24 ก.ย. เวลา 05:45 • ไลฟ์สไตล์

#14 โอกาสและเหตุผล

วันนี้ตื่นแล้วรีบกระเด้งตัวเองขึ้นมาจากเตียง กลัวนอนต่อ หลังจากเมื่อวานนี้รู้สึกเหนื่อย เพลีย เหมือนพักผ่อนไม่เพียงพอ เลยแจ้งลาหยุดหัวหน้าไป 1 วัน แล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว เตรียมกระเป๋า โทรศัพท์และหมวกกันน็อค แล้ววิ่งไปจุ๊บแก้มแฟน บอกว่าจะออกจากบ้านแล้วนะ ขี่รถออกไปจอดที่สถานีรถไฟ ไม่มีอุปสรรคอะไร เรายังคงพยายามเรียนรู้ จดจำ แล้วก็สังเกตทุกครั้งเรื่อยๆ
จนถึงสถานีปลายทาง เรากำลังลงบันไดลงมา สายตาก็มองไปที่เด็กผู้ชายคนนึง ใส่ชุดนักเรียนรด.ครึ่งท่อน สะพายกระเป๋าเป้ มองผู้หญิงคนข้างหน้า เดินตามติดๆ ตอนแรกเรามองก็เข้าใจว่า ทั้ง 2 คนนั้นมาด้วยกัน แล้วน้องก็เดินตามคุณป้าชิด ชิดแปลกๆ คุณป้าสแกนบัตรโดยสารรถไฟเดินผ่านที่กั้นไป โดยมีน้องเดินตามไปแบบประชิด "น้องจะเดินผ่านที่กันแบบไม่สแกนบัตรนี่เอง" ระบบเซ็นเซอร์เร็วมาก ที่กั้นปิดลงมาทันทีหลังจากที่คุณป้าเดินพ้นไป น้องตั้งใจแบบนั้น แล้วก็ได้เห็นว่า ทั้ง 2 คนนั้นเค้าไม่ได้มาด้วยกัน
เราเดินลงมาถึงด้านล่าง มองน้องอยู่เป็นระยะสลับกับมองทางเดิน น้องเหมือนมองคนอื่นต่อ เราทิ้งระยะห่างไม่ใกล้น้อง แต่ตายังคอยสังเกต น้องวางกระเป๋าลงใกล้กับที่กั้น เรามองหารปภ. ก็กำลังก้มมองโทรศัพท์ ไม่ได้มองบริเวณนี้ ในหัวค้นหาคำตอบมากมาย แต่เราก็เลือกที่จะเดินต่อ ไม่ได้มองน้องแล้ว
ระยะทาง 1 กิโล ที่เราต้องเดินไปขึ้นวิน เราคิดตลอดทาง สาเหตุของการกระทำนั้นคืออะไรได้บ้าง ถ้าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ น้องไม่มีเงินมาเรียน เราคิดไว้ว่า เราสามารถชำระให้น้องเค้าได้ แน่นอนไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าเป็นเหตุผลอื่นล่ะ อย่างแรกน้องหลับแบบนั้น แปลว่าขาเข้า เค้าก็ใช้ trick นี้เช่นกัน...รึเปล่า? ถ้าน้องได้เงินจากพ่อแม่ แต่เลือกที่จะทำอย่างนั้นเองล่ะ ถ้าน้องสติไม่สมประกอบล่ะ โอ้ย...มากมาย
เราเป็นคนนึงที่กู้เรียนนะ ตั้งแต่ม.ปลายจนจบมหาวิทยาลัยเลย ครอบครัวเราไม่พร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายตรงนี้ การชำระเงินเป็นก้อน ค่าเทอม ค่ากิจกรรมต่างๆ มาจนถึงน้องสาวเรา ที่กำลังเรียนอยู่ตอนนี้ เราทั้งคู่กู้เรียน เราเข้าใจการเข้าไม่ถึงการร่วมกิจกรรมบางอย่าง ที่เราไม่สามารถบอกหรืออายที่จะบอกเหตุผลได้
เราที่เงินเดือนไม่ถึง 2 หมื่นบาท ตอนนี้ เราพร้อมที่จะกันเงินที่จะนำไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายนี้ มาแบ่งให้น้องสาวอย่างไม่ต้องคิด ก่อนเราจะให้ เราแค่ย้ำว่า ขอให้ใช้แบบให้เกิดประโยชน์ ใช้เรื่องเรียน เรื่องจำเป็น ถ้าขาดจริงๆ แค่เอ่ยมา เราจะหาให้ เราอยากให้น้องเราได้ร่วมกิจกรรม หรือเรียนเหมือนคนอื่นๆเช่นกัน
ตั้งแต่เราเรียนจบมา เรามีความคิดที่อยากจะบริจาคเงินให้กับเด็กที่ขาดทุนการศึกษาได้มีโอกาสในการเรียนหนังสือ แต่จบมานานขนาดนี้ รายได้ก็ยังไม่พร้อมแบ่งปันคนอื่นสักเท่าไหร่ หลายๆครั้งเราก็หงุดหงิดกับระบบเศรษฐกิจ ระบบการปกครองของบ้านเรา ว่าทำไมเรื่องการศึกษาของประเทศเรา ยังพัฒนาได้เท่านี้ เราเป็นประเทศโลกที่ 3 มาานมาก แล้วทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นอยู่
จากการที่เราฟังอภิปราย การประชุมในรัฐสภา เราเห็นเม็ดเงินว่ามันหมุนเวียนในประเทศ ว่ามันเยอะแค่ไหน มันไปตกหล่น หรือไปลงที่ตรงไหนกันนะ เราเป็นคนตัวเล็ก ตะโกนให้สุดเสียง มันจะมีโอกาสไปถึงใครไหมนะ เฮ้อ... เหนื่อยเหมือนกันนะ ก้มหน้า ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ค่อยว่ากันใหม่นะ
โฆษณา