28 ต.ค. เวลา 16:08 • ปรัชญา

การให้โดยเสน่หาและความยุติธรรมในคดีทนาย "ต"

คดีของทนาย "ต" และเจ้ "อ"
ปมเงินโอน71ล้านของทนายชื่อดังที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้
“มุมมองของคุณเกี่ยวกับการให้โดยเสน่หาที่เกิดขึ้นในคดีนี้คืออะไร?
เป็นกรณีที่ดึงดูดความสนใจในสังคมไทยอย่างมาก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการให้โดยเสน่หาจำนวนเงินมหาศาล ซึ่งนำไปสู่ข้อพิพาททางกฎหมายที่ซับซ้อน การวิเคราะห์กรณีนี้ต้องอาศัยความเข้าใจในกฎหมายแพ่งและอาญารวมถึงการแสดงเจตนาและเงื่อนไขในการให้เงิน
สถานะทางกฎหมาย
การให้โดยเสน่หาในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 521 ระบุว่าการให้ต้องมีการแสดงเจตนาอย่างชัดเจน หากไม่มีการแสดงเจตนาหรือมีเงื่อนไขในการให้ ผู้ให้สามารถเรียกร้องคืนทรัพย์สินได้ (กรมบังคับคดี, 2564) นอกจากนี้ผู้ให้สามารถยกเลิกการให้ได้หากผู้รับทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อผู้ให้ตามมาตรา 533
การวิเคราะห์กรณีทนาย"ต"
ในกรณีนี้ ทนาย "ต" อ้างว่าเงิน 71 ล้านบาทที่ได้รับเป็นการให้โดยเสน่หา แต่เจ้ "อ"ยืนยันว่ามีเหตุผลในการเรียกคืนเงิน การตัดสินคดีนี้ขึ้นอยู่กับหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการแสดงเจตนาให้โดยเสน่หาหรือไม่ หากเจ้ "อ"สามารถพิสูจน์ว่าไม่มีเจตนาให้โดยเสน่หา ทนาย"ต"อาจต้องคืนเงิน
แนวทางการดำเนินคดีของเจ้"อ"
เจ้"อ"สามารถดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา โดยในคดีแพ่ง เธออาจเรียกร้องคืนเงินโดยอ้างว่าการให้ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนในคดีอาญา หากมีหลักฐานเพียงพอที่แสดงว่ามีการฉ้อโกง เธอสามารถดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งความผิดฐานฉ้อโกงนี้ต้องแจ้งความภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่ทราบเหตุ (กระทรวงยุติธรรม, 2563)
การแจ้งความภายในระยะเวลา
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 การแจ้งความข้อหาฉ้อโกงต้องทำภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่ทราบเหตุ เพื่อให้คดีไม่ขาดอายุความและสามารถดำเนินการต่อในทางกฎหมายได้
โอกาสการชนะคดี
โอกาสในการชนะคดีของเจ้"อ"ขึ้นอยู่กับการแสดงเจตนาและเงื่อนไขของการให้เงิน หากเธอสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีเงื่อนไขหรือไม่มีเจตนาให้โดยเสน่หา เธออาจมีโอกาสชนะคดี นอกจากนี้ แนวทางคำพิพากษาศาลฎีกามักพิจารณาจากหลักฐานและเจตนาของทั้งสองฝ่าย หากพบว่าเจตนาไม่ชัดเจน ศาลอาจตัดสินให้คืนเงิน (ศาลฎีกา, 2565)
เรื่องภาษีการให้ (Gift Tax)
ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องคำนึงถึง โดยการรับเงินโดยเสน่หาจากผู้อื่นที่มีมูลค่าเกินกว่า 1 ล้านบาท ผู้รับอาจต้องเสียภาษีในอัตรา 5% ซึ่งหากทนาย "ต"อ้างว่ารับเงินมาโดยเสน่หาอาจจะต้องเสียภาษีในส่วนนี้หรือไม่
กรณีคดีนี้ฉันฉุกตั้งคำถามจากความจริงใจและความยุติธรรม: "การให้โดยเสน่หาควรมีเจตนาชัดเจนเพียงใดเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด?" และ หากความเมตตาเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต แต่การปกป้องตนเองอาจต้องละเลยความเมตตา เราควรเลือกสิ่งใด?
คดีนี้ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการแสดงเจตนาและหลักฐานที่ชัดเจนในการให้โดยเสน่หา คำถามเชิงปรัชญาที่เกิดขึ้นจะยังคงท้าทายให้เราคิดเกี่ยวกับความยุติธรรมในสังคมและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
----
อ้างอิง
กรมบังคับคดี. (2564). ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์. กรุงเทพฯ: รัฐสภา.
กระทรวงยุติธรรม. (2563). กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับการให้โดยเสน่หา. สืบค้นจาก https://www.moj.go.th
ศาลฎีกา. (2565). คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับการให้โดยเสน่หา. สืบค้นจาก https://www.coj.go.th
ปลายดาวอินฟินิตี้
28ตุลาคม2568
โฆษณา