอบครัวชาวยิวที่อพยพมาจากเบลารุส ในช่วงเวลานั้นฐานะทางครอบครัวของเขานั้นค่อนข้างมีจำกัด
ที่มา Ralph Lauren Official
พ่อของเขาทำงานเป็นจิตรกร ในขณะที่แม่ของเขาเป็นแม่บ้าน ด้วยฐานะทางครอบครัว ทำให้ Ralph กลายเป็นคนที่ชอบจินตนาการถึงความฝันเกี่ยวกับชีวิตที่หรูหราและสง่างามมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
ในวัยเด็กนั้น Ralph มักถูกเพื่อนในชั้นเรียนล้อเลียนเกี่ยวกับชื่อของเขาเพราะว่ามันฟังดูแปลกในยุคนั้น ทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนชื่อจาก Ralph Lifshitz มาเป็น Ralph Lauren
ตั้งแต่เด็ก Ralph มีความสนใจในด้านแฟชั่นและสไตล์ เขามักจะซื้อเสื้อผ้ามือสองและนำมาปรับแต่งใหม่ให้ดูทันสมัยและมีสไตล์มากขึ้นอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่ง Ralph ได้เริ่มต้นการทำงานในอุตสาหกรรมแฟชั่นในตอนที่เขาเป็นหนุ่ม โดยเริ่มต้นจากการเป็นพนักงานขายในร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายในย่านนิวยอร์ก
Ralph ทำงานในแวดวงแฟชั่นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 1967 Ralph ก็ได้ก่อตั้งแบรนด์ของเขาเองขึ้นมาจริงๆ ตามความฝันในวัยเด็กของเขา ในชื่อ Polo Ralph Lauren ซึ่งก็คือ แบรนด์ที่พวกเรานิยมใส่กันในปัจจุบันนั่นเอง
ที่มา Ralph Lauren Official
โดยในช่วงแรก Polo Ralph Lauren เริ่มต้นจากการออกแบบเนคไท โดย Ralph Lauren เขาได้ออกแบบเนคไทแตกต่างไปจากนักออกแบบคนอื่นๆ ในช่วงเวลานั้น
อย่างไรก็ดี สิ่งที่จุดประกายความ Old Money ของแบรนด์ไม่ได้มีเพียงแต่เนคไทเท่านั้น เพราะในปี 1972 ทางแบรนด์ได้เปิดตัวสินค้าที่จะกลายมาเป็น Iconic ตลอดกาลของ Ralph Lauren นั่นคือเสื้อโปโลที่มีโลโก้นักขี่ม้าเล่นโปโลปักอยู่ที่หน้าอกนั่นเอง
ที่มา Ralph Lauren Official
เสื้อโปโลนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งโปโลซึ่งเป็นกีฬาของเหล่าชนชั้นสูง Ralph Lauren เขาได้มองเห็นโอกาสในการสร้างแบรนด์ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและค่านิยมของชนชั้นสูงในสังคมตะวันตก
ด้วยความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 1997 Ralph Lauren ได้ตัดสินใจที่จะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) โดยใช้ชื่อย่อว่า RL การเข้าสู่ตลาดหุ้นทำให้ Ralph Lauren สามารถระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจในระดับโลกได้มากขึ้น และยืนยันถึงความสำเร็จของแบรนด์ในตลาดแฟชั่นระดับโลก
หลังจากการเข้าสู่ตลาดหุ้น Ralph Lauren ได้ขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดสาขาใหม่ในเมืองสำคัญทั่วโลก เช่น ปารีส โตเกียว และมิลาน การขยายตัวในตลาดต่างประเทศทำให้ Ralph Lauren กลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์แฟชั่นระดับโลกที่มีอิทธิพลในวงการแฟชั่นทั่วโลก
ต่อมาในช่วงปี 2010 แบรนด์ Ralph Lauren เผชิญกับความท้าทายทางธุรกิจที่สำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดแฟชั่น และเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ Ralph Lauren ได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยมุ่งเน้นที่การสร้างความเข้มแข็งให้กับแบรนด์หลัก และการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขายสินค้าออนไลน์
แต่แม้ว่า Ralph Lauren จะต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ แบรนด์ยังคงรักษามรดกที่สะท้อนถึงความหรูหราและความเป็นชนชั้นสูงไว้ได้เป็นอย่างดี และยังคงมุ่งเน้นที่การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงและนำเสนอสไตล์ที่คลาสสิกและทันสมัยในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ Ralph Lauren ยังสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับชนชั้นสูง เช่น การแข่งโปโล และงานการกุศล เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของวิถีชีวิตของชนชั้นสูง ซึ่งหากใครเป็นสาวกของแบรนด์นี้ก็คงจะพอทราบกันดีว่า Ralph Lauren นั้นมักจะมีการ Collaboration กับแบรนด์อื่นหรืองานแข่งขันที่สำคัญๆ รวมถึงออกเสื้อผ้าคอลเลกชันเฉพาะงานแข่งขันกีฬาต่างๆ มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นงานแข่งขันกีฬาที่นิยมกันในหมู่ชนชั้นสูงหรือระดับโลกทั้งนั้น เช่น Paris Olympic 2024
ที่มา Ralph Lauren Official
ที่มา Ralph Lauren Official
ที่มา Ralph Lauren Official
หรือแม้กระทั่งการนำเสนอผ่านสื่อ ตัวอย่างเช่น แคมเปญ "The American Dream" ของ Ralph Lauren ที่นำเสนอภาพของครอบครัวอเมริกันชนชั้นสูงที่อยู่ในคฤหาสน์หรู ทำกิจกรรมต่างๆ หรือการพักผ่อนในวันหยุดที่เกี่ยวข้องกับชนชั้นสูง
แคมเปญนี้ไม่เพียงแต่สร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของแบรนด์ในฐานะสัญลักษณ์ของ Old Money แต่ยังทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าพวกเขาสามารถเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตนี้ได้ เพียงคุณแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของ Ralph Lauren
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นอะไรหรือทำอะไรก็ตาม ทางแบรนด์ก็จะมีการใส่ความเป็นชนชั้นสูงและความหรูหราเข้าไปในทุกๆองค์ประกอบของแบรนด์ จึงไม่แปลกเลยที่หลายคนยกให้ Ralph Lauren เป็นสัญลักษณ์ของความ "Old Money" มาตั้งแต่ในอดีต
อย่างไรก็ตาม แม้ในปัจจุบันผู้ก่อตั้งอย่าง Ralph Lauren จะได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง CEO ของบริษัทไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงดำรงตำแหน่ง Executive Chairman และ Chief Creative Officer เพื่อมุ่งเน้นที่การกำหนดวิสัยทัศน์และทิศทางของแบรนด์ให้ยังคงเดิมต่อไป