11 พ.ย. เวลา 03:40 • หนังสือ

📌16 ข้อคิดด้านการลงทุนในหุ้น วิถีแห่งคุณค่า วิถีแห่ง วอเร็น บัฟเฟตต์ : The Warren Buffett Way

💡 การลงทุนนั้นมีนัยความหมายอันหลากหลาย “สิ่งสำคัญอยู่ที่เจตนา” หรือวัตถุประสงค์ การลงทุนเกิดจากการวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน (การศึกษาข้อมูลที่เข้าถึงได้อย่างละเอียด เพื่อให้ได้มาซึ่งบทสรุปบนพื้นฐานของตรรกะและเหตุผล) การป้องกันความเสี่ยงของเงินตั้งต้น (ตรวจสอบความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ และการนำเสนออย่างเป็นกลางของข้อมูล) และอัตราผลตอบแทนที่ยอมรับได้ (หลักทรัพย์นี้มีความน่าสนใจมากน้อยเพียงใด) “การปฏิบัติใดที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขทั้งสามประการนี้ล้วนถือว่าเป็นการเก็งกำไร”
💡 การที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น นักลงทุนจำเป็นต้องทำเพียงไม่กี่สิ่งให้เชี่ยวชาญก็เพียงพอแล้ว หนึ่งในสิ่งนั้นคือ “การเข้าลงทุนเฉพาะบริษัทที่ประกอบธุรกิจอยู่ในขอบเขตซึ่งเราสามารถทำความเข้าใจได้” ความผิดพลาดส่วนใหญ่ในช่วงเริ่มต้นชีวิตนักลงทุนคือ การพยายามแสดงความสามารถที่นอกเหนือไปจากข้อจำกัดทางประสบการณ์ของตนเอง ความรู้ที่มีไม่เพียงพอ ขอบเขตที่ไม่คุ้นเคย
💡 เป้าหมายแห่งการเป็นนักลงทุนของคุณควรจะมีพื้นฐานดำรงอยู่บนการเข้าซื้อหลักทรัพย์ในราคาที่สมเหตุสมผล บนธุรกิจที่คุณเข้าใจดี และมีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทนั้นจะดำรงอยู่อย่างแข็งแกร่งจนทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างคาดการณ์ได้ชัดเจนในอีก 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปีนับต่อจากนี้ไป คุณอาจสามารถค้นหาบริษัทที่มีคุณลักษณะยอดเยี่ยมเหล่านี้ได้เพียงหยิบมือเดียวตลอดระยะเวลาหลายปีเลยก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อค้นพบแล้ว คุณก็ควรที่จะเข้าซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าวเป็นจำนวนมากอย่างมีนัยสำคัญ
💡 จงเรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางซึ่งคุณเลือกก้าวเดิน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องอยากเป็นเหมือนพวกเขา หากคุณอายุยังน้อย “บทเรียนซึ่งสำคัญที่สุดคือการค้นพบตนเอง” แต่หากคุณมีอายุมากขึ้นมาอีกหน่อย “บทเรียนสำคัญก็คือ คุณยังอ่อนเยาว์กว่าที่ตนเองคิดมากมายนัก” และคุณควรออกแบบชีวิตให้เหมือนว่ามันยังเป็นเช่นนั้นอยู่ตลอดเวลา อย่าหยุดกระบวนการพัฒนา จงพัฒนาตนเองต่อไปให้ดีที่สุด ในแบบที่เป็นตัวตนของคุณเอง
💡 “เวลาที่เราลงทุน เรามักจะมองตนเองในฐานะนักวิเคราะห์ธุรกิจ ไม่ใช่นักวิเคราะห์ตลาด ไม่ใช่นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ ไม่แม้แต่จะเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์” มองหาบริษัทที่คุณสามารถเข้าใจในรูปแบบของธุรกิจ มีแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวที่ดี มีการบริหารจัดการโดยบุคลากรที่ซื่อสัตย์และมีความสามารถ สุดท้ายคือมีราคาที่เหมาะสม
💡 การลงทุนอย่างมีหลักการเหตุผลนั้นมีเพียง 2 ปัจจัยหลักเท่านั้น นั่นก็คือ อะไรคือมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ? และธุรกิจนั้นสามารถถูกซื้อได้ในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมันหรือไม่? ราคาหุ้นขึ้นอยู่กับตลาด ส่วนมูลค่าถูกประเมินจากนักวิเคราะห์หลังจากการได้พิจารณาข้อมูลทั้งหมดซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ผู้บริหาร และคุณสมบัติทางการเงิน “ราคาและมูลค่าไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกันเสมอไป”
💡 นักลงทุนผู้มุ่งมั่นมีทางเลือกอยู่สองทาง คือ การเลือกที่จะคิดวิเคราะห์ในมุมมองเฉกเช่นเจ้าของธุรกิจให้ครบทุกแง่มุม หรือเลือกใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการซื้อขายในแต่ละวันเพียงเพื่อให้รู้สึกว่าได้ลงมือทำอะไรบางอย่าง หรือด้วยเหตุผลอื่นใดนอกเหนือไปจากปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ
💡 หากคุณเป็นนักลงทุนที่ “ไม่มีความรู้” คุณควรลงทุนในกองทุนรวมอิงดัชนี (Index Fund) แต่หากคุณเป็นนักลงทุนที่พอจะมีความรู้ สามารถเข้าใจพื้นฐานทางธุรกิจ และสามารถประเมินมูลค่าพื้นฐานของกิจการหรือราคาหุ้นที่เหมาะสม จะเป็นการดีกว่าหากพุ่งเป้าไปที่บริษัทเพียงหยิบมือเดียวประมาณ 5 – 10 บริษัท
พอร์ตการลงทุนในอุดมคติไม่ควรมีหุ้นมากไปกว่า 10 บริษัท ในสมมติฐานว่าจะมีการถือครองหุ้นเป็นสัดส่วนบริษัทละ 10% ในพอร์ตการลงทุนรวม ในความเป็นจริงคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าอาจมีบางบริษัทที่มีความน่าจะเป็นมากกว่าบริษัทอื่น และบริษัทนั้นควรได้รับสัดส่วนที่มากกว่าในพอร์ตการลงทุน
💡 การวางเดิมพันครั้งสำคัญควรลงมือทำก็ต่อเมื่อมี 2 สถานการณ์เกิดขึ้นพร้อมๆ กันเท่านั้น ข้อที่หนึ่งคือ “ความมั่นใจ” ในตัวบริษัทซึ่งคุณสนใจเข้าซื้อลงทุนที่มีค่อนข้างมาก และข้อที่สองคือ “ราคาหุ้นของบริษัทนั้นมีแต้มต่อมากกว่าที่ควรจะเป็น” ซึ่งแน่นอนว่า “การวางเดิมพันครั้งสำคัญ” ต้องมาพร้อมกับจำนวนเงินสำหรับเดิมพันที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อชะตาชีวิตนักลงทุนตามระดับความมั่นใจของตัวคุณเอง
💡 สิ่งที่จำเป็นต้องทำอันดับแรกในโลกแห่งการเดิมพันก็คือ “การคำนวณความน่าจะเป็น” ต่างๆ ที่คุณอาจมีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย อาทิเช่น โอกาสที่ราคาหุ้นของบริษัทนั้นๆ จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยตลาดในระยะยาวคือเท่าไหร่?
จากนั้นจึงอดทนรอแต้มต่อซึ่งดีที่สุด ความสำเร็จจะยืนอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ตราบใดที่การเดิมพันหรือการลงทุนของคุณมี “ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย” (Margin of Safety : MOS) เมื่อใดก็ตามหากบริษัทที่คุณสนใจมีราคาหุ้นลดลงต่ำกว่า “มูลค่าที่แท้จริง” นั่นคือสัญญาณสำคัญที่กระซิบบอกให้คุณลงมือทำทันที
💡 “นักลงทุนผู้มีความรู้ จะวางเดิมพันอย่างหนักหน่วงในสถานการณ์ที่ตลาดมอบโอกาสสุดพิเศษให้แก่พวกเขา” วางเดิมพันครั้งใหญ่เมื่อมีแต้มต่อหรือความได้เปรียบอย่างชัดเจน เวลาที่เหลือนอกเหนือไปจากการศึกษาหาความรู้แล้ว พวกเขาจะไม่ลงมือทำอะไร มันง่ายแค่นั้นเอง
💡 หากคุณพร้อมที่จะทำงานหนักเพื่อการเรียนรู้ทางธุรกิจอันหลากหลายในระยะยาว คุณก็มีแนวโน้มที่จะเข้าใจหุ้นซึ่งถือครองอยู่ได้มากกว่านักลงทุนทั่วไป นั่นเพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณได้เปรียบคนอื่นๆ หากมีมุมมองต่อการลงทุนในหุ้นเสมือนการทำธุรกิจ คุณได้เริ่มต้นก้าวเดินนำหน้าคนส่วนใหญ่กว่า 99 เปอร์เซ็นต์ในตลาดหุ้นแล้ว และสิ่งนี้คือข้อได้เปรียบอันมากโขพอสมควร นักลงทุนที่แท้จริงไม่เคยถูกบีบให้ต้องขายหุ้นของพวกเขา เป็นอิสระต่อความเปลี่ยนแปลงอันไร้เหตุผลที่เกิดขึ้นรายวันในตลาดหุ้น
💡 สิ่งที่สามารถจินตนาการได้ยากยิ่งที่สุดก็คือ “การคิดว่าคุณไม่ได้ฉลาดไปกว่าค่าเฉลี่ย” นักลงทุนคือบรรดาคนที่มีความมั่นใจว่าตนเองฉลาดกว่าคนอื่น ประเมินศักยภาพและความรู้ของตนเองคลาดเคลื่อน พึ่งพาข้อมูลซึ่งเน้นย้ำต่อสิ่งที่พวกเขาเชื่อถือ และมองข้ามข้อมูลที่ขัดแย้ง สมองยังคงทำงานในการวิเคราะห์เพียงข้อมูลที่วางอยู่แล้วตรงหน้า แทนการค้นหาข้อมูลที่ยังไม่มีใครล่วงรู้
💡 หากคุณเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นนั้นไร้ประสิทธิภาพ และเป็นโอกาสทองแห่งการลงทุน ผมเชื่อว่ามันมักจะเกิดขึ้นบนแนวทางการลงทุนที่เชื่องช้า ค้นคว้าข้อมูลเชิงลึก สังเกตพัฒนาการในระยะยาวของธุรกิจ ต้องการเวลาตัดสินใจ ตรวจสอบซ้ำไปซ้ำมา ใช้ความชำนาญในระดับสูง สิ่งเหล่านี้มีความหมายสำหรับการลงทุนระยะยาว มันเกี่ยวข้องกับการทำงานหนัก การใช้ความคิด การใช้สมาธิซึ่งมากเกินกว่าการเพ่งมองเพียงตัวเลขในงบการเงิน
การลงทุนให้ประสบความสำเร็จนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การควบคุมอารมณ์อย่างมีเหตุมีผล” ความสามารถในการมองผ่านปัจจุบัน วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต จนตกผลึกเหลือเป็นทางเลือกที่รอบคอบมากที่สุด
💡 “ความสำเร็จในการลงทุนเกิดจากการทำในสิ่งที่ถูก ให้ได้มากกว่าสิ่งที่ผิด” การกำจัดสิ่งซึ่งอาจทำผิดพลาดได้อย่างง่ายดายออกไป ควบคุมตนเองให้ลงมือกระทำเพียงบางสิ่งบางอย่างให้ถูกต้องเสมอ (การประเมินมูลค่าพื้นฐาน) สนใจอย่างเจาะลึกเพียงสองตัวแปรง่ายๆ คือ “ราคาของธุรกิจ และมูลค่าของมัน” ราคานั้นสามารถมองหาได้จากตลาดหุ้น แต่มูลค่า คุณจำเป็นต้องคำนวณมันออกมาด้วยตนเอง
คุณไม่จำเป็นต้องวิตกจริตเกี่ยวกับตลาดหุ้น ภาวะเศรษฐกิจ หรืออะไรก็ตามทำนองนั้น เวลาอันมีประสิทธิภาพสามารถถูกใช้ไปกับการอ่านรายงานประจำปีของบริษัท ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยพัฒนาองค์ความรู้ในฐานะเจ้าของกิจการ
💡 อันที่จริงแล้ว ยิ่งคุณมีความกระหายต่อการเรียนรู้มากเท่าไหร่ ความจำเป็นที่คุณจะต้องพึ่งพาคนอื่นก็ยิ่งลดลงตามไปด้วย “ทัศนคติในการลงทุนของพวกเรา (Berkshire Hathaway) ต่างเข้ากันได้ดีกับลักษณะนิสัย และแนวทางที่พวกเราต้องการใช้ชีวิต”
🙏ขอขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ
📖วิถีแห่งคุณค่า วิถีแห่ง วอเร็น บัฟเฟตต์ : The Warren Buffett Way
ผู้เขียน : โรเบิร์ต จี. แฮกสตรอม (Robert G. Hagstrom)
ผู้แปล : พิริยะ พาณิชย์ชะวงศ์
สำนักพิมพ์ : เอฟพี เอดิชั่น, 2021
ขอให้มีความสุขกับการลงทุน ในทุกๆวันนะครับ 😊
โฆษณา