Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
HR Talk by Tamrongsak
•
ติดตาม
28 มี.ค. เวลา 23:00 • ธุรกิจ
เปอร์เซ็นต์ของ Range Spread และ Midpoint Progress จำเป็นต้องเท่ากันทุกกระบอกหรือไม่?
คำตอบคือ “ไม่จำเป็น” ครับ
ถ้าเข้าใจหลักการของ Range Spread (RS) และ Midpoint Progress (MPP) ตามที่ผมเคยอธิบายไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็จะเห็นว่า RS และ MPP ไม่จำเป็นต้องมีเปอร์เซ็นต์เท่ากัน
แลัวทำไมเห็นบางบริษัททำโครงสร้างเงินเดือนโดยมีค่า RS=100% และมีค่า MPP= 35% เท่ากัน “เป๊ะ” ทุกกระบอกล่ะ?
ก็ตอบได้ว่าคงเพราะบริษัทนั้นอาจจะมีนโยบายในการเลี้ยงคนไว้ในแต่ละ Job Grade นานเท่า ๆ กันทุกกระบอกก็เลยกำหนดค่า RS ไว้ที่ 100%
แต่ถ้าบริษัทไหนคิดว่า Job Grade ไหนจะต้องเลี้ยงคนไว้นานกว่ากระบอกก่อนหน้า เพราะโอกาสที่คนใน Job Grade นี้จะ Promote ขึ้นไปในกระบอกถัดไปน้อยลง ก็อาจจะวางค่า RS ไว้มากกว่า 100% เช่น วาง RS=150% ก็ได้
อีกประการหนึ่งคือการทำค่า RS ทุกกระบอกให้เท่า ๆ กัน หรือทำค่า MPP ให้เท่ากันทุกช่วงก็จะทำให้ดูสวยดีเหมือนกับทำตามตำรา
แต่ในชีวิตจริงถ้าบริษัทไหนมี Job Grade น้อยหรือมีนโยบาย Broadbanding คือมี 4-6 Job Grade ก็มีโอกาสที่จะไม่ได้เห็นค่า RS = 100% ทุกกระบอก
ขืนไปทำตามตำราอย่างงั้นล่ะก็ทั้งคนเก่าและคนเข้าใหม่มีหวังจะลาออกกันหัวกระไดไม่แห้งแหละครับ เพราะโอกาส Promote มีน้อยอยู่แล้ว ดันไปออกแบบให้เงินเดือนตันเร็วซะอีกใครจะอยากอยู่ล่ะครับ
ดังนั้นบริษัทไหนที่มีตั้งแต่ 8 Job Grade ขึ้นไปก็เปรียบเสมือนบ้านที่มีเนื้อที่ใช้สอยเยอะก็จะสามารถตกแต่งห้องต่าง ๆ ให้ดูดีมีชาติตระกูลได้
แต่ถ้าบ้านที่มีเนื้อที่ใช้สอยน้อย (มี Job Grade น้อย) ก็จะตกแต่งหรือทำอะไรได้ยากกว่าแหละครับ
ส่วนค่า MPP ก็จะมีบริบททำนองเดียวกับเรื่องของ RS เพียงแต่ความหมายของ MPP คือถ้าวางเปอร์เซ็นต์ไว้เท่ากันทุกช่วง เช่น MPP=30% ทุกช่วง ก็แปลว่าบริษัทนั้นต้องการจะจูงใจให้คนอยาก Promote ในระดับใกล้เคียงกันและบริษัทจะมีต้นทุนในการปรับเงินเดือนเมื่อ Promote ในระดับใกล้เคียงกัน
แต่ถ้าบริษัทมีนโยบาย Broadband มี Job Grade น้อย ค่าของ MPP ก็ไม่มีทางที่จะน้อย เช่น 20-30% หรือไม่มีโอกาสจะเท่ากันทุกช่วงได้ เพราะเปรียบเสมือนบ้านมีเนื้อที่ใช้สอยน้อยจะตกแต่งอะไรตามตำราได้ยาก
ยังค่า MPP แต่ละช่วงมีโอกาสที่จะเกิน 40% ขึ้นไป
มาถึงตรงนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์และเป็นไอเดียของคนที่กำลังทำเรื่องเหล่านี้อยู่บ้างแล้วนะครับ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเราใช้ตำราหรือทฤษฎีเป็นแนวคิดได้ แต่อย่ายึดติดตำรามากจนเกินไป แล้วนำมาใช้แบบ Copy แต่ไม่ Development จนไม่ดูบริบทความเป็นจริงที่หน้างาน และควรจะต้องรู้จักวิธีการประยุกต์ใช้ระหว่างตำรากับหน้างานให้เหมาะสม
ถ้าเรารู้จักการประยุกต์ใช้ ผลที่ได้คือประสบการณ์ทำงานที่ดีที่หาไม่ได้จากในตำราและจะเป็นมูลค่าเพิ่มในตัวเราเองครับ
ข้อคิด
พัฒนาตัวเอง
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย