4 ก.ย. เวลา 01:30 • ไลฟ์สไตล์

#6 ทางม้าลายที่สี่แยกใหญ่

ตื่นเช้ามา เจ็บคอ ไข้มาหาเราเรียบร้อย ตัวรุมๆเจ็บคอ มีเสมหะ น้ำมูกเล็กน้อย ก่อนนอนได้ทานฟ้าทะลายโจร ไม่รู้ว่าจะช่วยบ้างหรือเปล่า อาบน้ำ เดินทางออกจากบ้าน การเดินทางของเราเช้าเย็น รวมเวลาเดินทางได้ เช้า 40 นาที + เวลารอต่อรถประมาณ 5-10 นาที ตอนเย็น ก็ 40 นาที แต่เวลาต่อรถอีกประมาณ 20 นาที เพราะตอนเย็นหลังจากลงรถไฟฟ้า เราต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีคนอื่นอีกเป็น 10 คนที่ลงสถานีพร้อมๆกัน
เวลาเดินออกจากขบวน ลงบันไดเลื่อนขาแทบขวิด เพื่อมายืนรอคิวให้เร็วที่สุด ผู้โดยสารบางคน อาจจะมีคนมารอรับ หรือนำรถมาจอดที่สถานีเอง คนกลุ่มนี้ก็จะเดินเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งรีบอะไร ไม่ติดใจนะ เราก็จะเดินหลบๆเค้า หาทางเดินหลบเค้า แต่เราจะติดใจคนที่เดินเล่นโทรศัพท์ เราไม่แน่ใจเค้ามีเรื่องด่วนอะไรไหม หรือว่าเค้าแค่ทำกิจวัตรของเค้า เช็คสถานะ ดูอะไรไปเรื่อย
เราแค่อยากให้เค้าไม่รบกวนการเดินทางของคนอื่น หงุดหงิด หงุดหงิดตลอดเวลา เวลาเราเดินผ่าน เราก็ทำได้แค่ "ขอโทษนะคะ" เพื่อให้เค้าหลุดจากพะวงของเค้า มีสติกับตรงหน้าสักนิด
เดินลงจากสถานี ติดไฟแดงแยกใหญ่เหมือนเดิม เวลาที่ไฟแดง countdown ลงเรื่อยๆ รถฝั่งตรงข้ามก็เร่งเครื่องเพื่อข้ามแยกมา เพราะกลัวไม่ทัน เราคิดเยอะ กลัวว่าวันนึงอาจจะมีคันไหนหลุดมาก็ได้ แต่ละครั้ง เราเลือกที่จะรอหลังเสาไฟฟ้าตลอด บางคนใจร้อน เห็นรถว่างบางช่วง ก็รีบวิ่งข้ามทางมาลายทันที หลายครั้งที่มีหลายคนโดนรถเบรคในระยะประชิด โอ้ย..น่ากลัวจริงๆ เวลาเราข้าม เราจะพยายามไม่ประมาทกับเรื่องง่ายๆ เรื่องพื้นฐาน ขนาดเราระวังตัวระดับนึง เรายังเคยเกือบจะถูกชนที่แยกนี้เลย
ไฟคนข้ามทางม้าลายเปลี่ยนเป็นสีเขียว เราก็เดินเลย จู่ๆก็มีรถคันนึงขับมาด้วยความเร็ว เราหยุดกึ้กทันที ตกใจ มีแว๊บเล็กๆคิดว่า "โดนแน่ๆ" แต่คนขับน่าจะกลัว รีบหักหลบเราแล้วเร่งเครื่องไปเลย เราได้แต่ยืนแช่อยู่ตรงทางม้าลายนั้น ดึงสติได้ ก็ได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ ว่าถ้าคุณชนเราเข้าเนี่ย ไม่ว่าจะหนักหรือไม่หนัก ง่ายๆเลย คุณเสียเวลา เพื่อนร่วมถนนของคุณก็เสียเวลา เราเจ็บ เราตายอีก โอยเรื่องเยอะไปหมด
ใบขับขี่ของประเทศไทย เราว่าการสอบยังไม่ครบทุกสถานการณ์นะ ยังมีช่องโหว่อยู่เยอะเลย คนรู้จักบางคน บอกตอนสอบใช้เส้นสาย อาศัยคนรู้จัก จนทุกวันนี้ จอดเข้าซอง หรือจอดเอาด้านข้างเข้ายังต้องอาศัยคนอื่นจอดให้อยู่เลย บางคนบอกไม่ได้สอบ พ่อรู้จักคนในนั้น แค่ไปจ่ายเงินถ่ายรูปรับบัตรมาเลย เราก็ไม่แน่ใจว่าเค้าพูดเพราะอวด หรือความมี privilege ของเค้ามาตลอด ทำให้เค้าพูดมันออกมาโดยไม่ใส่ใจนัก การลงโทษของผู้ขับขี่ก็น้อยด้วย เมื่อเทียบกับความสูญเสีย
เรามีใบขับขี่รถยนต์ตั้งแต่อายุ 18 เรียนขับรถกับพ่อ พี่ชาย เรียนกับโรงเรียน แล้วค่อยไปสอบที่ขนส่ง มีใบขับบี่มาก็ 12 ปีแล้ว เราขับรถมาไม่บ่อยหรอก (เพราะไม่มีรถเป็นของตัวเอง) เราเคยโดนเรียกขอดูใบขับขี่แค่ 1-2 ครั้งเอง เข้าใจแหล่ะ ว่าตำรวจอาจจะขอดูเมื่อมีเหตุอะไรเท่านั้น
เราเคยฟังการสอบใบขับขี่ของญี่ปุ่น ด้วยความที่ประเทศเค้าใส่ใจเรื่องกฎระเบียบ การสอบใบขับขี่เค้าใช้เวลานานและยากมาก และผู้สูงอายุก็ต้องผ่านการสอบพิเศษ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ อันนี้เราก็เห็นด้วยถ้าประเทศไทยมีการเอาเรื่องนี้มาพิจารณา เพราะสมัยก่อนเรามีใบขับขี่ตลอดชีพอยู่ อายุมากขึ้น การตัดสินใจก็เปลี่ยนแปลงนะ อาจจะแย่ลงได้ ข่าวผู้สูงอายุเกิดอุบัติเหตุกับรถยนต์ก็มีเยอะอยู่
เดินมากลางทางต่อคิวรอพี่วินปากซอยที่จะเข้า office รอสักพักก็ถึงคิว คร่อมรถ ขาเกาะตัวรถ มือซ้ายจับกระเป๋า มือขวาล็อคกับที่จับด้านท้าย ปล่อยใจให้สบาย แล้วเคลื่อนไหวตัวไปตามรถพี่วิน ฮ่าๆ เทคนิคเล็กๆที่จะป้องกันอาการเกร็ง ความกังวลเวลาพี่วินขี่รถแบบทันใจเค้า ไม่ไหวใจเรา มันน่าจะช่วยให้พี่วินขี่ได้อย่างมั่นใจ ส่งเราได้ถึงที่หมายล่ะนะ พร้อมเริ่มวันใหม่ละ Morning Journey ค่อยว่ากันใหม่
โฆษณา