13 ก.ย. เวลา 04:35 • หุ้น & เศรษฐกิจ

อยากลงทุนใน "กองทุนรวม" ต้องรู้อะไรบ้าง

กองทุนรวม (Mutual Fund) คือ การรวบรวมเงินของนักลงทุน นำมาลงทุนตามนโยบายที่กองทุนรวมนั้นๆ กำหนดไว้ โดยมี “ผู้จัดการกองทุน” (Fund Manager) ที่เป็นมืออาชีพช่วยบริหารจัดการเงินของกองทุน
จุดเด่น คือ มีเงินน้อย เบี้ยน้อยหอยน้อย ก็ลงทุนได้ มีนโยบายการลงทุนหลากหลาย ทั้งลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ และสินทรัพย์อื่นๆ ที่มีผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป
วันนี้เราได้รวบรวมประเด็นหลักๆ สำหรับผู้ที่อยากจะเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวมว่ามีอะไรบ้างที่ควรจะรู้เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจลงทุน...
1. แต่ละกองทุนมีผลตอบแทน/ความเสี่ยงที่แตกต่างกันตามประเภทสินทรัพย์ที่ไปลงทุน
ควรเลือกให้เหมาะกับวัตถุประสงค์การลงทุน และระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ เช่น รับความเสี่ยงได้น้อย/ยอมรับผลตอบแทนระดับต่ำได้ก็เน้นกองทุนรวมตราสารหนี้ แต่หากรับความเสี่ยงได้มากหน่อย (ผันผวนมาก) ได้ผลตอบแทนสูงก็เลือกลงทุนในกองทุนรวมทองคำ/น้ำมัน เป็นต้น
2. ควรศึกษารายละเอียดด้านพอร์ตการลงทุนเพิ่มเติม (ไม่ควรดูแค่นโยบาย)
ต้องดูในรายละเอียดในลึกๆ ลงไปว่า กองทุนรวมนั้นๆ ลงทุนในตราสารประเภทใด สัดส่วนการลงทุนเป็นอย่างไร เพราะสัดส่วนการลงทุนที่แตกต่างกัน ความเสี่ยง/ผลตอบแทนย่อมแตกต่างเช่นกัน
3. พิจารณาผู้จัดการกองทุน (Fund Manager)
กองทุนนั้นๆ มีผู้ที่บริหารพอร์ตแบบคนเดียวหรือเป็นทีม เพราะการบริหารเป็นทีมส่วนใหญ่มักจะเสี่ยงน้อยกว่าคนเดียวหากมีใครลาออกไป, ด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ของ ผจก.กองทุน แต่ละคนต่างกัน เก่งหุ้น เก่งตราสารหนี้ หรือเก่งลงทุนต่างประเทศ? ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องนำมาขบคิดทั้งสิ้น
4. ต้องเข้าใจเกี่ยวกับ "ผลตอบแทน" ของกองทุนรวม
# ผลตอบแทนที่รวมเงินปันผลเข้าไปแล้ว (Total Return) โดยดูผลตอบแทนนี้เป็นหลักเพราะบางกองทุนรวมมีนโยบายจ่ายเงินปันผล แต่บางกองทุนก็ไม่มี
# ผลตอบแทนที่ไม่ได้รวมการจ่ายเงิน ปันผล (Price Return) ซึ่งโดยปกติแล้ว Price Return จะต่ำกว่า Total Return
# ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (Annualized Return) ผลตอบแทนในแต่ละปีมาบวกกันแล้วหารจำนวนปีที่ต้องการดูค่าเฉลี่ย เช่น ผลตอบแทนปี 2565-2567 คือ 5, 10 และ 15 ตามลำดับ ให้นำ (5 + 10 + 15) / 3 = 10 บาท
# ผลตอบแทนแบบสะสม (Cumulative Return) นำผลตอบแทนแค่ปีแรกกับปีที่ต้องการคำนวณปีล่าสุดมาดู (ไม่สนใจตัวเลขปีระหว่างนั้น) เช่น ผลตอบแทนปี 2564-2567 คือ 5, 7, 9 และ 10 ตามลำดับ ให้นำ 10 – 5 = 5 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้น (10 - 5) / 5 x 100 = 100%
5. ต้องดูความเสี่ยงของกองทุนรวมด้วย
ให้ดู “ค่าความผันผวน” (Standard Deviation) ยิ่งต่ำยิ่งดี NAV จะไม่เหวี่ยงมากเกินไป (ส่วนระดับความเสี่ยงหรือ “Risk Spectrum” มีทั้งหมด 1-8 เลขมากยิ่งเสี่ยงมาก แต่ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง)
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
6. เปรียบเทียบผลตอบแทนของกองทุนรวมกับตัวชี้วัด (Benchmark)
เช่น ถ้าเป็นกองทุนรวมก็ต้องเทียบผลตอบแทนกับดัชนีหุ้นไทย (SET Index) เป็นต้น (จะเรียกกว่าเป็นการวัดฝีมือ ผจก.กองทุน ก็คงไม่ผิด)
7. เปรียบเทียบกับกองทุนรวมประเภทเดียวกัน
โดยเปรียบเทียบค่าตอบแทน/ค่าใช้จ่าย/ค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น บางกองฯ ผลตอบแทนดูดี แต่ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ สูงมาก สุดท้ายแล้ว Total Return กลับออกมาไม่สูงดังหวัง ก็ต้องอย่าลืมคำนึงถึงจุดนี้ด้วย
8. ผลการดำเนินงานย้อนหลัง
แน่นอนว่าข้อมูลหรือสถิตินี้ สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญของแต่ละ บลจ. ว่ามีความเชี่ยวชาญการลงทุนด้านไหน อย่างไรก็ตามข้อมูลในอดีตก็ไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต เพราะการลงทุนมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ
9. ค่าใช้จ่าย แบ่งเป็น 2 ส่วน
- จ่ายให้ บลจ. เช่น ค่าธรรมเนียมซื้อ-ขาย
- จ่ายให้กองทุน โดยจะหักออกจาก NAV เรียกว่า “Total Expense Ratio” เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการ, ค่าสอบบัญชี, ค่าประชาสัมพันธ์ (PR) เป็นต้น ซึ่งจะมีการแจ้งรายละเอียดผ่านหนังสือรายงานประจำปี
และสุดท้าย...เหนือสิ่งอื่นใด คือ “ต้องมีเงินก่อน” ถึงจะลงทุนใดๆ ได้ เราจึง...
ควรต้องวางแผนจัดสรรเงินได้ส่วนหนึ่งมาเป็นเงินลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยไม่ไปกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันแต่ละมื้อแต่ละเดย์ หรือการจ่ายคืนหนี้ที่ยังมีอยู่
คำสำคัญ:
"NAV" หรือ “Net Asset Value” คือ มูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดของกองทุนรวม รวมถึงผลประโยชน์ต่างๆ ที่กองทุนรวมได้รับจากการลงทุน หักออกด้วยค่าใช้จ่าย/หนี้สินของกองทุนรวมนั้นๆ
โดยปกติจะถูกคำนวณและเปิดเผยให้ทราบทุกวันตามราคาตลาด (Mark to Market) ซึ่ง NAV จะเป็นตัวเลขสะท้อนผลการดำเนินงานของกองทุนรวมที่ดีที่สุดว่ามีการบริหารกองทุนได้กำไร/ขาดทุนมากน้อยแค่ไหน โดยดูได้ที่มูลค่าต่อหน่วยลงทุน (NAV ต่อหน่วย) เทียบกับราคาซื้อ
## ติดตาม "ทีทีดับบลิว" ได้แล้ววันนี้ทาง ##
Website: www.ttwplc.com
Facebook: ttwplc
Instagram: ttwplc
Youtube: TTW Plc Channel
Linkedin: TTW Public Company Limited
Blockdit: TTW Public Company Limited

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา