8 ก.ย. เวลา 04:03 • ประวัติศาสตร์

ผีที่เซนต์อัลบันส์ (1) โรงแรมหลอน !

"ระวังหัวด้วยครับ ระวังหัว" คนขับรถม้า (coach) ที่บังคับรถผ่านสู่ทางเข้าอันเป็นตรอกแคบๆ ของโรงแรมไวท์ ฮาร์ท (The White Hart Hotel) บนถนน โฮลีเวลล์ ฮิลล์ (Holywell Hill) ในเมืองเซนต์อัลบันส์ (St.Albans) ประเทศอังกฤษ ช่วงยุคคริสตศตวรรษที่ 18-19 มักจะตะโกนบอกแบบนี้เสมอ เวลาที่ขับรถพาลูกค้าเข้าโรงแรม
โรงแรมไวท์ ฮาร์ท
แต่วันร้ายคืนร้ายในปี ค.ศ.1820 ก็เกิดเหตุขึ้น เมื่อคนขับตะโกนบอกแล้ว แต่สตรีนางหนึ่งอาจจะไม่ได้ยิน หรือมัวสนใจเรื่องอื่น ศีรษะของเธอก็เลยฟาดเข้ากับคานด้านบนของทางเข้าโรงแรมอย่างแรง และเป็นเหตุให้เธอคอหักตายคาที่อย่างน่าเอน็จอนาถ
ชื่อของผู้เคราะห์ร้ายคือ เอลิซาเบธ วิลสัน (Elizabeth Wilson) หญิงผู้น่าสงสารที่เสียชีวิตโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ทว่า เธอยังไม่ยอมไปไหน จวบจนทุกวันนี้ ที่โรงแรมไวท์ ฮาร์ทเองก็ยังเปิดให้บริการอยู่ เอลิซาเบธ วิลสัน ก็ "อยู่" ด้วยเหมือนกัน !!
ด้านหลังโรงแรม
แม้ว่าเธอจะลาโลกไปตั้งกว่า ๒ ศตวรรษแล้วก็ตาม
ในยามโพล้เพล้พลบค่ำ มักจะมีคนเห็นผู้หญิงสวมใส่ชุดจากยุคคริสตศตวรรษที่ 19 ลอยไปลอยมาอยู่แถวๆ ทางเข้าโรงแรมบ่อยๆ ด้วยท่าทางเศร้าหมอง แถมบางทียังมีบาดแผลฉกรรจ์ที่หัวอันน่าสยดสยองด้วย !!
เจอแบบนี้ ก็วิ่งซิคะพี่น้อง รออะไรอยู่
และนั่นทำให้เหล่าบรรดานักล่าผีหลายรายระบุว่า โรงแรมไวท์ ฮาร์ท เป็นสถานที่ที่ "เฮี้ยน" ที่สุดของเมืองเซนต์อัลบันส์
เฮี้ยนขนาดไหน ก็ขนาดที่ว่า ชาร์ลส ดิกเกนส์ (Charles Dickens) นักเขียนชื่อก้องโลก ยังเอาเรื่องอันน่าขนหัวลุกของเธอไปเขียนเล่าไว้ในนิยายเรื่อง The Pickwick Papers ของเขา ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1837 ยิ่งทำให้เรื่องผีของโรงแรมไวท์ ฮาร์ทโด่งดังไปมากขึ้น
โรงแรมไวท์ ฮาร์ท
ก่อนที่จะเล่าเรื่องความเฮี้ยนของโรงแรมไวท์ ฮาร์ทต่อ ขอย้อนไปที่การเสียชีวิตอย่างน่าสงสารของเอลิซาเบธ วิลสันกันสักนิดก่อน โดยต้องเล่าให้ท่านผู้อ่านได้เห็นภาพว่า ทางเข้าโรงแรมนั้น เป็นเหมือนตรอกแคบๆ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นส่วนหนึ่งของอาคารโรงแรมนั่นเอง แต่เจาะช่องเพียงให้รถม้าผ่านทางได้
ส่วนชั้นสองเป็นห้องพักของโรงแรม ทำให้ทางเข้านั้นเตี้ยมากๆ คือสูงเพียงเท่ากับห้อง 1 ห้อง ในขณะที่รถม้าในยุคนั้น เป็นรถแบบ 2 ชั้น คนที่จ่ายแพงกว่า จะได้นั่งอย่างอบอุ่นในตัวรถ ส่วนคนที่เบี้ยน้อยหอยน้อย จะได้เชิดหน้า "รับลมหนาว" อยู่บนที่นั่งด้านบนที่ต่อเก้าอี้สูงขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง และนั่นทำให้คนขับรถม้าต้องคอยเตือนให้ผู้โดยสารระวังหัวหากวิ่งผ่านเส้นทางเตี้ยๆ
ผู้ที่นั่งรถม้าชั้นบนจะต้องก้มหัวหลบคาน (หรือจะว่าไปก็คือพื้นห้องของชั้น 2) เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ แต่เมื่อ เอลิซาเบธ วิลสัน ไม่ได้ก้มหัวหลบ ความตายจึงมาเยือนจนตกอกตกใจกันไปทั่ว และ “หลอน” มาจนทุกวันนี้ดังกล่าว
ทางสำหรับรถม้าผ่านของโรงแรมไวท์ ฮาร์ท อันเป็นสถานที่เกิดเหตุร้าย
แต่ถ้าถามว่า คนกลัวกันหรือเปล่า ก็คงต้องบอกว่า มีทั้งคนกลัวจนไม่กล้าเดินผ่านโรงแรมในยามค่ำ กับคนที่ไม่กลัว และแห่กันมาลองดีบ่อยๆ ผู้เขียนเอง ในตอนนี้ พำนักอยู่ที่เมืองเซนต์อัลบันส์ ก็ได้เห็นว่า ทุกวันฮาโลวีนของแต่ละปี จะมีผู้คน โดยเฉพาะที่เป็นนักท่องเที่ยว พาเหรดกันมาดูทางเข้าของโรงแรมไวท์ ฮาร์ทกันจนเกือบจะเป็นเรื่องครื้นเครงไปแล้ว
เผลอๆ วิญญาณอันไม่สงบของเอลิซาเบธ วิลสัน อาจจะยืนมองอยู่อย่างงงๆ ว่าคนแห่กันมาทำไมเยอะแยะ
ก็มา “ลองดี” เผื่อจะเจอเธอนั่นแหละ
โรงแรมไวท์ ฮาร์ท
บางคนบอกว่า ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัว แต่บางคนก็บอกว่า รู้สึกขนลุกเกรียวเมื่อเดินผ่านทางเข้าแคบๆ ของโรงแรมอันเป็นที่เกิดเหตุ ส่วนที่คนที่บอกว่า ถึงกับเห็นเงาลางๆ ของสตรีหัวแบะท่าทางอมทุกข์นั้น ในระยะหลังๆ มีน้อยลงเรื่อยๆ แต่เรื่องของ เอลิซาเบธ วิลสัน ผู้ได้ชื่อว่าเป็นผีสิงแห่งโรงแรมไวท์ ฮาร์ทก็ไม่เคยเลือนหายไปไหน
เท่านี้ถือว่า โรงแรมไวท์ ฮาร์ท เป็นสถานที่ที่ "เฮี้ยน" ที่สุดสมคำเล่าลือหรือยัง ?
ต้องตอบว่า ยังค่ะ ยังมีอีกเยอะ อันว่าโรงแรมเก่าแก่ที่ก่อตั้งมานานกว่า 5 ศตวรรษแห่งนี้ ยังมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า นอกจากสาวใหญ่อย่าง เอลิซาเบธ วิลสัน แม่สาวผีคอหักตายแล้ว โรงแรมไวท์ ฮาร์ทยังมี "ผีเด็ก" เที่ยวเดินด้อมๆ มองๆ ไปทั่ว โดยสถานที่ที่มีคนเจอเด็กน้อยบ่อยที่สุด คือที่บันไดทางเข้าด้านหลังโรงแรม จนแขกที่มาพักงุนงง ว่าทำไมมีเด็กสาววัยกระเตาะใส่ชุดโบราณ ผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนเล่นซ่อนแอบ
ในคริสตศตวรรษที่ 21 นี้เอง ก็ยังมีรายงานว่า มีคนงานในร้านค้าย่านใกล้เคียงที่เข้ามาดื่มในร้านอาหารของโรงแรม และได้เจอดีกับ "เด็กผู้หญิงในตำนาน" เข้า จนขวัญกระเจิงกลับไป
ด้านหน้าโรงแรมไวท์ ฮาร์ท บนถนน โฮลีเวลล์ ฮิลล์ เมืองเซนต์อัลบันส์ จะเห็นถึงบรรยากาศของยุคทิวดอร์จากอาคารอนุรักษ์แห่งนี้ ในปัจจุบัน ด้านบนของโรงแรมยังเปิดเป็นโรงแรม ส่วนด้านล่าง เปิดเป็นร้านอาหาร และช่องว่างเล็กๆ ในด้านซ้ายของภาพคือทางเข้า อันเป็นที่เกิดเหตุสยอง
เรื่องก็เลยดังไปใหญ่ ถึงขนาดที่มีรายการโทรทัศน์ประเภทที่บ้านเราคงเรียกว่า รายการกล้าล่าท้าผี มาขอถ่ายทำสารคดี และรายการโทรทัศน์ที่ว่า ได้ติดต่อหมอปลา เอ๊ย ไม่ใช่สิ ไปติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อวิญญาณของประเทศอังกฤษให้มาทดลองสื่อสารกับสิ่งเหนือธรรมชาติดู และผู้เชี่ยวชาญนั้นก็ตอบว่า สามารถ "สัมผัส" ได้ถึงวิญญาณของเด็กสาว ที่บอกว่า ตัวเองอายุเพียง 12 ปี
เด็กสาว "ให้การ" ผ่านผู้สื่อวิญญาณว่า เธอเสียชีวิตในอัคคีภัยที่เกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ.1832 ตรงบันไดด้านหลังที่เธอชอบมาปรากฎตัวบ่อยๆ และบอกชื่อคุณพ่อคุณแม่ของเธอว่า เป็นแขกที่มาเข้าพักในโรงแรม คือ จอห์น และมาร์กาเร็ต
ตรอกอันเป็นทางเข้าของรถม้า เพื่อให้แขกเข้ามาเช็คอินพักในโรงแรม เป็นทางเข้าเล็กๆ และเตี้ย ด้านบนเป็นห้องพักของโรงแรม และความเตี้ยของทางเข้านี้ ทำให้เกิดอุบัติเหตุอันน่าสลด จนเกิดวิญญาณหลอนประจำโรงแรมขึ้นโรงแรมไวท์ ฮาร์ท
ทว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ของรายการโทรทัศน์ไปถามผู้จัดการโรงแรม ก็ได้คำตอบว่า ไม่เคยมีประวิติมาก่อนว่าเคยมีไฟไหม้ที่โรงแรมแห่งนี้ แต่ทีมงานถ่ายทำรายการโทรทัศน์ก็ยังไม่ยอมแพ้ เลยไปค้นข้อมูลของทางการเทศบาลที่ยังเก็บไว้ และพบว่า เคยมีไฟไหม้ในปี ค.ศ.1832 จริง และลูกสาวของแขกที่มาพักก็เสียชีวิตลงอย่างน่าเวทนา
เรื่องก็เลยฮือฮาขึ้นมาอีกว่า ผีเด็กสาวเป็นเรื่องจริงแท้
ทั้งเอลิซาเบธ วิลสัน ผู้คอหักตาย และเด็กสาวที่คงต้องเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมากก่อนวายชนม์ในกองเพลิงน่าจะเป็นวิญญาณที่ไม่สงบ และหาทางไปไม่เจอ ก็เลยยังวนเวียนมาหลอกหลอนคนในโรงแรมอยู่เนืองๆ
นอกจากนี้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน แขกที่มาเช็คอินเข้าพักในห้องหมายเลข 8 นั้น เมื่อเข้าห้องได้ไม่นาน ก็พบข้อความเขียนบนกระจกว่า "ไปพบฉันที่ห้องหมายเลข 7 เวลาทุ่มครึ่ง (meet me in room 7 at 7.30)” !!
ด้วยความประหลาดใจ เขาเลยโทรศัพท์ลงไปที่ล็อบบี้ เพื่อแจ้งให้พนักงานทราบ ผู้จัดการโรงแรมก็เลยขึ้นมาดู และรีบทำความสะอาด ลบข้อความออกด้วยตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่ผู้จัดการโรงแรมจะออกจากห้องไป ข้อความเดิมก็ปรากฎขึ้นมาอีก ทำเอาสะดุ้งกันไปหมด แต่แขกผู้ใจกล้าก็ยังพักต่อ และในกลางดึก หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จ เมื่อเดินออกจากห้องน้ำมา ก็ได้เจอชายคนหนึ่งมานั่นแป้นแล้นอยู่บนเตียง เขาเลยตะโกนถามว่า คุณเป็นใคร แต่ชายปริศนานั้นก็หายวูบไปกับตา
พอได้ข่าวแบบนี้ ทีมงานรายการโทรทัศน์ก็ไม่รอช้าค่ะ รีบขอร้องให้นักสื่อสารวิญญาณไปที่ห้องหมายเลข 8 และใช้เวลาไม่นาน นักสื่อวิญญาณก็ได้ยิน "เสียง" ในหัวว่า ในห้องนี้ มีผู้ที่น่าจะข้ามวัฏสงสารไปแล้วหลายราย แต่ยัง "ติด" อยู่ที่นี่ ทำให้ห้องนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวดของวิญาณที่ไร้ความสุข
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น
มีข้อสันนิษฐานว่า วิญญาณแห่งห้องหมายเลข 8 นี้ อาจจะเกี่ยวเนื่องกับช่วงที่ก่อนโน้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน เคยมีโรคระบาดเกิดขึ้นในเมือง และหลายคนต้องมาตายที่นี่ แต่ก็ยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้น ทว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้องหมายเลข 8 ก็เป็นห้องที่ถูกบรรยายว่า เป็นสถานที่อันมีบรรยากาศที่วังเวง และทำให้คนขวัญอ่อนสะท้านได้
ผู้จัดการคนหนึ่งของโรงแรมบอกว่า โดนแขกรายหนึ่งลงมาบ่น ว่าไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะมีเสียงดังมาจากห้องข้างๆ แต่จริงๆ แล้ว ในคืนนั้น ไม่มีใครอยู่ที่ห้องข้างๆ หรือจะว่าไป ห้องไหนก็ไม่มีใครทั้งนั้น เพราะในคืนที่ว่า ทั้งโรงแรม มีแขกเพียงคนเดียว!
ในส่วนของพนักงานโรงแรมเอง หลายคนก็บอกกับทีมงานรายการโทรทัศน์ว่า มีความรู้สึกว่า ขณะที่กำลังทำงาน โดยเฉพาะในส่วนที่เปิดเป็นร้านอาหารอยู่ด้านหน้าโรงแรมนั้น บ่อยครั้งรู้สึกเหมือนมีคนบางคนมาอยู่ข้างหลัง แต่ก็แน่นอนว่า เมื่อหันกลับไปมองก็ไม่เจอใคร ทำเอาเสียวสันหลังวาบกันบ่อยๆ
ส่วน จอน วอลลาร์ด (Jon Wallard) พนักงานที่ทำงานในห้องเก็บไวน์ใต้ดิน ที่ปกติจะมาทำงานในช่วงเช้าก็มักจะพบว่า ถังไวน์อันหนักอึ้งนั้น ถูกเคลื่อนที่ไปจากที่ที่ควรจะอยู่บ่อยๆ ทั้งๆ ที่ตลอดคืนไม่มีใครลงไปในห้องไวน์เลย
ไม่เพียงเท่านั้น เป็นเรื่องปกติมากที่โรงแรมแห่งนี้จะเกิดเหตุการณ์ประหลาด เช่น ประตูเปิด-ปิดเองทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น รวมถึงไฟที่เดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิด ขนาดที่ช่างไฟยังต้องส่ายหัว
จะว่าไป การที่โรงแรมไวท์ ฮาร์ทมี "ผี" เยอะ ก็ไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่ เพราะโรงแรมนี้เก่าแก่มาก อาคารสไตล์ทิวดอร์ (Tudor style architecture) นี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1470 หรือ 554 ปีมาแล้ว ถือเป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองเซนต์อัลบันส์ โดยสิ่งที่โดดเด่นของโรงแรมคือ สถาปัตยกรรมที่อนุรักษ์ไว้ในแบบเดิมตลอดเวลา แม้จะผ่านประวัติศาสต์อันยาวนานมาหลายร้อยปีแล้วก็ตาม แต่เมื่อไหร่ที่ได้เข้าไปสัมผัส กลิ่นไอของยุคสมัยอันผันผ่านก็จะปรากฎโฉมให้ได้เห็น เหมือนกาลเวลาหยุดนิ่งอยู่กับที่
โรงแรมไวท์ ฮาร์ทเป็นที่จดจำด้วยอาคารสีขาวดำสะดุดตา ตัวอาคารสีขาว กับริ้วสีดำนี่เองที่เป็นลักษณะเด่นของอาคารแบบทิวดอร์ โรงแรมไวท์ ฮาร์ทจึงเป็นสถานที่สำคัญ ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม การอนุรักษ์ และแหล่งสะสมวิญญาณที่ไม่ยอมไปไหน
โรงแรมเก่าแก่ที่อยู่คู่กับเมืองเซนต์อัลบันส์ มาแล้วกว่า 5 ศตวรรษแล้วนั้น ปัจจุบันยังเปิดให้บริการ โดยมีห้องพักแขกจำกัดเพียง 15 ห้อง หากผู้สนใจอยากไปเที่ยวเมืองเซนต์อัลบันส์ อันเป็นเมืองโบราณตั้งแต่ยุคโรมันของแดนผู้ดี สามารถจองห้องพักได้ ในสนนราคาประมาณคืนละร้อยกว่าปอนด์ขึ้นไป (แล้วแต่ฤดูกาล) โดยตัวโรงแรมอยู่ห่างจากสนามบินฮีทโธรว์ (Heathrow Airport) อันเป็นสนามบินหลักของอังกฤษประมาณ 27 ไมล์ หรือราวๆ 43 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาทีโดยรถยนต์
ส่วนตัวเมืองเซนต์อัลบันส์ที่ว่าเป็นเมืองโบราณเก่าแก่นั้น เดิมเคยใช้ชื่อโรมันว่า เวรูเลมิอุม (Verulamium) มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ คือ มหาวิหารเซนต์อัลบันส์ (St Albans Cathedral) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในสถานที่อันเลื่องลือเรื่องวิญญาณหลอน และหนึ่งในทางเข้าของมหาวิหาร ก็อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมไวท์ ฮาร์ทนั่นเอง
หากใครอยาก “ลองดี” และได้เที่ยวเมืองโบราณด้วย ก็สามารถแวะพัก และเที่ยวที่เมืองแห่งนี้ได้ ส่วนที่ว่า วิญญาณแห่งมหาวิหารจะเป็นอย่างไรนั้น อดใจรอตอนหน้า ผู้เขียนจะกลับมารับหน้าที่เล่าให้ฟังกันอย่างต่อเนื่องในทุกสถานที่ที่ว่าเฮี้ยนที่สุดของเมืองนี้เลยค่ะ
ตัวรถของรถม้ายุคคริสตศตวรรษที่ 18-19 ที่ใช้ในอังกฤษ ด้านล่างเป็นที่นั่งของคนมีสตุ้งสตางค์ ส่วนด้านบน ต่อเก้าอี้ขึ้นไปให้คนเบี้ยน้อยหอยน้อยได้นั่งโดยไม่มีอะไรคลุมหัว เป็นที่มาของอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตของ เอลิซาเบธ วิลสัน ในปี ค.ศ.1820 และจวบจนวันนี้ เธอยังคงวนเวียนอยู่ที่เดิม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา