25 ก.ย. เวลา 04:45 • ท่องเที่ยว
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ

Natural History Museum พิพิธภัณฑ์ที่ห้ามพลาด

Chapter 72/6: Natural History Museum, The Must-Visit Museum in London
ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์เจ๋งๆ อีกแห่งในลอนดอนกันค่ะ
เราเคยพาไปเที่ยวที่ British Museum มาแล้ว (อ่านได้ในลิงค์ด้านล่างค่ะ)
และเป็นที่ที่เราประทับใจสุดๆ เพราะมีโอกาสได้เห็นวัตถุโบราณที่น่าสนใจมากมาย น่าสนใจตั้งแต่ตอนสร้างขึ้นมาจนถึงตอนที่มาอยู่ใน British Museum เลย หลายๆ ชิ้นกลายเป็นมหากาพย์ระหว่างพิพิธภัณฑ์กับประเทศเจ้าของวัตถุโบราณกันเลยทีเดียว
ใน Blog นี้และ Blog ต่อไปจะเป็นเรื่องของพิพิธภัณฑ์ที่เราได้ไปเที่ยวมาในทริปนี้ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้ British Museum เลย เรามาเริ่มจากที่แรกกันก่อนเลยกับ Natural History Museum ค่ะ
Natural History Museum (ขอเรียกชื่อย่อว่า NHM นะคะ) หรือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติตั้งอยู่ที่ Exhibition Road ใน South Kensington ซึ่งบนถนนเส้นนี้จะมีพิพิธภัณฑ์ใหญ่ๆ อยู่ 3 แห่งด้วยกันได้แก่ NHM, Science Museum และ Victoria and Albert Museum ใครที่เป็นสายพิพิธภัณฑ์ มาถนนเส้นเดียวได้ถึง 3 แห่งเลย แต่ต้องมีเวลาเยอะและกำลังขาที่ดีหน่อยนะ
เราเข้าทางฝั่ง East Entrance ส่วนทางเข้าหลักของ NHM จะอยู่อีกด้านที่ถนน Cromwell
NHM เริ่มก่อสร้างในปี 1873–1880 และเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 1881 เดิมที NHM เป็นส่วนหนึ่งของ British Museum แต่เนื่องจากคอลเล็กชั่นต่างๆ ที่ได้รวบรวมไว้มีขนาดใหญ่ขึ้นมากจึงมีการตัดสินใจว่าต้องมีการสร้างพิพิธภัณฑ์แยกต่างหากแล้ว
ซึ่งสิ่งที่ NHM ได้เก็บรวบรวมไว้มีจำนวนมากถึง 80 ล้านชิ้น โดยแต่ละชิ้นจะถูกจัดแยกตามหมวดต่างๆ 5 หมวด ได้แก่ Botany พฤกษศาสตร์, Entomology กีฏวิทยา (การศึกษาเกี่ยวกับแมลง), Mineralogy แร่วิทยา, Palaeontology บรรพชีวินวิทยา (การศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการของสิ่งมีชีวิต) และ Zoology (สัตววิทยา)
NHM มีชื่อเสียงมากในด้านการจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่ดังมากๆ อย่าง Diplodocus ในห้องโถงกลาง จนถึงปี 2017 ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นโครงกระดูกของวาฬสีน้ำเงินแทนจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนั้นยังมีคอลเล็กชั่นที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์มากมาย เช่น คอลเล็กชั่นที่รวบรวมโดย Charles Darwin (ชาร์ลส์ ดาร์วิน) เป็นต้น
อ้อ…ที่ NHM เข้าฟรีนะคะแต่สามารถบริจาคให้พิพิธภัณฑ์ได้ และแนะนำให้จองทาง website มาก่อนจะได้ไม่ต้องเข้าคิวค่ะ
เดินเข้ามาก็เจอกับเจ้านี่เลย
เดินไปตามทางจะเจอกับโซนแรก Human Evolution
โซนต่อไปเกี่ยวกับนกและปลา
และแล้วเราก็เดินมั่วๆ จนมาถึง Hintze Hall หรือห้องโถงกลางที่ตามหา
Hintze Hall
จะสังเกตุเห็นว่าด้านในตัวอาคารของ NHM ดูแตกต่างจากอาคารทั่วไปเพราะเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า Romanesque style ที่เกิดในสมัยยุโรปยุคกลางที่นิยมรูปทรงที่โค้งมน
มีการใช้กระเบื้องดินเผา Terracotta ในการก่อสร้างทั้งภายในและภายนอก จุดประสงค์เพื่อเป็นการป้องกันฝุ่นควันในลอนดอน (ณ สมัยนั้น) มีการแกะสลักลวดลายและต้นไม้ตามเสาต่างๆ เลยทำให้ NHM เป็นอาคารที่มีความสวยงามโดดเด่นกว่าพิพิธภัณฑ์อื่นๆ
และแน่นอนเมื่อมาที่ NHM จะขาดซึ่งบุคคลผู้นี้ไปไม่ได้ Charles Darwin นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษผู้ทำการปฏิวัติความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับที่มาของสิ่งมีชีวิตนั่นเอง
Charles Darwin
ป้ายเฉลิมฉลองเมื่อตอน NHM อายุครบ 100 ปี
เราชอบบริเวณโถงกลางมาก เพราะมองไปทางไหนก็สวยไปหมด
เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยมากๆ
รูปของเหล่านักสำรวจในอดีตที่นำมาซึ่งการศึกษาเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติวิทยาจนถึงปัจจุบัน
รวมถึงกัปตัน James Cook ด้วย
และสิ่งที่โดดเด่นอยู่กลาง Hintze Hall ก็คือโครงกระดูกปลาวาฬสีน้ำเงิน
โครงกระดูกนี้เป็นของปลาวาฬสีน้ำเงินเพศเมียที่มีอายุกว่า 133 ปี มีความยาว 25 เมตรถูกค้นพบเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1891 ที่ชายหาดเมือง Swanton ในประเทศ Ireland
อลังการมากๆ
โซนต่อไปจัดแสดงเกี่ยวกับแร่วิทยา และหินชนิดต่างๆ
ทางเดินไป Darwin Center อาคารรูปทรง Cocoon (รังไหม) ที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ตั้งอยู่ทางปีกด้านทิศตะวันตกของ NHM เป็นที่เก็บรวบรวมตัวอย่างแมลงและพืชต่างๆ สำหรับนักวิทยาศาสตร์เพื่อทำการวิจัย
อันนี้เป็นโซน Mammals สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีซากของปลาวาฬสีน้ำเงินตัวเบ้อเริ่มอยู่
เดินตรงมาเรื่อยๆ จะพบกับโซน Images of Nature ซึ่งจัดแสดงผลงานภาพพิมพ์ ภาพสีน้ำ และภาพวาดประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตย้อนหลังไปถึง 350 ปี
และแล้วก็มาถึงโซนที่ตามหา…ไดโนเสาร์นั่นเอง
เราต้องเดินไปตามทางบังคับซึ่งมีนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ ลืมไปว่าเด็กๆ มักจะชอบดูไดโนเสาร์ โซนนี้ก็เลยเป็นโซนที่การจราจรคับคั่งสุดๆ
เปิดมาได้อลังการมากกับน้อง T-Rex ตัวนี้ซึ่งเป็นหุ่นที่สามารถขยับได้ ส่งเสียงร้องได้ ดูตื่นเต้นดี
เราจะได้เห็นวิวัฒนาการของไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ ได้เห็นซากกระดูกส่วนต่างๆ ของไดโดนเสาร์มากมาย เป็นสัตว์ที่มีเรื่องราวน่าศึกษามาก
นักบรรพชีวินวิทยาที่ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์ในอดีต
ได้ออกมาจากโซนไดโนเสาร์ซักที ข้างในค่อนข้างอบอ้าวมากเลยเพราะคนเยอะ
กลับมาที่โถงกลาง Hintze Hall กันอักครั้งเพื่อชมคอลเล็กชั่นที่จัดแสดงอยู่ตามห้องต่างๆ
เริ่มจาก Imilac Meteorite (อุกกาบาต Imilac) อายุกว่า 4,500 ล้านปี ที่พาเราย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของระบบสุริยะจักรวาล
Imilac Meteorite
อุกกาบาตชิ้นนี้นอกจากจะมีความสวยงามมากแล้ว ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคเริ่มแรกของระบบสุริยะจักรวาลอีกด้วย
ต่อมาเป็นหินที่มีอายุกว่า 2,500 ล้านปีและมีน้ำหนักถึง 2.5 ตัน
หินก้อนนี้มีความสำคัญเพราะทำให้นักวิทยาศาสตร์ทราบถึงที่มาของการกำเนิดโลก ที่เริ่มต้นจากแบคทีเรียในมหาสมุทรเริ่มผลิตออกซิเจนโดยการสังเคราะห์แสงเมื่อประมาณ 2,600 ล้านปีก่อน ต่อมาเกิดการเพิ่มขึ้นของออกซิเจนในบรรยากาศโลกครั้งใหญ่ที่เรียกว่า Great Oxidation Event ทำให้เกิดแร่ธาตุและรูปแบบสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนขึ้นในเวลาต่อมาจนกลายมาเป็นโลกของเรา
ชิ้นต่อไปเป็นโครงกระดูกของไดโนเสาร์ Mantellisaurus ที่มีอายุกว่า 122–129 ล้านปี
Mantellisaurus
โครงกระดูกนี้ประกอบด้วยกระดูกจริง 80–90 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นโครงกระดูกที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกชิ้นหนึ่ง
โครงกระดูกยีราฟที่ตั้งอยู่คู่กับยีราฟจริงที่ถูกสตัฟฟ์ไว้ เพื่อใช้ในการศึกษากายวิภาคเปรียบเทียบ
ชิ้นต่อมาคือ Mastodon (แมสโทดอน) เป็นโครงกระดูกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่เคยอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือตลอดยุคน้ำแข็งจนถึงเมื่อ 13,000 ปีก่อน
Mastodon
ป.ล. Mastodon ไม่ใช่ Mammoth และไม่ใช่ช้าง แต่สัตว์ทั้งสามชนิดนี้จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันที่เรียกว่าสัตว์มีงวง เพียงแต่พวกมันมีวิวัฒนาการในช่วงเวลาที่แตกต่างกันและในรูปแบบที่แตกต่างกัน
ปลา Blue Marlin ตัวใหญ่ยักษ์ขนาดยาว 4 เมตร เป็นปลาที่ว่ายน้ำได้เร็วที่สุดในทะเล
ตั้งใจถ่ายให้ติดคนเพื่อจะได้เห็นขนาดความใหญ่ของมัน
และสุดท้ายคอลเล็กชั่นแมลงที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงามมาก
เป็นยังไงกันมั่งคะสำหรับ Natural History Museum หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีในลอนดอนนอกจากที่ช็อปปิ้ง ส่วนใครที่อยากมาที่นี่แนะนำให้มาตอนเช้าหน่อยซัก 10 โมงน่าจะดีกว่า อย่ามาช่วงบ่ายเหมือนเราคนเยอะสุดๆ เลย
สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วพบกันในตอนหน้าที่จะพาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์อีกแห่งที่สวยไม่แพ้ที่ NHM เลยค่ะ 😊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา