9 ต.ค. เวลา 06:55 • ประวัติศาสตร์

Investor เล่าเรื่อง “ต้มยำกุ้ง”: วิกฤตที่เผ็ดร้อนเหมือนรสชาติไทย

ถ้าย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2540 ชื่อ “ต้มยำกุ้ง” ไม่ได้มีแค่ความหมายในฐานะเมนูอาหารที่เผ็ดร้อน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของวิกฤตเศรษฐกิจที่สั่นสะเทือนเอเชียอย่างแรง ในตอนนั้น โลกกำลังเห็นภาพที่เงินทุนไหลเข้ามาในเอเชียเหมือนน้ำหลาก ไทยถูกมองว่าเป็น “เสือเศรษฐกิจ” ที่กำลังรุ่งเรือง มีการลงทุนที่กระจายไปทั่ว ทั้งในโครงการก่อสร้าง โรงแรม และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ นักลงทุนต่างชาติหันมามองไทยว่าเป็นดินแดนแห่งโอกาส ทว่าไม่มีใครคิดเลยว่าวันหนึ่งโอกาสเหล่านี้จะนำไปสู่ความล้มเหลวอย่างรุนแรง
ในช่วงเวลานั้น คนไทยรู้สึกมั่นใจในความเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นโครงการใหญ่ๆ เติบโตขึ้นมา แต่แล้ววันหนึ่ง ค่าเงินบาทเริ่มมีปัญหา นักลงทุนต่างชาติเริ่มถอนเงินออกอย่างรวดเร็ว แม้รัฐบาลจะพยายามยื้อค่าเงินบาทไว้ แต่ก็เหมือนพยายามตักน้ำด้วยมือ สุดท้ายต้องปล่อยให้ค่าเงินบาท “ลอยตัว” หมายถึงให้มันเคลื่อนไหวตามกลไกตลาดแทนการรักษาไว้ในราคาที่กำหนด
ค่าเงินที่เคยมั่นคงกลับปรับตัวสูงขึ้นจนคนต้องตกใจ ขณะที่หนี้สินที่กู้จากต่างประเทศกลับเพิ่มขึ้นทันที ธนาคารประสบปัญหาใหญ่ คนตกงานเป็นจำนวนมาก และบริษัทใหญ่ๆ ที่เคยดังพลันล้มละลาย ชีวิตของคนไทยต้องเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีการปฏิรูปหลายอย่างเพื่อกลับมายืนได้อีกครั้ง
เวลาผ่านไป วิกฤตครั้งนี้กลายเป็นบทเรียนสำคัญ ที่ทำให้เรารู้ว่าความเสี่ยงนั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม และการพึ่งพาการกู้เงินจากต่างประเทศอย่างเดียวอาจมีผลที่ไม่เป็นมิตร วิกฤตนี้ทำให้ไทยและประเทศอื่นๆ เริ่มระมัดระวังมากขึ้น และมีการวางระบบการเงินให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
จนถึงทุกวันนี้ เมื่อพูดถึง “ต้มยำกุ้ง” คนไทยหลายคนยังคงจำช่วงเวลานั้นได้อย่างดี แม้จะมีความเจ็บปวด แต่ก็เป็นบทเรียนที่เผ็ดร้อนและทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับประเทศของเรา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา