7 ก.ย. 2024 เวลา 03:53 • นิยาย เรื่องสั้น

คำสัญญา [ฟิค Digimon]

ภาพแห่งความทรงจำที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็ยังคงเด่นชัดอยู่เสมอสำหรับ ชารัตน์ โดยเฉพาะภารกิจแรกของเขาในตอนที่ยังเป็นยุวชทหาร มันคือภารกิจที่ส่งตรงมาจาก คลื่นกระแทกโลกา ชายผู้ที่สามารถท่องโลกต่างมิติได้ดั่งใจนึก ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำคนเดียวแต่การมองภารกิจให้กับยุวชนทหาร ที่อายุยังไม่ถึงสิบห้าปีมันก็ยังมีหลายฝ่ายคัดค้านไม่น้อย แต่สุดท้ายขารัตน์ก็ได้ทำภารกิจนี้จนได้
และภารกิจที่ว่าคือเขากับเพื่อนยุวชนทหารที่มาด้วยอีกเจ็ดคน มีหน้าที่แค่คุ้มกันของสำคัญทั้งหมดแปดชิ้นด้วยกัน ซึ่งพวกเขาต้องทำงานกับชายผู้มีนามว่า เก็นไน แต่ในมุมความคิดของชารัตน์ที่อายุแค่สิบเอ็ด กลับรู้สึกไม่พอใจที่อีกฝ่ายทำกับเขาเหมือนเด็กเกินไป ของสำคัญที่เขากับเพื่อน ๆ ต้องคุ้มกันคือไข่มอนสเตอร์ ที่โลกต่างมิตินี้เรียกว่า "ดิจิมอน" มันมีทั้งหมดแปดใบ และมีสร้อยที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์บางอย่าง
เก็นไนมอบสร้อยทั้งแปดเส้นให้พวกเขาแต่ละคนดูแล จนกว่าผู้ที่ถูกเลือกจะปรากฏตัวออกมา โดยเขาได้รับมอบหมายให้ดูสร้อยที่มีตราสัญลักษณ์คล้ายหัวใจ เสี้ยววินาทีที่เขาสวมมันใส่คอ จู่ ๆ ภาพมันก็ตัดไปและเขาก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งน่าจะอายุไล่เลี่ยกัน เธอยืนหันหลังให้ชารัตน์และพอเธอหันหน้ามาทางเขา ภาพก็ตัดไปอีกรอบพร้อมกับโดนเพื่อนรุมล้อมด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากจู่ ๆ เขาก็หมดสติไป
ภาพนิมิตที่ชารัตน์เห็นในวันนั้นเขาไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย แม้แต่กับเพื่อนสนิทอย่าง แซมเวล เขาก็ไม่เคยเล่าเพราะกลัวโดนหาว่าบ้า แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่เป็นจุดพลิกผัน ศูนย์วิจัยที่เก็นไนดูแลถูกโจมตี กลุ่มที่เข้าโจมตีเป็นฝีมือของชายผู้มีนามว่า ทอม สมาชิกอินูมินารอส มีพันธมิตรติดตามมาด้วยคือ แวมเดมอน ดิจิมอนทรงปัญญาที่ต้องการไข่ดิจิมอนทั้งแปด รวมทั้งสร้อยสัญลักษณ์ทั้งแปดด้วย
เดชะบุญที่พวกมันไม่ได้สิ่งที่ต้องการเพราะเก็นไน สามารถนำไข่หลบหนีออกมาได้แต่ก็มีแค่เจ็ดใบ ไข่ใบที่แปดกลับหายไปจึงเหลือแค่ตราสัญลักษณ์ชิ้นที่แปดอยู่กับ ไคโตะ อย่างไรก็ตามเก็นไนที่โดนคำสาปของแวมเดมอน ส่งผลให้กลายเป็นคนแก่ทันที ทำให้เขากับเพื่อน ๆ ต้องทำหน้าที่เพิ่มอีกอย่างคือ คุ้มครองเหล่าผู้ที่ถูกเลือกจากอินูมินารอส รวมทั้งดิจิมอนที่ชั่วร้ายด้วย และผู้ที่ถูกเลือกกำลังจะปรากฏกายในไม่ช้า
ดั่งคำว่าไว้ของเก็นไนไม่มีผิดหลังจากไข่ทั้งเจ็ดฟักตัวออกมา ดิจิมอนที่พึ่งลืมตาได้ไม่ถึงห้านาที พวกมันก็เรียกหาใครสักคนด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับสัญลักษณ์ทั้งเจ็ดยกเว้นของไคโตะ ส่งแสงสว่างวาบยิงขึ้นฟ้าเกิดหลุมมิติกลางท้องฟ้า
มันคือจุดเริ่มต้นของการเจอกันระหว่างชารัตน์กับ ทาเคโนะอุจิ โซระ เด็กหญิงผู้เป็นเจ้าของตราสัญลักษณ์แห่งความรัก ที่เขาเป็นผู้ปกป้อง
.
❤️❤️❤️❤️
.
ชารัตน์ยืนเหม่อมองวิวทะเลคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนถูกใครบางคนสะกิดหัวไหล่ เขาที่ได้สติก็หันมามองด้านข้าง โซระที่ตอนนี้เธอได้กลายเป็นหญิงสาวแล้ว เธออยู่ในชุดกิโมโนสีฟ้าอ่อนและผูกผมไว้ด้านหลัง ถึงแม้โซระจะไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่เคยสับสนว่า ตัวเองคู่ควรกับตราสัญลักษณ์แห่งความรักหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสำหรับชารัตน์
ทาเคโนะอุจิ โซระก็คือผู้หญิงที่ทำให้ใจเขาเต้นแรงอยู่เสมอ
"รอนานไหม แชมป์" โซระถาม "ขอโทษนะพอดีวันนี้มีเรียนจัดดอกไม้ เลยมาช้าหน่อย"
"ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ" ชารัตน์พูด
"ฉันเห็นเธอยืนเหม่อตั้งนาน คิดอะไรอยู่หรือ"
ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย แต่เลือกที่จะหันมาสบตากับโซระ "ไปเดินเล่นกันไหม"
"อืม ไปสิ"
สองหนุ่มสาวเดินเล่นไปตามถนนคนเดิน โซระเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ชารัตน์ฟังว่า เพื่อนแต่ละคนมีชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้าง ระหว่างที่ฟังหญิงสาวเล่าชารัตน์ก็หวนนึกถึงอดีตอีกครั้ง ย้อนกลับไปในสมัยที่เขากับโซระอายุแค่สิบเอ็ด ชารัตน์ยื่นตราสัญลักษณ์แห่งความรักซึ่งมันเป็นของเธอ ทว่าโซระกลับเลือกที่จะปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่าตัวโซระไม่คิดว่าตัวเองคู่ควร พร้อมระบายทุกอย่างในใจออกมาทั้งหมด
ชารัตน์ก็คือชารัตน์ที่ตอนนั้นเขาตัดสินใจที่จะฟังเธอระบายออกมา รวมทั้งการปล่อยให้โซระร้องไห้จนกว่าจะพอใจ และเมื่อเธอสงบลงเขาเองก็อาจพูดไม่เก่งนัก แต่ตอนนั้นตัวเด็กชายก็ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า
"หากไม่ใช่เธอแล้ว ก็คงไม่มีใครคู่ควรกับตราสัญลักษณ์นี้แล้ว"
บัดนี้โซระในวัยยี่สิบปีก็เหมือนกับดอกไม้ ที่เบ่งบานอย่างเต็มที่และภาคภูมิ ไม่หลงเหลือความสงสัยใด ๆ ในตัวเองอีกต่อไป เช่นเดียวกับ ปิโยมอน ดิจิมอนคู่หูของโซระ ที่แม้จะตัวเล็กก็ยังสามารถต่อสู้อย่างกล้าหาญ เพื่อปกป้องผู้อื่นและคู่หู ชารัตน์รู้สึกสงสัยไม่น้อยว่าทำไมจักรวาลถึงยังยื้อให้เขาอยู่ต่อ... อยู่ดูการเติบโตของทาเคโนะอุจิ โซระ ที่ชารัตน์พึ่งรู้ภายหลังว่าเธอคือคู่ผูกวิญญาณ
และตอนนี้เขาไม่อาจละสายตาจากเธอได้อีกต่อไป
"แชมป์ เป็นอะไรหรือเปล่า"
เสียงของโซระดึงสติของชารัตน์กลับมาอีกครั้ง สีหน้าของหญิงสาวดูกังวลและเป็นห่วงมาก เพราะเธอสังเกตว่าชารัตน์ดูแปลก ๆ
"ขอโทษนะ พอดีฉันนึกถึงเรื่องราวในโลกดิจิมอนน่ะ" ชารัตน์บอกและหันไปมองทะเลอีกครั้ง โดยโซระเดินมายืนข้าง ๆ
"อืม ก็มีบ้างนะที่ฉันคิดถึงช่วงเวลาที่ผจญภัยในโลกดิจิมอน ถึงมันจะอันตรายแต่ก็เป็นความทรงจำแสนล้ำค่า" โซระพูด
"ของฉันเหมือนกัน" ชารัตน์พูด "ฉันยังจำได้ว่าเธอในตอนนั้นทั้งกลัวและสับสนในเวลาเดียวกัน แต่ที่ชัดเจนที่สุดก็คงเป็นคำถามในใจว่าตัวเองคู่ควรกับการเป็น "ผู้ที่ถูกเลือก" หรือไม่"
โซระยืนฟังนิ่ง ๆ ชารัตน์หันมาสบตากับหญิงสาว ซึ่งทำเอาหน้าของโซระกลายเป็นสีชมพู
"แต่ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่า เธอคู่ควรกับมันที่สุดแล้ว" ชารัตน์พูดเสียงหนักแน่น
หญิงสาวพยักหน้าและยิ้มให้อีกฝ่าย โซระเองก็ไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่ชารัตน์ ยังคงพูดคำเดิมประโยคเดิมอย่างเชื่อมั่นว่า เธอคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดทั้งที่ตัวเธอในตอนนั้น ยังไม่มั่นใจและสับสนมากแต่ไหน ส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นตอนนี้มันก็มาจากชารัตน์ด้วยเช่นกัน
"อีกอย่างมีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันสงสัยมาตลอด" ชารัตน์พูด
"เรื่องอะไรเหรอ" โซระถาม
"ตอนที่ฉันจับตราสัญลักษณ์ชิ้นนั้น แซมเวลเล่าว่าฉันหมดสติไป แต่ความจริงแล้วฉันเห็นภาพนิมิตน่ะ"
"ภาพนิมิต... เหรอ"
"ใช่"
"เธอเห็นอะไร" โซระถามด้วยความอยากรู้
"ฉันเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนหันหลังให้ แต่มันก็เป็นภาพที่ไม่ชัดเจนหรอก เพราะตอนเธอคนนั่นหันหน้ามาทางฉัน.... ฉันก็ได้สติขึ้นมาซะก่อน"
ชารัตน์ผ่อนลมหายใจก่อนจะเล่าต่อ
"เรื่องนี้ฉันไม่เคยเล่าให้ใครฟัง แม้แต่กับเเซมเวลด้วย ถ้าขืนเล่าไปพวกนั่นต้องหาว่าฉันบ้าแน่ ๆ ฉันเลยตัดสินใจว่าจะหาคำตอบนั้นให้ได้"
"แล้ว..."
ชารัตน์หันมาทางโซระ
"ก็เธอนั่นแหละ โซระ"
"เอ๋..."
ชารัตน์พยักหน้ายืนยันคำเดิม "ตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจจนกระทั่ง... ตราสัญลักษณ์ของเธอเรืองแสง ฉันถึงรู้"
ความสงสัยเกิดขึ้นในใจของโซระ หากตัวเธอคือคนที่อยู่ในนิมิตรของชารัตน์ แล้วทำไมถึงพึ่งมาบอกความจริงตอนนี้ล่ะ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาชารัตน์มีโอกาสจะบอกตั้งมากมาย ชารัตน์รับรู้ความนึกคิดของหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกหากโซระนึกสงสัย เป็นความผิดของเขาเองที่ปิดบังมานาน ถึงแม้เขาจะมีเหตุผลที่ทำเช่นนี้ก็ตาม
ซึ่งสุดท้ายแล้วชารัตน์ก็แพ้หัวใจของตนเองจนได้ หัวใจที่กลายเป็นของโซระตั้งแต่วินาทีที่ได้พบกันเมื่อครั้งในอดีต
"ฉันขอโทษนะ โซระ" เขากล่าวออกมา "ที่ฉันพึ่งจะมาบอกตอนนี้"
"อะไรกัน แชมป์ขี้โกงกันนี่" โซระต่อว่าด้วยความน้อยใจ "ปิดเรื่องนี้มานานแล้วจู่ ๆ ก็ยอมเปิดเผยออกมา แถมยังมาขอโทษกันตอนนี้ด้วยอีก"
ชารัตน์เดินไปหาโซระและกุมมือเพื่อปลอบโยน "ฉันเลือกที่จะปิดบัง เพราะไม่ต้องการให้ศัตรูที่หมายหัวฉันอยู่รู้ พวกมันอาจเพ่งเล็งเธอได้"
โซระยืนนิ่งมองหน้าชายหนุ่ม
"เธอกับคนอื่น ๆ ยังตามล่าผู้ชายที่มี "ทอม" อยู่สินะ" โซระถาม
"ใช่" เขายอมรับ "ถ้ามันยังไม่โดนกำจัด ทุกคนย่อมไม่ปลอดภัย"
"งั้นทำไมถึงยอมบอกฉันล่ะ"
ชารัตน์ถอนหายใจเบา ๆ ประโยคต่อจากนี้มันช่างยากเย็นเหลือเกิน "วันนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะกลับมาที่นี่ ตราบใดที่ศัตรูฉันยังอยู่มันย่อมแปลว่า เธอยังไม่ปลอดภัย"
โซระที่ได้ยินก็ตกใจไม่น้อยกับประโยคของชารัตน์ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังประคองสติได้ ตอนนี้หญิงสาวเข้าใจแล้วว่า ทำไมชารัตน์ถึงยอมบอกความลับนี้แก่เธอ ทั้งที่ปกปิดไว้มาเป็นแรมปี เพราะต่อจากนี้ไปโซระจะไม่ได้เห็นเขาอีกต่อไป ชารัตน์ที่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ก็ยื่นมือประคองใบหน้าให้สบตากับเขา
"เรื่องนี้จบเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาหาเธอ" ชารัตน์ให้คำมั่น "แม้ว่าตอนนั้นเธอจะไม่อยากรอฉันแล้วก็ตาม"
"ไม่... ฉันจะรอเธออยู่ตรงนี้" โซระพูดเสียงหนักแน่น "สัญญาแล้วนะว่าเธอจะกลับมา"
ชารัตน์พยักหน้าตอบและทั้งสองต่างก็กุมมือกันและกัน ก่อนจะพากันหันไปมองวิวทะเลเบื้องหน้า จังหวะนั้นเองโซระได้หันมาประทับรอยจูบบนแก้มของชายหนุ่มเบา ๆ ทำเอาชารัตน์ยืนนิ่งนานอยู่พอสมควร รู้ตัวอีกทีเสียงพลุฉลองเทศกาลก็ดังขึ้นดึงสติของชารัตน์กลับมาอีกครั้ง
โดยมีเสียงกระซิบแผ่วเบาจากโซระว่า
"ไว้เทศกาลครั้งหน้า เรามาดูพลุกันแบบนี้อีกนะ"
.
❤️❤️❤️❤️
โฆษณา