1 พ.ย. เวลา 13:30 • ประวัติศาสตร์

พระเวสสันดรบริจาคหมด ใครขออะไรก็ให้ ถ้ามองในมุมของสิทธิมนุษยชนละ

อันนี้ก็ลำบากใจที่ต้องพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับศาสนา แต่นี่ขอโพสต์ในความคิดเห็นของตัวเองเท่านั้นแล้วกันนะคะ
ไม่เข้าใจมาตั้งตั้งแต่เด็กแล้วว่า ทำไมพระเวสสันดรถึงมีสิทธิ์ขาดในการจะให้อะไรใครก็ได้ทั้งหมดรวมถึงชีวิตของคนที่เป็นลูกเมียด้วย
คงต้องเถียงว่าในสมัยก่อน ผู้ชายเป็นใหญ่มาก มีคำเรียกว่าระบอบปิตาธิปไตย คือชายเป็นใหญ่ ผู้ชายพูดอะไรคือถูกหมด ต้องทำตามนั้น ผู้หญิงห้ามพูดห้ามเถียง
ตรงนี้หรือเปล่าที่เอามาอ้างอิงถึงพระเวสสันดรในการบริจาคกัณหาชาลีและพระนางมัทรี
ในเรื่องของกัณหาชาลีเอาไว้ก่อนนะคะ ยังไม่ขอพูดถึง ติดใจเรื่องพระนางมัทรีมากกว่า
พระเวสสันดร มีสิทธิ์ อะไรคะในการยกชีวิตพระนางมัทรัห้กับคนอื่นไปเลย
ลอง คิดดูสิคะ ถ้า พ่อเรายกเราให้ใครก็ไม่รู้ไป เราจะยินยอมไปง่ายๆเลยเหรอ คงต้องเถียงกันบ้างล่ะ มีลูกสาวคนไหนยอมทำตามคำพูดของพ่อแบบนี้มั้ยคะ ขนาดการคลุมถุงชนยังเลิกไปแล้วเลย
กลับมาที่เรื่องของพระเวสสันดรกันต่อนะคะ รับไม่ได้มากมายค่ะ ยอมรับไม่ได้เลยในมุมมองของสิทธิสตรีและสิทธิมนุษยชน
ถึงแม้จะอ้างทีหลังว่าพระอินทร์กลัวคนจะมาขอพระนางไปก่อนก็เลยลงมาขอไปก่อนแล้วฝากไว้ก็เถอะ มันไม่เข้าท่าค่ะ ตรรกะวิบัติมากๆ
สมมุติว่าคนคนนั้นไม่ใช่พระอินทร์ล่ะ แต่ดันยกให้ไปแล้ว มันจะแปลว่าอะไร แปลว่านางมัทรีต้องถูกบริจาคไปเหรอ ต้องเป็นของคนอื่นใช่ไหม คนนั้นจะเอาไปปู้ยี่ปู้ยำยังไงก็ได้เหรอ
ในมุมมองถึงเรื่องสิทธิสตรี เราสงสัยมากค่ะ ตั้งแต่เด็กแล้ว
แต่ตอนเป็นเด็กในตอนโน้น มันเหมือนพูดไม่ได้อ่ะ พูดไปถ้าผู้ใหญ่หาคำตอบที่ฟังดูเป็นเหตุเป็นผลไม่ได้ก็จะทำเป็นโมโหแล้วพูดว่า “ เป็นเด็กเป็นเล็กมาถามอะไรยุ่งยากจู้จี้จุกจิก” ปิดปากเด็กเลย
แต่สมัยนี้ดีขึ้นเยอะมากนะ เราสามารถตั้งคำถามได้ ผู้ใหญ่ตอบไม่ได้ทำเป็นโมโห มันก็จะมีศัพท์คำว่า “TOXIC ”ปรากฏขึ้น เด็กสมัยนี้ไม่ยอมรับแล้วค่ะ เค้าเข้าไปหาคำตอบใน Google หรือทางออนไลน์ช่องทางไหนๆก็ได้ ไม่ต้องง้อผู้ใหญ่ที่เอาแต่อ้างว่าเกิดก่อน อาบน้ำร้อนมาก่อนแต่ตอบคำถามไม่ได้ทำเป็นโมโหแล้วเดินหนี
แต่ในเรื่องการบริจาคนางมัทรีนี่ เราขอตั้งคำถามในมุมมองของสิทธิสตรีว่า พระเวสสันดรมีสิทธิ์อะไรหรอ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา