22 ส.ค. เวลา 09:57 • ท่องเที่ยว
เสียมราฐ

Day 3 ออกจากพนมเปญ มุ่งหน้าสู่เสียมเรียบ

ในที่สุดก็ถึงวันที่3 ก่อนจะถอดใจเขียนบล็อกเพราะความขี้คร้าน ฮ่าๆ
Day 2: หดหู่ใจที่คุกตวลสเลง & ทุ่งสังหารเจืองแอก และเดินเล่นยามเย็นรอบๆ Royal Palace https://www.blockdit.com/posts/66c1b8a6e830dd61f9a63853
Day 1: วันแรกในกรุงพนมเปญ https://www.blockdit.com/posts/66beff5a196b9a6ee97b27fe
ที่เสียมเรียบหรือเสียมราฐมีเรื่องเล่ามากมาย ทั้งโหด มันส์ ฟิน (?) เพราะดิฉันอยู่ที่เสียมเรียบนานที่สุดก็ว่าได้
ทั้งนครวัดที่ยิ่งใหญ่, บรรยากาศที่เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยว, ผู้คนก็ใจดี คิดว่าต่างจากเมืองหลวงอย่างพนมเปญที่ได้ไปสัมผัสมาเลย (ซึ่งอาจจะสัมผัสมาแค่ 2 วัน)
เริ่มมื้อเช้าด้วยหมั่นโถว, ขนมปัง และกาแฟเย็น
รถที่จะพาเราเดินทางจากพนมเปญไปเสียมเรียบ
เริ่มเช็คเอ้าจากโรงแรมที่พนมเปญตั้งแต่เช้าและไปที่สถานีขนส่ง Mey Hong Transport (Phnom Penh) เพื่อรับตั๋วยืนยันที่ดิฉันจองรถในเว็บ 12Go.asia
รถบัสที่ได้ในการเดินทางค่อนข้างเกินความคาดหมายมาก เพราะนั่งสบายสุดๆและที่นั่งค่อนข้างกว้าง นับว่าเป็นทริป 6 ชั่วโมงที่ประทับใจมาก แต่เรื่องที่แย่คือมีเด็กน้อยร้องไห้ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง 😭
1
ด้านในรถกว้างและนั่งสบายมาก จากการเดาคิดว่าเป็นที่ซื้อต่อหรือได้มาจากเกาหลี – แอบเห็นรอยตัวอักษรเกาหลีที่โดนลอกออกไป
Baguette 🥖🥖 ระหว่างรถพักให้เข้าห้องน้ำ
วิวระหว่างทาง
รถมาถึงเสียมเรียบช่วงบ่ายๆ และดิฉันก็ได้มุ่งหน้าไปที่โรงแรมเลย ซึ่งดิฉันเข้าใจว่าได้จองห้องพักที่มีแอร์ใน Agoda ราคา 20 USD สำหรับ 3 คืน แต่ทางโรงแรมกลับบอกว่าฉันไม่ได้จองห้องแอร์มา ตัดสินใจว่าจะทนกัดฟันนอนห้องพัดลมไปเพราะ 'ขี้งก' ค่ะ
น้องมอเตอร์ไซค์ที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน
วันแรกในเสียมเรียบดิฉันมีเวลาช่วงบ่ายๆ และได้เช่ารถมอเตอร์ไซค์ราคา 8 USD จากที่พัก ถือเป็นการขับมอเตอร์ไซค์แบบจริงจังครั้งแรกเลยก็ไม่ผิด…แถมที่นี่ขับรถคนละฝั่งกับไทยด้วย แน่นอนว่าต้องมีคนเขมรแอบด่าดิฉันอยู่ในใจว่าไอ้นี่ขับรถยังไงของมัน???
1
ประเดิมรถเช่าคันแรกด้วยการขับไป Pub street หรือย่านที่เขาบอกว่าคล้ายๆถนนข้าวสารของไทย ซึ่งกว่าจะถึงก็ดึกมากแล้วเพราะว่าดิฉันขับรถหลงประมาณ 40 นาที บวกกับประหม่านิดๆ 😂 ตอนแรกตั้งใจจะขับไปสำรวจดูบริเวณออฟฟิศขายตั๋วเข้านครวัดแล้วจะกลับโรงแรมมาหาของกิน แต่เพราะมัวแต่หลงทาง ออฟฟิศขายตั๋วก็ปิดไปแล้วเลยตัดสินใจขับไปผับสตรีทแทน
Pub street/ Art Center Night Market
ผับสตรีท – ที่นี่ทำให้นึกถึงถนนข้าวสารที่กรุงเทพฯเหมือนกัน มีทั้งผับ, บาร์, สตรีทฟู้ด, ร้านขายงานศิลปะและของที่ระลึก ที่ไม่เหมือนคือที่นี่มีร้านสปาปลาหลายร้านมาก (ประมาณ 1 USD) ก็คือการให้น้องปลามาตอดๆเท้า – ก่อนมากัมพูชาเคยอ่านข่าวสาวออสเตรเลียต้องตัดเท้าไปเพราะสปาปลา… ดังนั้นดิฉันขอข้ามการทดลองนี้ไปแล้วกัน
คล้ายๆหมี่ซั่ว นั่งเม้ามอยกับนทท.สาวจากเบลเยี่ยมผู้จะเดินทางไปไทยต่อ
ถ้าเดินข้ามมาอีกฝั่งไม่ไกลมากจะเป็นตลาดศิลปะ Art Center Night Market ที่เน้นขายของ handmade, งานศิลปะ และของที่ระลึก ซึ่งดิฉันเดินแถวนี้นานๆไม่ได้เพราะว่ามันสามารถละลายเงินได้ค่ะ (ก็คนชอบซื้อของจุกจิก)
จบวันด้วยการขับรถกลับด้วยความกลัว (อีกแล้ว) เพราะทางมันมืดดิฉันก็เพิ่งเคยออกถนน และกัมพูชาก็ขับรถทางขวาค่ะ…ความจริงก็ไม่ต้องการให้ดึกมาก แต่ขามาดันขับรถหลงทางกว่าจะมาถึงฟ้าก็มืดแล้ว
เรื่องเล่าในห้องพัก 🥵
เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายจริงๆ เพราะในเดือนเมษายนที่อากาศร้อนระอุ ในห้องพักที่ไม่มีแอร์ เหมือนอยู่ในนรกชั้นที่ 6 ก็ว่าได้ และคืนแรกที่นอนดิฉันตื่นมาตั้งแต่ตี 3 เพราะว่าจิ้งจกมันตกใส่ขาดิฉันกลางดึก คุณพระช่วย นอนไม่ได้แล้ว เลยตัดสินใจตื่นตั้งแต่ตี 3 และเตรียมตัวไปนครวัดเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น
ถ้าถามว่าทำไมไม่ยอมอัพเกรดเป็นห้องแอร์…พูดตรงๆว่าขี้งกค่ะ🥹
เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
สุภาษิตไทย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา